ทดลองขับ(formula)
HONDA CIVIC TYPE R
สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษกับ HONDA CIVIC TYPE R (ฮอนดา ซีวิค ไทพ์ อาร์) รหัสตัวถัง FL5 (เอฟแอล 5) ที่นำเข้า และจัดจำหน่ายโดย บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นการทำตลาดรถตระกูล TYPE R อย่างเป็นทางการครั้งแรกในบ้านเรา
ภายนอก โดดเด่นสะดุดตา
HONDA CIVIC TYPE R ได้รับการออกแบบโดยเน้นหลักอากาศพลศาสตร์ และความโฉบเฉี่ยว เริ่มจากมิติตัวถังที่อวบอ้วนกว่ารถทั่วไปบนท้องถนน ประดับโลโก H MARK สีแดง มาพร้อมชุดแอโรพาร์ทรอบคัน สปอยเลอร์สี GLOSS BLACK รอบคัน ทั้งด้านหน้า แก้มข้าง สเกิร์ทข้าง ดิฟฟิวเซอร์ท้าย และสปอยเลอร์หลังทรงสูง พร้อมชุดท่อไอเสียแบบ CENTER TRIPLE และล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ภาพรวมถือเป็นการออกแบบที่เฉียบคม และเข้าใจความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้โดยเฉพาะ
ภายใน แนวสปอร์ท แต่เน้นสะดวกสบาย
ดีไซจ์นภายในดำเนินการภายใต้ 2 แนวคิดหลัก ได้แก่“INSTANTANEOUS RECOGNITION” และ “INTUITIVE OPERATION” ที่ตอบโจทย์ด้านความสะดวกสบายในการใช้งานอุปกรณ์ และฟังค์ชันต่างๆ ครบครัน อาทิ จอ TFT แสดงผลการขับขี่ขนาด 10.2 นิ้ว พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชัน พร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส ขนาด 9 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ APPLE CAR PLAY แบบไร้สาย, ANDROID AUTO และระบบเชื่อมต่อ HONDA LOG R (ฮอนดา ลอก อาร์) เพื่อแสดงค่าการทำงานของระบบต่างๆ แบบ REAL TIME โดยมีเมนูให้ใช้ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ (ไม่ใช่เมนูภาษาญี่ปุ่นล้วน เหมือนรถ GRAY MARKET) เบาะคู่หน้าสไตล์รถแข่ง วัสดุหนังกลับพรีเมียมสีแดง พร้อมโลโก TYPE R พรมปูพื้นสีแดง มีการประดับด้วย SERIAL NUMBER PLATE หมายเลขที่มีเพียงหนึ่งเดียว และมีระบบ ACTIVE SOUND CONTROL ช่วยปรับแต่งเสียงภายในห้องโดยสาร เพื่อความเร้าใจขณะขับขี่ยิ่งขึ้น
เครื่องยนต์ 320 แรงม้า จากโรงงาน
ขุมพลังเบนซิน DIRECT INJECTION DOHC VTEC TURBO แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ความจุ 2.0 ลิตร ให้กำลัง 320 แรงม้า ที่ 6,500 รตน. แรงบิดสูงสุด 42.8 กก.-ม. แบบ “FLAT TORQUE” ที่ 2,600-4,000 รตน. ที่ทำงานร่วมกันกับระบบส่งกำลังเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ อัตราทดชิด พร้อม LSD (LIMITED SLIP DIFFERENTIAL) พร้อมระบบ REV- MATCHING SYSTEM (เร่งรอบเครื่องยนต์ให้สัมพันธ์กับเกียร์ขณะลดเกียร์ต่ำ) และมีโหมดขับขี่ให้เลือกตามความต้องการ ทั้ง COMFORT ให้ความสะดวกสบายสูงสุด, SPORT สำหรับขับขี่ที่เน้นสมรรถนะของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น, INDIVIDUAL เพื่อเลือกปรับระบบการทำงานของเครื่องยนต์ ระบบรองรับ และการตอบสนองของพวงมาลัยตามความต้องการ และปิดท้ายด้วย “โหมดพร้อมรบ” +R เพื่อสมรรถนะขั้นสุดของเครื่องยนต์ พวงมาลัย ระบบรองรับ พร้อมเปลี่ยนหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ในเชิงลึก รวมถึง ACTIVE EXHAUST VALVE จะเปิดเต็มที่เพื่อความเร้าใจสูงสุด
ระบบรองรับ ADAPTIVE SUSPENSION น่าประทับใจ
ระบบรองรับด้านหน้าเป็นแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังเป็นแบบอิสระ มัลทิลิงค์ โดยเป็นแบบ ADAPTIVE SUSPENSION โดยจะปรับเปลี่ยนการทำงานตามโหมดการขับขี่ที่เลือกใช้ พวงมาลัยเพาเวอร์ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้าแบบดูอัลพิเนียน หรือตัวหนอนคู่ (DP-EPS) ปรับเซทน้ำหนักลงตัวทุกช่วงความเร็ว ตอบสนองฉับไว สามารถบังคับควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนเรื่องการหยุดมั่นใจด้วยจานเบรค 4 ล้อ ด้านหน้าใช้คาลิเพอร์ BREMBO 4 พอท พร้อมจานเบรคแบบ 2 ชิ้น เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการระบายความร้อน พร้อมระบบช่วยเหลือครบครัน อาทิ ระบบช่วยการทรงตัว VSA (VEHICLE STABILITY ASSIST) และเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ HONDA SENSING
สรุป สมรรถนะร้อนแรง
ครั้งนี้เป็นการทดลองขับในสนามปิด (สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์ กิท) โดยมีโควตาให้ขับคนละ 3 รอบสนาม สิ่งแรกที่สัมผัสได้ คือ ความกระชับของเบาะนั่ง ที่โอบกระชับให้ความมั่นใจขณะอยู่หลังพวงมาลัยหุ้ม ALCANTARA เย็บด้วยด้ายสีแดงจับกระชับมือ และมีน้ำหนักมากกว่ารถยนต์ HONDA ทุกรุ่นที่ทำตลาดในปัจจุบัน
พละกำลังจากเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร VTEC TURBO ที่ให้ผลลัพธ์ออกมา 320 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุด 42.8 กก.-ม. ที่มีให้ใช้ตั้งแต่ 2,600 รตน. ให้ความตื่นเต้น และรู้สึกเหมือนกับถูกกระตุ้นอยู่ตลอดเวลา โดยมันจะพาผู้ขับขี่พุ่งไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องเหมือนกับไม่มีจุดสิ้นสุด อาการเทอร์โบแลกที่เป็นปัญหาเดิมๆ ของเครื่องยนต์เทอร์โบยุคเก่าไม่มีให้สัมผัส ขุมพลังทำงานได้อย่างราบรื่นฉับไวทุกความเร็วรอบ เสียงการทำงานเครื่องยนต์ และท่อไอเสีย ไพเราะเสนาะโสต ผสานการทำงานของเสียงสังเคราะห์ภายในห้องโดยสาร ช่วยเพิ่มอรรถรสขณะขับขี่ในสนามได้น่าประทับใจ
การบังคับควบคุมตัวรถเป็นไปตามความต้องการของผู้ขับขี่ ไม่มีความรู้สึกเหมือนรถขับเคลื่อนล้อหน้าแรงม้าสูงที่เคยขับ ตัวรถมีความเป็นกลางสูง ไม่มีอาการอันเดอร์สเตียร์ และโอเวอร์สเตียร์ แม้แต่น้อย ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากระบบ VSA ซึ่งใช้ซอฟท์แวร์ที่พัฒนามาสำหรับ TYPE R โดยเฉพาะ ซึ่งไม่มีการตัดกำลังจนทำให้เสียฟีลิงในการขับขี่เหมือนกับรถใช้งานทั่วไป คันเกียร์แบบ SHORT SHIFTER มีช่วงการทำงานสั้น กระชับ แม่นยำ ทำงานสอดผสานกับระบบ REV-MATCHING SYSTEM เช่นเดียวกับพวงมาลัยที่พูดได้ว่ามีการตอบสนองฉับไวระดับเดียวกับซูเพอร์คาร์ก็ไม่เกินความจริง การเปลี่ยนทิศทางให้ความรู้สึกยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการเข้าโค้งด้วยเกียร์ 3 หรือสูงกว่า ผู้ขับขี่สามารถรับรู้ความรู้สึกจากพื้นผิวทแรคผ่านมาจากยางทั้ง 4 เส้น จึงรู้สึกมั่นใจในการสื่อสารกับตัวรถ
สำหรับระบบรองรับแบบ ADAPTIVE SUSPENSION ในโหมดขับขี่ +R ถูกปรับเซทมาให้สามารถขับขี่ในสนามแข่งแบบเต็มรอบฟูลล์ไลน์ได้แบบเกินพอ ประกอบกับการใช้ล้ออัลลอยขนาด 9.5x19 นิ้ว ที่ล้อมรัดด้วยยางสำหรับรถสมรรถนะสูงอย่าง MICHELIN PILOT SPORT 4S (มิเชอแลง ไพลอท สปอร์ท 4 เอส) ขนาด 265/30 R19 (น่าจะใช้เป็นรถขับคลื่อนล้อหน้าที่ใช้ยางหน้ากว้างที่สุดในโลกจากโรงงาน) ทำให้การขับขี่ในสนามแข่ง ตัวรถมีการยึดเกาะสูงมาก เช่นเดียวกับระบบเบรคที่ไม่มีอาการเฟดให้สัมผัสแม้จะถูกใช้งานหนัก ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัดก็ยัง “เอาอยู่” แบบไม่ต้องลุ้น
น่าเสียดายที่ HONDA CIVIC TYPE R ที่น่าประทับใจคันนี้ ถูกจองครบโควตาเพียงไม่กี่วันหลังเปิดรับจองอย่างเป็นทางการ ผู้ที่สนใจยังพอมีโอกาส แต่ต้องดิ้นรนหา “คิวหลุด” แต่สำหรับผู้ที่ได้สิทธิ์รับรถต้องขอแสดงความยินดีด้วย เพราะดาดว่า FL5 จะเป็น TYPE R รุ่นสุดท้ายที่ยังคงใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในล้วนๆ ก่อนจะมีมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวข้องตามยุคสมัย