ค่าย BYD (บีวายดี) รุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในบ้านเราอย่างต่อเนื่อง หลังจากเปิดตัว ครอสส์โอเวอร์อย่าง ATTO 3 (อัทโท 3) ในปีที่แล้ว ตามด้วยแฮทช์แบคอย่าง DOLPHIN (ดอลฟิน) ล่าสุด ได้เวลาของสปอร์ทซีดานขนาดใหญ่ SEAL (ซีล) หลังจากที่เคยมาเผยโฉมในงาน MOTOR EXPO 2022 ไปแล้ว พร้อมกับการทดลองขับเส้นทาง กรุงเทพฯ-เขาใหญ่ กับรุ่นทอพ PERFORMANCE (เพอร์ฟอร์มานศ์) 530 แรงม้า !
BYD SEAL ในแต่ละรุ่นของประเทศไทย เราพบว่าการเรียกชื่อรุ่นย่อยมีความแตกต่างเล็กน้อยจากต่างประเทศ แต่ตัวเลขสเปคไม่แตกต่างกันมากนัก โดยมีมิติตัวถัง คือ ความยาว 4,800 มม. กว้าง 1,875 มม. สูง 1,460 มม. และระยะฐานล้อถึง 2,920 มม. จัดเป็นซานระดับ ดี เซกเมนท์ ก็ว่าได้ ส่วนระยะความสูงจากพื้นถนน คือ 120 มม. รุ่น PERFORMANCE ใช้ล้อแมกขนาด 19 นิ้ว (ยาง 235/45 R19) เช่นเดียวกับรุ่น PREMIUM (พรีเมียม) ส่วนรุ่นพื้นฐาน DYNAMIC ใช้ล้อแมกขนาด 18 นิ้ว (ยาง 225/50 R18) ส่วนเส้นสายโดยรวมมีความโฉบเฉี่ยว มาดสปอร์ท ตัวถังดูคล่องแคล่วด้วยระยะโอเวอร์แฮงหน้า/หลังที่กระชับสั้น จุดแตกต่างของรุ่นทอพ PERFORMANCE คือ การติดตั้งป้ายที่ตัวถังส่วนท้าย ระบุระบบขับเคลื่อนแบบ AWD และการระบุว่า 3.8 S บ่งบอกอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. นั่นเอง อย่างไรก็ตาม เรามีความรู้สึกว่า ทางผู้ผลิตน่าจะเสริมความแตกต่างของรุ่นทอพให้มากกว่ารุ่นย่อยอื่นๆ มากกว่านี้อีกเล็กน้อย
การออกแบบห้องโดยสารมีความทันสมัย ผสมความหรูหรา คันเกียร์เป็นแบบใส มีขนาดเล็ก รอบๆ คันเกียร์มีกาติดตั้งปุ่มใช้งานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปุ่มเปลี่ยนโหมดระบบขับเคลื่อน (ปุ่มแบบกลิ้งขึ้น/ลง) รวมถึงโหมดการส่งกำลัง การทำงานของระบบปรับอากาศ และปุ่ม Start ระบบการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า จตอแสดงผลหลักสามารถหมุนในแนวนอน/แนวตั้ง มีขนาดใหญ่ถึง 15.6 นิ้ว หน้าจอคมชัด ตอบสนองการสัมผัสได้ไหลลื่น การใช้งานในหลายส่วนต้องทำผ่านหน้าจอ รวมถึงการปรับทิศทางของช่องแอร์ก็ต้องทำผ่านหน้าจอด้วย ! (ไม่สามารถปรับทิศทางลมกับช่องแอร์โดยตรง) เป็นจุดที่ต้องทำความคุ้นเคยพอสมควร ส่วนจอแผงหน้าปัดมีขนาด 10.25 นิ้ว มีขนาดใหญ่กว่าของ Atto 3 และ Dolphin
BYD SEAL รุ่นทอพ PERFORMANCE ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ กำลังสูงสุด 531 แรงม้า (มอเตอร์ด้านหน้า 160 กิโลวัตต์ / ด้านหลัง 230 กิโลวัตต์) ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา แบทเตอรีความจุ 82.56 กิโลวัตต์ชั่วโมง รองรับการชาร์จไฟฟ้าสูงสุด (DC) ที่ 150 กิโลวัตต์ ระยะทำการสูงสุดเมื่อชาร์จเต็ม (มาตรฐาน NEDC) คือ 580 กม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.8 วินาที ตามที่ผู้ผลิตระบุมา
BYD SEAL PERFORMANCE ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา สามารถไต่ความเร็วสามารถทำได้ในพริบตา ตามระดับการกดคันเร่ง ทางผู้ผลิตระบุว่า นับว่ามีความดุดันมากๆ สำหรับผู้ขับที่เท้าหนัก แม้อรรถรสด้านซุ่มเสียงที่เร้าใจแบบเครื่องยนต์สันดาปจะขาดหายไป แต่ความกระแทกกระทั้นของอัตราเร่งสามารถชดเชยได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เราพบว่า การขับขี่แบบเน้นความสะดวกสบายได้ดีเช่นกัน หากใช้โหมดขับเคลื่อนที่เหมาะสม และการกดคันเร่งแบบค่อยเป็นค่อยไป การขับเคลื่อนทำนุ่มนวลไม่แพ้รุ่นย่อยอื่นๆ ไม่ใช่เป็นรถยนต์พละกำลังสูงที่มีความสุดโต่งตลอดเวลา เผื่อเหลือให้การใช้งานทั่วไปด้วย
ขณะทำทำอัตราเร่งในทางตรง ระบบรองรับของรุ่น PERFORMANCE ยังรองรับได้ดี แต่การเข้าโค้งมุมแคบ และการหักเลี้ยวแบบหนักหน่วง ยังคงมีอาการโคลงให้สัมผัส แม้ระบบรองรับจะใช้ชอคอับแบบ FSD ก็ตาม โดย FSD มาจากคำว่า FREQUENCY SELECTIVE DAMPING นั่นคือ ชอคอับที่แปรผันการตอบสนองได้ตามสภาวะการขับขี่ เป็นอุปกรณ์ที่มีในรุ่น PERFORMANCE เท่านั้น และสเริมความมั่นใจด้วยระบบ ITAC ที่จะคบคุมการส่งกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้า หากมีการหักเลี้ยวค่อนข้างมาก พร้อมกับการกดคันเร่งลึก ระบบจะตัดการส่งกำลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ลดความเร็วลงมาขณะอยู่ในโค้ง นับเป็นระบบที่เพิ่มเติมเข้ามาเพื่อรองรับแรงม้าได้มั่นใจยิ่งขึ้น
BYD SEAL คือ ซีดานขนาดใหญ่ นั่งได้สบาย อุปกรณ์ใช้สอยครบครัน ทันสมัย จุดเด่นของรุ่นทอพ PERFORMANCE คือ พละกำลังสูงสุดกว่า 513 แรงม้า ภายใต้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา อัตราเร่งถูกปลดปล่อยออกมาอย่างรวดเร็วสมกับพละกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าถึง 2 ชุดด้วยกัน มั่นใจได้กับระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ถูกเสริมเข้ามาในรุ่นทอพโดยเฉพาะ กับราคาที่ 1,599,000 บาท เป็นสิ่งที่ไม่เคยเจอในรถยนต์รุ่นอื่นๆ ทั้งรถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป สิ่งที่ผู้ขับต้องตระหนัก คือ อัตราเร่งที่ร้อนแรง แต่ระบบรองรับยังคงมีความนุ่มนวลเช่นกัน การขับขี่แบบเน้นสมรรถนะ ยังคงต้องใช้ความระมัดระวังในเวลาเดียวกัน นอกเหนือจากนั้นแล้ว นี่คือ ซีดานสไตล์สปอร์ทที่มีความคุ้มค่าไม่เบา !