ทดลองขับ(formula)
MG MAXUS 9
ค่าย MG (เอมจี) ยังคงรุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง เสริมความหลากหลายล่าสุดกับ เอมพีวี หรู MAXUS 9 (แมกซัส 9) กับราคาที่สูงกว่า 2 ล้านบาท วัดใจผู้ต้องการความกว้างขวาง ภูมิฐาน และล้ำสมัยด้วยการใช้งานระบบสัมผัส รวมถึงพละกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าถึง 245 แรงม้า
ภายนอก ล้ำสมัย และหรูหรา
เส้นสายภายนอกของ MG MAXUS 9 มาในสไตล์ เอมพีวี ขนาดใหญ่ แต่ขัดเกลาให้มีความทันสมัยสมกับการเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ไฟส่องสว่างเวลากลางวันทรงเรียว ถูกติดตั้งบริเวณมุมของกันชนหน้า ด้านหน้าของตัวรถออกแบบให้ไร้กระจังหน้า เป็นรูปแบบทรงทึบตามแบบฉบับรถยนต์ไฟฟ้า ไฟท้ายถูกออกแบบให้ดูทันสมัย ล้อแมกขนาดใหญ่ถึง 19 นิ้ว ยางขนาด 235/55 R19 (ในรุ่นทอพ V (วี) จะใช้ยางแบบรันฟแลท) มิติตัวถังโดยรวมใกล้เคียงกับ เอมพีวี ราคา 2 ล้านบาทที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป โดย MAXUS 9 มีความยาว 5,270 มม. และระยะฐานล้อที่ 3,200 มม. ส่วนความสูงจากพื้นถนน คือ 140 มม. โดยชุดแบทเตอรีถูกออกแบบให้เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างตัวรถ
ภายใน ความ “ลักชัวรี” เต็มพิกัด
จุดเด่นของ MG MAXUS 9 คือ ห้องโดยสารที่ถูกออกแบบได้อย่างหรูหรา ผสมการใช้งานที่ทันสมัย ในรุ่นทอพ V ติดตั้งเบาะนั่งแถวที่ 2 เป็นแบบ วีไอพี ขนาดของตัวเบาะจะมีความกว้างเป็นพิเศษ และติดตั้งระบบควบคุมตัวเบาะเป็นแบบสัมผัสผ่านหน้าจอบริเวณที่เท้าแขนของเบาะแถวที่ 2 เราพบว่าการใช้งานมีความหลากหลาย และน่าสนใจมาก สามารถควบคุมตำแหน่งของเบาะ รวมถึงการใช้งานระบบนวดหลังของผู้โดยสารได้หลากหลายตำแหน่งตามต้องการ การตอบสนองของจอระบบสัมผัสทำได้น่าพอใจ ให้ความสะดวกสบายขณะโดยสารได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากนี้การตกแต่ง และการประกอบโดยรวมเปี่ยมด้วยคุณภาพ สมกับการเป็น เอมพีวี หรู พื้นที่โดยรวมมีให้เหลือเฟือ อย่างไรก็ตาม หากมีผู้โดยสารบนเบาะแถวที่ 3 ผู้โดยสารบนเบาะแถวที่ 2 อาจต้องเลื่อนตำแหน่งของเบาะขึ้นมาเล็กน้อย ขณะที่เบาะคู่หน้ามีความกว้างขวาง จอแสดงผลหลักขนาด 12.3 นิ้ว มีความคมชัดดี แผงหน้าปัดเป็นจอดิจิทอล 7 นิ้ว ขนาดค่อนข้างเล็ก อ่านตัวเลข และการแสดงผลค่อนข้างลำบาก ส่วนทัศนวิสัยของผู้ขับมีความปลอดโปร่งดีมาก
เครื่องยนต์ มอเตอร์ 245 แรงม้า
เอมพีวี พลังไฟฟ้ารุ่นนี้ ขับเคลื่อนด้วย มอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 245 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 35.7 กก.-ม. การส่งกำลังโดยรวมยังคงเน้นความนุ่มนวล สามารถไต่ความเร็วได้อย่างไหลลื่น และมีเสียงรบกวนต่ำ ความเร็วจาก 90-120 กม./ชม. ทำได้ในระยะเวลาอันสั้น การเร่งแซง หรือการใช้ความเร็วแบบยืดหยุ่นทำได้ดีเช่นกัน แม้จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีแบทเตอรีความจุ 90.0 กิโลวัตต์ชั่วโมง ย่อมมีน้ำหนักตัวรถค่อนข้างมาก (แม้ผู้ผลิตไม่ได้ระบุตัวเลขที่ชัดเจน) อัตราเร่งโดยรวมทำได้น่าพอใจดีมาก ไม่แพ้ เอมพีวี ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล ส่วนระยะทำการสูงสุดเมื่อชาร์จแบทเตอรีเต็ม คือ 540 กม. (มาตรฐาน NEDC) รองรับการชาร์จไฟฟ้ากระแสตรงสูงสุดที่ 120 กิโลวัตต์ สามารถชาร์จจากระดับ 30-80 % ในเวลาประมาณ 36 นาที จากการขับขี่บนถนนจริง หากใช้ความเร็วที่เหมาะสม (ไม่เกิน 120 กม./ชม.) การสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าไม่สูงเท่าใดนัก ระยะทางที่แล่นได้จริงมากกว่า 400 กม. ปลายๆ เป็นอย่างน้อย (จากการสังเกตระยะทำการที่เหลือ และระยะทางจริงที่ตัวรถขับเคลื่อน)
ระบบรองรับ นุ่มนวล เบาแรง
ระบบรองรับของ MAXUS 9 ถูกปรับแต่งให้เน้นความนุ่มนวล ตามสไตล์ เอมพีวี ขนาดใหญ่ นั่งสบายสำหรับผู้โดยสารแถวที่ 2 และ 3 แต่ยังคงเผื่อเหลือความหนึบสำหรับการขับขี่โดยรวม น้ำหนักของพวงมาลัยในโหมดปกติจะเน้นความนุ่มนวล นิ่งในทางตรงขณะที่ใช้ความเร็วสูง หากต้องการให้พวงมาลัยมีน้ำหนัก และการตอบสนองที่เฉียบคมขึ้นสามารถเลือกโหมด สปอร์ท ได้ ถือเป็นอีกหนึ่งความหลากหลายทั้งในแง่ของความสะดวก และการขับขี่ตามความต้องการของผู้ขับ อย่างไรก็ตาม การเป็น เอมพีวี ขนาดใหญ่เช่นนี้ ขณะเข้าโค้งย่อมมีอาการโคลงให้สัมผัสบ้าง ส่วนการปรับแต่งของระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่สามารถปรับการทำงานได้เช่นกัน (ผ่านหน้าจอหลัก) ไม่ใช่แค่การเปิด/ปิดการทำงานเท่านั้น แต่สามารถปรับระดับการทำงานของระบบต่างๆ ตามความต้องการด้วย ในช่วงแรกอาจต้องทำความคุ้นเคยบ้าง แต่ช่วยให้ เอมพีวี คันนี้มีความหลากหลายของการขับขี่ที่น่าพอใจเช่นกัน
สรุป เอมพีวี ยุคใหม่ พลังไฟฟ้าโดนใจ
MG MAXUS 9 เป็น เอมพีวี พลังไฟฟ้า ที่เปิดมิติใหม่ของรถยนต์หรูระดับเดียวกัน แม้คู่แข่งโดยตรงจะยังไม่มีในตอนนี้ แต่จากจุดเด่นหลายประการ สามารถเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของ เอมพีวี หรู ระดับราคา 2 ล้านบาทกลางๆ ขึ้นไป กับสมรรถนะที่ทำได้ดีไม่แพ้กัน รวมถึงความกว้างขวางที่สูสีกันด้วย การขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ามีความไหลลื่น และช่วยให้เสียงรบกวนในห้องโดยสารต่ำกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป ช่วยเพิ่มระบบความสะดวกสบายขณะโดยสารอย่างได้ผล ผนวกกับความสบายของเบาะนั่ง และการใช้งานที่ทันสมัยของเบาะแถวที่ 2 ผ่านหน้าจอระบบสัมผัส การตกแต่งที่หรูหรา เชื่อว่าจะถูกใจผู้ที่มองหาความ “ลักชัวรี” ได้ไม่ยาก กับราคาที่ 2,499,000-2,699,000 บาท