เจฟฟรีย์ กอดีอาโน ประธานกรรมการบริหาร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา บีเอมดับเบิลยู มีการพัฒนากระบวนการผลิต และบุคลากรอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 16 ปี ทำให้มีศักยภาพในการประกอบรถยนต์ และมอเตอร์ไซค์ที่แตกต่างกันถึง 19 รุ่น ของ บีเอมดับเบิลยู, มีนี และบีเอมดับเบิลยู มอเตอร์ราด ด้วยคุณภาพของยนตรกรรมหรู และเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียมทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
ทั้งนี้เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2557 บีเอมดับเบิลยู ประสบความสำเร็จฉลองการประกอบรถยนต์ บีเอมดับเบิลยู และมีนี ครบ 50,000 คัน และในปีนี้ บีเอมดับเบิลยู ประสบความสำเร็จอีกครั้งหนึ่งด้วยการฉลองการผลิตครบ 70,000 คัน และอีกความสำเร็จหนึ่งก็คือ เมื่อเดือนเมษายน 2559 ที่ผ่านมา บีเอมดับเบิลยู เริ่มส่งออก บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 3 และบีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 5 ไปยังประเทศจีน
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา บีเอมดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่งฯ มีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปี 2559 มีการลงทุนกว่า 488 ล้านบาท เพื่อใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อการส่งออกสำหรับ บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 3 และบีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 5 สู่ประเทศจีน และเพิ่มการจ้างงานกว่า 400 ตำแหน่ง นอกจากนั้นโรงงานของ บีเอมดับเบิลยู จะเริ่มทำการประกอบรถยนต์พลัก-อิน ไฮบริด อีก 2 รุ่นในช่วงครึ่งปีหลังนี้
ความสำเร็จของ บีเอมดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่งฯ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีความยืดหยุ่นสูงทั้งในด้านกระบวนการผลิต ห่วงโซ่อุปทาน และการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง นั้นเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตยนตรกรรมหรู และเพื่อรองรับเทคโนโลยีการผลิตใหม่ๆ เช่น รถยนต์พลัก-อิน ไฮบริด เป็นต้น
Model | Start Price (THB) |