ทดลองขับ(formula)
TANK 500 HYBRID เอสยูวีหรูพันธุ์ผสมตัวแรง แซงคู่แข่ง
TANK (แทงค์) เป็นบแรนด์เอสยูวีของ GWM (กเรท วอลล์ มอเตอร์) ที่มียอดขายของบแรนด์เกิน 200,000 คัน ในปี 2565 ที่ประเทศจีน และ TANK 500 คือหนึ่งในนั้น
ภายนอก เอสยูวีพันธุ์แกร่ง บอดีบนเฟรม
TANK 500 ใหญ่ที่สุดในรถระดับเดียวกัน มิติตัวรถ ยาว/กว้าง/สูง 5,078/1,934/1,905 มม. ระยะฐานล้อ 2,850 มม. ใหญ่กว่า FORD EVEREST (ฟอร์ด เอเวอเรสต์) ที่มีมิติ 4,914/1,923/1,842 มม. แต่มีฐานล้อ 2,900 มม. ซึ่งยาวกว่า
TANK 500 HYBRID มีให้เลือก 2 รุ่น คือ รุ่น ULTRA (อุลทรา) และรุ่น PRO (พโร) โดยรุ่น PRO มีสีให้เลือก 3 สี ได้แก่ ขาว ดำ เทา และเพิ่มสีเทาคริสตัล อีกสีในรุ่น ULTRA
TANK 500 HYBRID มีความบึกบึน แต่ยังสง่างาม กระจังหน้าขนาดใหญ่แนวนอน และโลโก TANK ที่ลงตัวรับกับฝากระโปรง ไฟหน้า INTELLIGENT LED ดีไซจ์นเฉพาะตัว มีระบบเปิด/ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบปรับไฟสูง/ต่ำอัตโนมัติ หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิค มาพร้อมราวหลังคา เสาอากาศแบบครีบฉลาม และสปอยเลอร์ท้าย
ประตูท้ายแบบบานสวิง พร้อมระบบดูดไฟฟ้า กล้องมองหลังบนฝาครอบยางอะไหล่ ไฟท้าย LED ในแนวตั้ง
บันไดข้างระบบไฟฟ้า พร้อมฟังค์ชันเปิด/ปิดอัตโนมัติ เมื่อเปิด/ปิดประตู ล้อขนาด 18 นิ้ว ยาง 265/60 R18 ในรุ่น PRO และล้อขนาด 20 นิ้ว ยาง 265/50 R20 ในรุ่น ULTRA
ภายใน หรู นั่งสบาย เน้นความสะดวก
ภายในสีดำ ยกเว้นในรุ่น ULTRA สีเทาคริสตัล เป็นทูโทนสีน้ำเงิน/เบจ เบาะหนัง NAPPA และการตกแต่งห้องโดยสารด้วย AMBIENT LIGHT
พวงมาลัยไฟฟ้าปรับแบบ 4 ทิศทาง และระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ (PADDLE SHIFT) หน้าจอกลางแบบสัมผัส ขนาด 14.6 นิ้ว รองรับทั้ง APPLE CAR PLAY, ANDROID AUTO, MP5, BLUETOOTH จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทอล ขนาด 12.3 นิ้ว และจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกด้านหน้า
ลำโพง INFINITY ในรุ่น ULTRA มี 12 ลำโพง ระบบแอมพลิฟายเออร์อิสระ และระบบปรับระดับเสียงอัตโนมัติตามความเร็วรถ
ไฟตกแต่งห้องโดยสาร AMBIENT LIGHT พร้อมฟังค์ชันแบบหลายสี และเป็นจังหวะ นาฬิกาแบบคลาสสิค ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย
เบาะหนัง NAPPA เบาะนั่งไฟฟ้าคู่หน้า พร้อมระบบเบาะนวดไฟฟ้า ระบบดันหลังปรับด้วยไฟฟ้า และระบบระบายอากาศ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง และระบบ WELCOME SEAT เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับตำแหน่งเบาะผู้โดยสารด้านหน้าจากด้านคนขับ
เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 พร้อมหน้าจอควบคุมระบบระบายอากาศ และเบาะระบายอากาศ ที่พักแขนตอนกลาง ม่านบังแดด และช่องปรับอากาศ แยกพับเบาะได้แบบ 60:40
เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 3 พร้อมพนักพิงปรับ/พับไฟฟ้าได้แบบ 50:50 จากประตูท้าย พื้นที่สัมภาระด้านท้ายสูงสุด 1,400 ลิตร เมื่อพับเบาะเรียบ
เครื่องยนต์ 244 แรงม้า พร้อมลุยแบบออฟโรด
ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังเครื่องยนต์สูงสุด 244 แรงม้า พร้อมแรงบิดเครื่องยนต์สูงสุด 38.7 กก.-ม. (380 นิวตันเมตร) และกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 106 แรงม้า พร้อมแรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 27.3 กก.-ม. (268 นิวตันเมตร) ระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ (9HAT) พร้อมโหมดการขับขี่สูงสุดถึง 11 รูปแบบ ปกติ/สปอร์ท/ประหยัด/อัตโนมัติ/พื้นโคลน/พื้นทราย/พื้นหิน/4H/พื้นหิมะ/4L/เชี่ยวชาญ
ระบบรองรับ ระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบออฟโรด
ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระ ดับเบิล ครอสส์ อาร์ม และระบบกันสะเทือนหลังแบบอิสระ มัลทิลิงค์ ให้การขับขี่ที่ยึดเกาะถนน และนั่งสบาย ตอบสนองการขับขี่ทั้งในเมือง และนอกเมือง
ระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบออฟโรด ได้แก่ ระบบลอคเฟืองขับด้านหน้า และด้านหลัง ระบบช่วยกลับรถในพื้นที่แคบ (TANK TURN) ระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบออฟโรด (OFF-ROAD CRUISE CONTROL) ช่วยผู้ขับขี่ในการควบคุมรถบนเส้นทางออฟโรด
ฟังค์ชันอัพเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA) สั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ พร้อมระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่ และระบบความปลอดภัยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ทั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ มาพร้อมกล้องติดรถยนต์ ADAS ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา ระบบเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรง และทางแยก ระบบช่วยเตือน และเบรคเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง เซนเซอร์กะระยะ 6 จุดด้านหน้า และ 6 จุดด้านหลัง ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน ระบบตรวจจับเส้นถนน และช่วยแจ้งเตือนเมื่อรถกำลังออกนอกเลน ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน ระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการเกิดการชนซ้ำครั้งที่ 2 ระบบช่วยลงทางลาดชัน ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู ระบบตรวจความดันลมยาง
สรุป รูปโฉมดูกแรนด์ 244 แรงม้า ก็พอใช้
เปรียบกับรถเอสยูวีที่เคยผ่านมือ TANK 500 HYBRID มีหน้าตา รูปร่าง ยางอะไหล่ประตูท้าย เห็นแล้วทำให้นึกถึง ราชาออฟโรด กำลังเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ เสริมแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ามาเร็ว พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยบนมาตรวัดอยู่ที่ 10-11 กม./ลิตร ส่วนอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 8.9 วินาที
ส่วนการควบคุม และใช้งานระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ก็สะดวก และยังมีระบบลอคเฟืองขับด้านหน้า และด้านหลัง ระบบช่วยกลับรถในพื้นที่แคบ ระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบออฟโรดที่ใช้ง่ายเพียงแค่กดปุ่ม
ทั้งหมดนี้ ถือเป็นมาตรฐานใหม่ในแบบฉบับเอสยูวีสายลุย ที่หรูหรา สะดวกสบายไม่แพ้เอสยูวีค่ายยุโรป