HONDA CR-V (ฮอนดา ซีอาร์-วี) เจเนอเรชันที่ 6 ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี รุ่นล่าสุด เปิดตัวในบ้านเราเป็นประเทศที่ 2 ในโลก ต่อจากประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 20 มีค.66 และเป็นครั้งแรกที่รถรุ่นนี้ซึ่งเป็น GLOBAL MODEL ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมาเกือบ 3 ทศวรรษ ยอดขายสะสมกว่า 13 ล้านคันทั่วโลก ติดตั้งขุมพลังไฮบริด E:HEV ให้เลือกใช้ พร้อมระบบความปลอดภัยขั้นสูง HONDA SENSING ในทุกรุ่นย่อย
HONDA CR-V E:HEV RS 4WD (ฮอนดา ซีอาร์-วี อี:เอชอีวี อาร์เอส โฟร์วีลดไรฟ) ยกระดับความสปอร์ทอีกขั้น ด้วยสัญลักษณ์ RS ที่กระจังหน้า กันชนหน้า/หลัง และชายกันกระแทกด้านข้างสีเดียวกับตัวรถ กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวสีดำ PIANO BLACK และที่สังเกตได้ชัดเจน คือ ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ภาพรวมการออกแบบให้ความสำคัญกับความหรูหรา แข็งแกร่ง และรองรับการใช้งานลงตัว เริ่มจากการเพิ่มความยาว และความกว้างของฐานล้อหน้า/หลัง เพิ่มความมั่นคงในการขับขี่ กระจังหน้าดีไซจ์นใหม่สีดำ ไฟส่องสว่างรอบคันแบบแอลอีดี หลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา ฝากระโปรงท้ายเปิด/ปิดไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี

ห้องโดยสารเน้นความหรูหรา เรียบง่าย จัดวางองค์ประกอบลงตัว พื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง สะดวกสบาย เงียบ ผิวสัมผัสคุณภาพสูง ทนทาน พร้อมไฟ AMBIENT LIGHT ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกอิสระ ซ้าย/ขวา I-DUAL ZONE พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารแถว 2 เบาะนั่งคู่หน้าแบบปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำของฝั่งผู้ขับขี่ จอ TFT แสดงผลการขับขี่ขนาด 10.2 นิ้ว พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชัน เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส ขนาด 9 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ APPLE CAR PLAY แบบไร้สาย และ ANDROID AUTO การจัดเลย์เอาท์ของฟังค์ชันต่างๆ ถูกวางไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสม
ส่วนรุ่น RS ตกแต่งด้วยอลูมิเนียมปัดเงาสลับสีดำ PIANO BLACK เบาะหนังสีดำเดินด้ายแดงเช่นเดียวกับพวงมาลัย ชุดแป้นเหยียบแบบสปอร์ท พร้อมระบบเครื่องเสียง BOSE ลำโพง 12 ตัว เฮดอัพดิสพเลย์ (HUD) ระบบฟอกอากาศ PLASMACLUSTER พร้อมระบบนำทาง

ขุมพลังเป็นเครื่องยนต์เบนซิน DIRECT INJECTION ATKINSON-CYCLE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ความจุ 2.0 ลิตร ให้กำลัง 148 แรงม้า ที่ 6,100 รตน. แรงบิดสูงสุด 18.7 กก.-ม. ที่ 4,500 รตน. ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (MOTOR GENERATOR) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (MOTOR DRIVE) ให้กำลัง 184 แรงม้า ที่ 5,000-8,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 34.2 กก.-ม. ที่ 0-2,000 รตน. พร้อมเกียร์อัตโนมัติแปรผัน E-CVT รุ่นล่าสุด ที่มีการเพิ่มระบบ LOCK-UP LOW CLUTCH เป็นครั้งแรก จากเดิมที่มีเฉพาะ LOCK-UP HIGH CLUTCH ช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองจากภาระที่เครื่องยนต์ต้องสร้างกระแสไฟฟ้าป้อนให้แบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ซึ่งการเพิ่มชิ้นส่วนดังกล่าว ทำให้เครื่องยนต์จะมีหน้าที่ขับเคลื่อนช่วงความเร็วต่ำด้วย โดยให้กำลังสุทธิ 207 แรงม้า ขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ REAL TIME AWD ควบคุมด้วย E-DPS (ELECTRIC DUAL PUMP SYSTEM)
ระบบรองรับด้านหน้าเป็นแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังเป็นแบบอิสระ มัลทิลิงค์ ส่วนเรื่องการหยุด มั่นใจด้วยจานเบรค 4 ล้อ ด้านหน้ามาพร้อมช่องระบายอากาศ พร้อมระบบช่วยเหลือครบครัน อาทิ ระบบช่วยการทรงตัว VSA, ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน, ABS, EBD ฯลฯ
การทดลองขับครั้งนี้ใช้เส้นทางในจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนใหญ่จะเป็นทางคดเคี้ยวขึ้น/ลงเขา (ทางไปม่อนแจ่ม) ระบบรองรับทำงานได้ดีมาก ให้ความรู้สึกนุ่มนวลในช่วงความเร็วต่ำ และมั่นคงไม่ยวบยาบในช่วงความเร็วสูง สามารถซึมซับแรงสั่นสะเทือนจากพื้นถนนที่ดี ยึดเกาะอย่างมีประสิทธิภาพ อาการเอียงของตัวรถเกิดขึ้นน้อย แม้เข้าโค้งด้วยความเร็วสูง พวงมาลัยเพาเวอร์ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้าแบบดูอัลพิเนียน ปรับเซทน้ำหนักลงตัวทุกย่านความเร็ว การบังคับควบคุมดี ตอบสนองฉับไว โหมดการขับขี่ SPORT MODE, NORMAL MODE และ ECON MODE ให้การตอบสนองแตกต่างกันชัดเจน
ขุมพลังฟูลล์ไฮบริด มีแรงบิดให้ใช้เหลือเฟือ เสียงการทำงานของเครื่องยนต์ได้ยินเพียงแผ่วๆ การเปลี่ยนโหมดของระบบไฮบริดทำงานราบเรียบไร้รอยต่อ ตั้งแต่จุดหยุดนิ่งจนถึงความเร็วสูง ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ส่งถ่ายกำลังแปรผันระหว่างล้อหน้า/หลัง ได้เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ สามารถแปรผันการแบ่งถ่ายกำลังสูงสุดอัตราส่วน 50:50 (เจเนอเรชันที่ 5 แปรผันสูงสุดอัตราส่วน 60:40) ซึ่งมีส่วนช่วยอย่างมากในการเพิ่มเสถียรภาพการยึดเกาะ และมีการทำงานที่ฉับไวแต่นุ่มนวลแบบไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง หากไม่สังเกตที่จอแสดงผล