ทดลองขับ
ALL-NEW MITSUBISHI TRITON
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เชิญเราไปร่วมทริพพิเศษ ONE DAY TRIP เพื่อพิสูจน์สมรรถนะของ ALL-NEW MITSUBISHI TRITON (มิตซูบิชิ ทไรทัน) ใหม่ จะเป็นอย่างไร ลองไปดูกัน
ภายนอก
ALL-NEW MITSUBISHI TRITON เป็นรถกระบะเจเนอเรชันที่ 6 ที่ถูกพัฒนาสานต่อความสำเร็จของกระบะรุ่นยอดนิยมของค่าย ด้วยการออกแบบใหม่หมดทุกมิติ มีดีไซจ์นที่แข็งแกร่ง ดุดัน ปราดเปรียว และผสานเทคโนโลยีวิศวกรรมยานยนต์ชั้นสูงเพื่อความสมบูรณ์แบบในการขับขี่ เพื่อกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ ครอบครัวทุกขนาด ที่มีอายุตั้งแต่ 30-50 ปี เจ้าของธุรกิจ หรือพ่อค้า/แม่ค้าที่มองหารถกระบะที่เชื่อใจได้ และซ่อมบำรุงง่าย
มีอะไรบ้างที่เปลี่ยนไป ภายนอกมีขนาดของตัวรถที่ใหญ่ขึ้น เฟรมใหม่ (MEGA FRAME) โครงสร้างแข็งแกร่งมากขึ้น ให้ความปลอดภัย ลดความรุนแรงจากการชน มีความทนทานสูง บรรทุกหนักดีขึ้น แต่น้ำหนักเบาลงจากรุ่นก่อน โดยเฟรมใหม่มีน้ำหนักรวม 192 กก. โครงสร้างใหม่นี้ถูกออกแบบให้ดูแข็งแกร่ง และยังมีจุดเด่นที่กระบะด้านท้ายมีขนาดใหญ่ขึ้นจากรุ่นเดิม การปฏิวัติโครงสร้างใหม่นี้ ถูกพัฒนาภายใต้แนวคิด BEAST MODE
ส่วนหน้าตาของตัวรถ ถูกออกแบบใหม่หมด ไฟหน้าดูโฉบเฉี่ยว และกระจังหน้าทรงเหลี่ยม มาพร้อม DYNAMIC SHIELD สัญลักษณ์ของ MITSUBISHI ไฟหน้าแบบ LED พร้อมระบบเปิด/ปิดอัตโนมัติ และมีไฟเดย์ไทม์ แบบ LED เช่นกัน ด้านหน้าแล้วแต่ความชอบของแต่ละคน บางคนมองว่าหล่อ บางคนมองว่าเฉยๆ เพราะยังไม่คุ้นตา ไฟท้ายรูปทรง T-SHAPE แบบ LED ส่วนล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว มาพร้อมยางขนาด 265/60 R18 โดยรวมแล้วเส้นสายด้านข้างยังมีเหลี่ยมคม ที่ตั้งใจทำให้ดูแปลกตา
ภายใน
ภายในห้องโดยสาร ออกแบบใหม่หมดด้วยแนวคิด GEOMETRIC DESIGN & PREMIUM TOUCH เน้นวัสดุภายในคุณภาพสูง (MITSUBISHI TOUCH) ออกแบบฟังค์ชันต่างๆ โดยคิดจากสรีระของผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร ตำแหน่งการใช้งาน ให้ทุกฟังค์ชันใช้งานสะดวก และง่ายต่อการควบคุม แผงหน้าปัดขนาดใหญ่ บุด้วยวัสดุซอฟท์ทัช สัมผัสนุ่มมือ ลบทุกเหลี่ยมคม หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ LCD ขนาด 7 นิ้ว พวงมาลัยทรง 3 ก้าน จับถนัดมือ ปรับได้ 4 ทิศทาง พร้อมสวิทช์ควบคุมมัลทิฟังค์ชัน ส่วนสวิทช์ควบคุมระบบปรับอากาศ ถูกออกแบบมาให้พอดีกับระดับมือ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกซ้าย/ขวา ควบคุมด้วย TOGGLE SWICTH ในองศาที่สะดวกต่อการใช้งาน มือจับเปิด/ปิดประตูรูปทรง 3 มิติ ออกแบบมาให้ใช้งาน แม้ว่าคุณจะใส่ถุงมือก็เปิด/ปิดได้ง่าย
สิ่งอำนวยความสะดวกที่เพิ่มเติมเข้ามา คือ แท่นชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย, ระบบหมุนเวียนอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง, ช่องต่อ USB-A และ USB-C แบบฟาสต์ชาร์จ และช่องเก็บของด้านหลังเบาะผู้โดยสารตอนหน้า
อีกหนึ่งจุดเด่นที่ต้องพูดถึง คือ พื้นที่ห้องโดยสารมีความกว้างที่สุด โดยมีพื้นที่วางขากว้างถึง 160 มม. และยังออกแบบโดยคำนึงถึงผู้ใช้งานเป็นหลัก ตามแนวคิด ERGONOMIC DESIGN SEAT เบาะนั่งออกแบบให้โอบกระชับ แต่นั่งสบายไม่อึดอัด, ระบบปรับไฟฟ้าด้านคนขับ 8 ทิศทาง พร้อมระบบปรับดันหลัง (LUMBAR SUPPORT) และเบาะนั่งยังออกแบบให้ผู้ขับเอี้ยวตัวมาหยิบสิ่งของด้านหลังได้ง่ายกว่าเดิม
เครื่องยนต์
ขุมพลังใหม่ รหัส 4N16 (HYPER POWER) เป็นเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ ความจุ 2.4 ลิตร กำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 3,500 รตน. แรงบิดสูงสุด 43.8 กก.-ม. (430 นิวตันเมตร) ที่ 2,250-2,500 รตน. ถ่ายทอดกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
เครื่องยนต์บลอคนี้เป็นเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบแปรผัน VG TURBO เจเนอเรชันล่าสุด พัฒนาใหม่หมด ให้ประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่าเดิม ทั้งสมรรถนะ ความประหยัด และความทนทาน สิ่งที่ปรับใหม่ คือ ระบบปั๊มหัวฉีดที่สร้างแรงดันได้สูงกว่า ฉีดละอองน้ำมันได้ละเอียดขึ้น ช่วยให้เผาไหม้สมบูรณ์ นอกจากนี้ ยังเพิ่มระบบวาล์วระบายแรงดันน้ำมันเครื่อง ช่วยลดภาระในการทำงานของเครื่องยนต์ในระยะยาว และเครื่องยนต์ผลิตจากอลูมินัมอัลลอย ทั้งเสื้อสูบ และฝาสูบ ทนทาน น้ำหนักเบา ช่วยให้ระบายความร้อนได้ดี
ระบบรองรับ
ระบบรองรับออกแบบใหม่ มีระยะช่วงชักที่ยาวขึ้น และชอคอับมีขนาดใหญ่ขึ้นจากรุ่นเดิม เน้นการขับขี่ที่นุ่มสบาย ทั้งบนทางเรียบ และทางวิบาก ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ ปีกนก 2 ชั้น คอยล์สปริง และชอคอับ ด้านหลังแบบแหนบแผ่นซ้อน ระบบเบรคด้านหน้าแบบจาน ระบายความร้อน ส่วนด้านหลังแบบดุม รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 6.2 ม. พวงมาลัยแบบฟันเฟือง และตัวหนอน พร้อมเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรง นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงอัตราทดเกียร์ของพวงมาลัยที่ทำงานเร็วขึ้น เพิ่มความคล่องตัว และตอบสนองได้ดีกว่ารุ่นเดิม
ระบบความปลอดภัยต่างๆ อัดแน่นแบบจัดเต็ม ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ADAS หรือ DIAMOND SENSE อาทิ ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ (AHB: AUTOMATIC HIGH BEAM), กล้องมองรอบคัน (MAM: MULTI AROUND VIEW MONITOR), ระบบเตือนด้านหลัง ขณะถอยออกจากช่องจอด (RCTA: REAR CROSS TRAFFIC ALERT), ระบบเตือนจุดอับสายตา พร้อมสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (BSW WITH LCA: BLIND SPOT WARNING WITH LANE CHARGE ASSIST) และระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM: FORWARD COLLISION MITIGATION SYSTEM)
นอกจากนี้ ยังมีถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง, ระบบเบรค ABS, ระบบเสริมแรงเบรค BA, ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรคอัตโนมัติแบบอีเลคทรอนิคส์ EBD, โครงสร้างนิรภัยเหล็กกล้า ที่ผลิตจากเหล็กแรงดึงสูง HIGH-TENSILE STEEL, คานเหล็กกันกระแทกด้านข้างประตู เป็นต้น
รุ่นที่เราได้ทดลองขับ คือ ALL-NEW TRITON DOUBLE CAB รุ่น PLUS 2.4 ULTRA AT ราคา 1,027,000 บาท เป็นรถ 4x2 ยกสูงตัวทอพ บอกเลยว่า การบังคับควบคุมรถทำได้ง่ายขึ้น ช่วงล่างไม่ย้วย ให้ความมั่นใจในขณะขับขี่ทุกเส้นทาง โดยเฉพาะในเส้นทาง DIRT TRACK ที่ค่ายอดิศร จ. สระบุรี ทั้งทางใน และทางขุรขระ พวงมาลัยตอบสนองได้รวดเร็ว วงเลี้ยว 6.2 ม. ที่คิดว่าจะกว้างกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เลี้ยวง่ายมาก ส่วนอัตราเร่งของเครื่องยนต์ตอบสนองต่อเนื่อง และอัตราประหยัดน้ำมันที่ทำได้ 26.5 กม./ลิตร ในช่วงความเร็วประมาณ 100 กม./ชม. ถือว่าดีมากสำหรับรถกระบะที่มีน้ำหนักตัว 1,870 กก.
ฟันธง
เจเนอเรชัน 6 ดูแตกต่าง และใส่ฟีเจอร์โดนๆ ไว้เยอะ โครงสร้างใหม่ ช่วงล่างใหม่ ให้ความยืดหยุ่นสูง และช่วยสร้างความมั่นใจในการขับขี่ ถ้าคุณกำลังมองหารถกระบะเพื่อใช้งาน...NEW TRITON คือ หนึ่งในตัวเลือกที่คุณต้องมอง
