นับแต่ปี 2510 เมื่อค่าย Lotus ติดตั้งสปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่ด้านท้ายของ Lotus49 เพื่อแปลงกระแสลมที่วิ่งผ่านหลังคารถและกดลงบนสปอยเลอร์ ให้กลายเป็นแรงกดตามหลักการแอโรไดนามิคลงบนล้อหลัง และค่ายรถยนต์ต่างก็พัฒนาสปอยเลอร์หลังกันมานับแต่นั้นเป็นต้นมา
ปัจจุบัน บรรดารถแรงระดับซูเพอร์คาร์ ไม่เพียงพัฒนารูปร่างของสปอยเลอร์หลัง หรือปีกหลัง เพื่อช่วยให้เกิดแรงกด แต่ยังเพิ่มเติมส่วนต่างๆ เพื่อช่วยในการลู่ลม หรือการบังคับกระแสลมรอบตัวรถ ช่วยในเรื่องความมั่นคง และการควบคุม ให้ตัวรถสามารถวิ่งแทรกไปในอากาศได้เร็วที่สุด
และผลพวงของสิ่งต่างๆ ย่อมมีทั้งด้านดีและด้านเสีย เพราะเมื่อเพิ่มส่วนประกอบด้านท้ายเข้าไป เพื่อช่วยให้ลู่ลม นั่นคือการเพิ่มน้ำหนัก ค่าใช้จ่าย ความสวยงามของตัวรถ และบางครั้งเป็นความเร็วสูงสุดด้วย
แต่ในปี 2017 ค่าย Aston Martin เตรียมเพิ่มสิ่งประดิษฐ์เพื่อให้รถลู่ลม ตามหลักอากาศพลศาสตร์ ในรุ่นล่าสุด DB11 เพิ่มช่องอากาศด้านข้างตัวรถ บริเวณเสาหลังปลายสุดของขอบกระจก และมีท่อรับลมผ่านใต้ท่อรับน้ำมัน ปล่อยกระแสลมผ่านออกไปด้านหลังตัวรถ เพื่อให้เป็น “สปอยเลอร์เสมือน” ตามคำกล่าวของวิศวกร
และยังมีสปอยเลอร์ที่ Aston Martin เรียกว่าเป็นต้นแบบ แต่ก็เคยมีใช้กันในซูเพอร์คาร์ราคาระดับ 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ของหลายค่าย โดยเป็นสปอยเลอร์ซ่อนอยู่ในช่องเล็กๆ ด้านท้ายรถ ในชื่อ Gurney flap ที่จะมีกลไกเลื่อนขึ้นลงในขณะความเร็วสูง เจ้าสปอยเลอร์นี้สูงขึ้นจากตัวรถ 2.5 นิ้ว โดยจะเริ่มเลื่อนขึ้นเมื่อความเร็วตั้งแต่ 80-130 กม./ชม. ขึ้นอยู่กับโหมดการขับขี่ที่เลือกใช้
หัวหน้าฝ่ายออกแบบของ Aston Martin ระบุว่า ต้องการให้แนวทางการออกแบบ ออกมาอย่างสวยงาม คงเส้นสายความงามของรถในตระกูลให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ขณะเดียวกันก็ต้องคำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์ เพื่อให้ได้สมรรถนะสูงสุดของรถเช่นกัน เลยต้องนำ AeroBlade มาซ่อนอยู่ในตัวถังรถ และใช้กลไกเลื่อนขึ้น เมื่อต้องการการต้านลม โดยไม่ต้องติดตั้งถาวรอยู่ด้านนอกเหมือนเดิม

