MG โดย SAIC Motor Corp. ตัดสินใจที่จะย้ายฐานการผลิต MG3 จากโรงงานลองบริดจ์ ในอังกฤษ กลับไปยังประเทศจีน เพื่อปรับปรุงสายการผลิตให้ทันสมัย และเพื่อเป็นการรวมศูนย์กลางของการกระจายสินค้า
MG ปฏิเสธถึงการตัดสินใจดังกล่าว ว่าไม่เกี่ยวข้องกับการที่สหราชอาณาจักร ลงมติแยกตัวออกจากกลุ่มสหภาพยุโรป ซึ่ง MG เคยระบุก่อนหน้าการลงมติว่า ยังไม่พร้อมที่จะส่งรถที่ประกอบจากอังกฤษไปขายในทวีปยุโรป โดยแถลงการณ์ที่ออกเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว กล่าวว่าการหยุดการประกอบในอังกฤษ “เป็นการสร้างความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก และสนับสนุนแผนการลงทุนระยะยาวในผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ”
โรงงานประกอบรถยนต์ในอังกฤษ เริ่มทำการประกอบในโรงงานของ MG Rover เดิม เมื่อปี 2554 ด้วยรถยนต์นั่งขนาดกลาง MG6 เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ยังชื่นชอบผลิตภัณฑ์ของอังกฤษ โดย SAIC เข้าควบรวมกิจการของ Nanjing Automobil ในปี 2551 ซึ่งเป็นผู้ซื้อ MG Rover ในปี 2548 ในช่วงที่อุตสาหกรรมยานยนต์ในอังกฤษล่มสลาย
MG ประสบกับความยากลำบากในการกลับสู่ตลาดอังกฤษเพียงประเทศเดียว โดยเมื่อปีที่แล้วจำหน่ายรถได้เพียง 3,152 คัน แต่ก็คาดการณ์ว่าจะสามารถเพิ่มยอดการจำหน่ายในปีนี้ให้ได้ 5,000 คัน หลังจากแนะนำ GS คอมแพคท์เอสยูวี เมื่อกลางปี โดย GS ประกอบจากโรงงานของ SAIC ในเมือง Lingang ประเทศจีน
โรงงานประกอบในลองบริดจ์ ทำหน้าที่เพียงประกอบขั้นตอนสุดท้าย โดยรับชิ้นส่วนที่ประกอบแล้วเสร็จมาจากประเทศจีน 80 % โดยมีเพียงพนักงานสายการผลิต 40 คน ที่ทำหน้าที่ติดตั้งเครื่องยนต์, ช่วงล่าง, ระบบกันสะเทือน และไฟส่องสว่างหน้า โดย MG ระบุว่าหากมีการย้ายโรงงานจริง จะทำให้ต้องปลดพนักงานออกไป 25 ตำแหน่ง
โรงงานเริ่มการประกอบ MG3 ในปี 2557 โดยในปีนี้ MG ตัดสินใจที่จะไม่พัฒนาเครื่องยนต์ดีเซล เพื่อให้รองรับมาตรฐานยูโร 6 ทำให้โรงงานแห่งนี้เหลือเพียงทำการประกอบ MG3 รุ่นเดียว
หาก MG หยุดการผลิตในอังกฤษ และสั่งนำเข้ารถยนต์จากประเทศจีน MG จะเสียภาษีรถยนต์นำเข้าทั้งคัน 10 % ขณะที่รถยนต์ที่ทำการประกอบบางส่วนในอังกฤษ เสียภาษีเพียง 5 %
SAIC กล่าวว่า ยังคงทำการออกแบบและพัฒนาทางวิศวกรรมต่อในลองบริดจ์ โดยประกาศว่าจะลงทุน 1.2 ล้านปอนด์ ราว 60 ล้านบาท เพื่อติดตั้งส่วนตรวจสอบเครื่องยนต์ชุดที่ 5โดยในส่วนการออกแบบนี้ มีพนักงานและวิศวกรด้านการออกแบบ 300 คน ปฏิบัติงานอยู่ 
