ทดลองขับ
TOYOTA COROLLA CROSS GR SPORT
ครอสส์โอเวอร์มาดสปอร์ท กับสายพันธุ์ตัวแข่ง GR SPORT ปรับปรุงระบบรองรับให้หนึบกว่าเดิม
ภายนอก
TOYOTA COROLLA CROSS (โตโยตา โคโรลลา ครอสส์) เป็นครอสส์โอเวอร์ที่มีขนาดตัวใหญ่โต เส้นสายมีมาดบึกบึนใกล้เคียงเอสยูวีพันธุ์แท้ ถูกนำมาเสริมความคมเข้มภายใต้รหัสตัวแรงจากสนามแข่ง นั่นคือ GR SPORT (จีอาร์ สปอร์ท) จุดแตกต่างจากรุ่นปกติที่เห็นได้ชัด คือ ส่วนของกระจังหน้ามีรูปทรงปราดเปรียวยิ่งขึ้น เน้นโทนสีดำ นอกจากนี้รูปทรงของกันชนหน้าก็เปลี่ยนแปลงไปทั้งหมด มีสันเหลี่ยมมากกว่าเดิม ตำแหน่งของไฟตัดหมอกหน้าแบบแอลอีดี สูงขึ้นมาจากรุ่นปกติ ถัดมา คือ ล้อแมกขนาด 18 นิ้ว แต่มีลวดลายเฉพาะสำหรับรุ่น GR SPORT เป็นสีทูโทน เสริมด้วย สเกิร์ทรอบคัน ให้ความรู้สึกบึกบึนตามแบบฉบับตัวลุยผสมผสานด้วย ชุดไฟท้ายมีการเปลี่ยนไปให้แบบสีดำ/ขาวรมดำ (รุ่นปกติชุดโคมไฟจะเป็นสีแดง) ส่วนโลโก GR SPORT ถูกติดตั้งเอาไว้บริเวณด้านท้ายของตัวรถ หากเพิ่มโลโกที่ด้านหน้า และด้านข้างด้วย จะดีมาก รวมถึงคาลิเพอร์เบรคไม่ต่างจากรุ่นปกติ จะเร้าใจกว่านี้มากหากให้เป็นสีแดงสด พร้อมโลโก GR SPORT แบบที่ทำมาแล้วกับ FORTUNER GR SPORT (ฟอร์ทูเนอร์ จีอาร์ สปอร์ท)
ภายใน
ห้องโดยสารของ COROLLA CROSS GR SPORT โดยรวมแล้วไม่แตกต่างจากรุ่นปกติมากนัก แต่มีการเสริมความพิเศษลงไปในรายละเอียด เช่น พนักพิงศีรษะของเบาะคู่หน้ามีการปั๊มโลโกของ GR SPORT แบบนูนต่ำบนชุดหนังแท้ของตัวเบาะ (หากโลโกเป็นสีแดงดำจะโดดเด่นกว่านี้มาก) พรมปูพื้นห้องโดยสารเป็นของ GR SPORT ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง นอกจากนี้ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ยังเปลี่ยนเป็นโลโก GR SPORT ถือเป็นจุดที่สร้างความเร้าใจได้มากที่สุดแล้วสำหรับห้องโดยสารของรุ่นพิเศษสายพันธุ์ตัวแข่ง
คอนโซลหน้าของตัวรถยังคงเน้นความเรียบง่าย ภายใต้พื้นฐานของรุ่นทอพ เครื่องยนต์ไฮบริด การใช้งานต่างๆ จึงเหมาะกับขุมพลังลูกผสม ทั้งการแสดงผลบนหน้าจอ และแผงหน้าปัด สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้หลากหลาย พร้อมโหมดการขับขี่ที่เลือกใช้งานได้จากปุ่มบริเวณฐานคันเกียร์ รูปแบบการใช้งานเหมือนกับรุ่นปกติ ขณะที่จุเด่นที่ยังคงมีอยู่ คือ ความกว้างขวางของห้องโดยสาร ทำได้น่าพอใจทั้งด้านหน้า และด้านหลัง โดยเฉพาะเบาะแถวหลังสามารถปรับเอนได้ 1 ระดับ ระยะเหนือศีรษะที่เหลือเฟือเช่นกัน ความสะดวกสบายของผู้โดยสารด้านหลังที่มีให้เต็มเปี่ยม จัดเป็นจุดเด่นที่ช่วยให้การใช้งานของ COROLLA CROSS GR SPORT มีความหลากหลายอย่างน่าพอใจ รวมถึงพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายที่มากมายเช่นกัน
เครื่องยนต์
แม้จะต่อท้ายรุ่นด้วยรหัสตัวแข่ง GR SPORT แต่เครื่องยนต์ของ TOYOTA COROLLA CROSS ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด กับขุมพลังไฮบริด ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.8 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อน ให้กำลังทั้งระบบที่ 122 แรงม้า กับตัวถังที่มีขนาดใหญ่แบบนี้ อัตราเร่งจึงไม่โดดเด่นมากนัก เน้นการส่งกำลังที่ต่อเนื่อง การส่งกำลังจากเครื่องยนต์สันดาป และมอเตอร์ไฟฟ้ามีความไหลลื่น ไม่มีอาการโหนรอบเครื่องยนต์เมื่อกดคันเร่งลึก รองรับการใช้งานทั่วไปได้สบายๆ รวมถึงการเร่งแซงที่ความเร็วระดับ 110-120 กม./ชม. ก็ยังทำได้อย่างไหลลื่นเช่นกัน อย่าง ไรก็ตาม จุดเด่นที่แท้จริง คือ การประหยัดเชื้อเพลิง โดยเฉพาะช่วงความเร็วต่ำ ใช้งานในตัวเมือง เมื่อเราได้ขับขี่แบบผสมผสานทั้งในตัวเมือง และการใช้ความเร็วที่เหมาะสมบนระยะทางไกล ตัวเลขระดับ 20 กม./ลิตร สามารถทำได้อย่างไม่ยากเย็น
ระบบรองรับ
แม้พละกำลังโดยรวมจะไม่เน้นความเร้าใจ แต่สิ่งที่น่าจะสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้ชื่นชอบความสปอร์ทได้ดี คือ การปรับปรุงรองรับของ TOYOTA COROLLA CROSS GR SPORT ให้มีความหนึบแน่นยิ่งขึ้น โดยปรับแต่งทั้งชอคอับ และชุดสปริง ให้มีความแตกต่างจากรุ่นปกติ นอกจากนี้ยังปรับแต่งระบบบังคับเลี้ยวให้มีการตอบสนองเฉียบคมขึ้น หลังจากได้ทดลองขับเป็นระยะทางพอสมควร ท่ามกลางสภาพถนน และเส้นทางที่หลากหลาย เรามีความรู้สึกว่าครอสส์โอเวอร์รหัส GR SPORT คันนี้ มีการขับขี่ที่ดีกว่ารุ่นปกติไม่น้อยเลยเดียว ระบบรองรับถูกเพิ่มความหนึบอย่างเหมาะสม ไม่แข้งกระด้าง แต่ให้ความรู้สึกที่มั่นคง นอกจากนี้การโดยสารบนเบาะหลังก็ยังคงสะ ดวกสบาย ไม่รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจากระบบรองรับชุดใหม่ดังกล่าว ส่วนการตอบสนองของพวงมาลัยมีน้ำหนักมากกว่าเดิมเล็กน้อย มั่นคงยิ่งขึ้นขณะขับบนทางไกล แม้เจตนาของผู้ผลิตต้องการจะเน้นความนุ่มนวลให้แก่ COROLLA CROSS รุ่นปกติ แต่เรามีความเห็นว่าระบบรองรับที่ปรับปรุงมาแล้วของรุ่น GR SPORT มีความลงตัวมากกว่าจริงๆ
หลังจากได้ทดลองขับ TOYOTA COROLLA CROSS GR SPORT เราพบว่า จุดเด่นที่แท้จริง คือ ระบบรองรับ และการบังคับควบคุมที่เฉียบคมกว่าเดิม แต่ยังไม่ทิ้งความสะดวกสบายโดยรวมแม้แต่น้อย ทำให้ครอสส์โอเวอร์รุ่นนี้มีการขับขี่ที่มั่นคงยิ่งขึ้น ภายใต้ความเร็วที่เหมาะสม (ระดับไม่เกิน 120-130 กม./ชม. สำหรับการขับทางไกล) และยังรองรับการใช้งานสำหรับครอบครัวได้ดี จากความสะดวกสบายที่ครอบคลุมทุกที่นั่ง กับความหลากหลายของการใช้งานด้วยพื้นที่ที่เหลือเฟือ และเสริมมาด สปอร์ทเข้มเข้ามาเช่นนี้ จัดเป็นครอสส์โอเวอร์ระดับ บี-เซกเมนท์ ที่ไม่ควรมองข้ามอีกรุ่นหนึ่ง แม้ราคาจะสูงกว่าคู่แข่งอยู่บ้าง
ฟันธง
เสริมมาดสปอร์ท ให้ครอสส์โอเวอร์คันเก่ง กับช่วงล่างที่ลงตัวกว่าเดิม ขับขี่มั่นใจยิ่งขึ้น