ทดลองขับ(formula)
HONDA CITY HATCHBACK E:HEV
ซิทีคาร์แฮทช์แบคฟูลล์ไฮบริด สมาชิกลำดับล่าสุดของ THE CITY SERIES เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่บ้านเรา ช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา เพื่อเติมเต็มความต้องการของลูกค้า โดยทำตลาดรุ่นเดียว คือ RS (ไม่มีรุ่นย่อยให้ปวดหัว)
ภายนอก โฉบเฉี่ยวสไตล์ RS
รูปลักษณ์ภายนอกแบบแฮทช์แบค ให้ความรู้สึกกระชับแต่แฝงความปราดเปรียว ด้วยเส้นสาย และเหลี่ยมสันที่ลงตัว พร้อมอุปกรณ์ตกแต่งสไตล์ RS (อาร์เอส) รอบคัน พร้อมสัญลักษณ์ H MARK ตกแต่งกรอบสีฟ้า กับ E:HEV (อี:เอชอีวี) และมีสีพิเศษเฉพาะรุ่นให้เลือก คือ สีน้ำเงินบริลเลียนท์ สปอร์ทที (เมทัลลิค)
ภายใน อรรถประโยชน์ครบครัน
ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ตกแต่งตามมาตรฐานรุ่น RS พวงมัลทิฟังค์ชันพร้อมก้านคล้ายแพดเดิล ชิฟท์ เพราะไม่ได้มีหน้าที่เปลี่ยนจังหวะการทำงานของระบบส่งกำลังแบบที่คุ้นเคยกัน แต่ทำหน้าที่สั่งการทำงานของ “เอนจินเบรค” เพื่อชะลอความเร็วที่ปรับความหน่วงได้ 3 ระดับ ชุดมาตรวัด และจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว พร้อมฟังค์ชันการใช้งานระดับพรีเมียม อาทิ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และช่องปรับอากาศตอนหลัง เบาะหนังกลับคาดแถบสีแดง รองรับการใช้งานหลากหลาย สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยอเนกประสงค์ได้ถึง 4 โหมด พร้อมห้องสัมภาระท้ายขนาดใหญ่
เครื่องยนต์ ไฮบริดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ระบบการทำงานของ HONDA CITY HATCHBACK E:HEV (ฮอนดา ซิที แฮทช์แบค อี:เอชอีวี) มีชื่อเป็นทางการว่า SPORT HYBRID INTELLIGENT MULTI-MODE DRIVE หรือ I-MMD เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1,498 ซีซี ATKINSON CYCLE พร้อมวาล์วแปรผัน I-VTEC ให้กำลัง 98 แรงม้า ที่ 5,600-6,400 รตน. แรงบิดสูงสุด 13.0 กก.-ม.ที่ 3,500 รตน. รองรับแกสโซฮอล อี 20 ทำงานผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว โดยมอเตอร์ตัวที่ 1 ทำหน้าที่เป็นเจเนอเรเตอร์ ส่วนมอเตอร์ตัวที่ 2 ทำหน้าที่ขับเคลื่อน ให้กำลังสูงสุด 109 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 25.8 กก.-ม. แบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ความจุ 1.0 กิโลวัตต์/ชั่วโมง ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติแปรผัน E-CVT
ระบบรองรับ นุ่มนวล มั่นคง
ระบบรองรับด้านหน้าเป็นแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นแบบทอร์ชันบีม เซทมาโดยเน้นความนุ่มนวลเป็นหลัก แต่ก็รับมือกับพละกำลัง และแรงบิดได้อย่างลงตัว ให้ความรู้สึกนุ่มนวล มั่นคง แต่ไม่กระด้าง ระบบเบรคด้านหน้าเป็นแบบจานพร้อมช่องระบายความร้อน ส่วนด้านหลังเป็นแบบจานธรรมดา พร้อม ABS, EBD และ BA การตอบสนองของเบรคเป็นไปตามน้ำหนักเท้า ทำงานร่วมกันกับระบบช่วยควบคุมการทรงตัว VSA เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ทุกสภาวะ ปิดท้ายด้วยระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA ซึ่งทำให้การใช้งานในชีวิตประจำวันง่ายขึ้น
ประหยัด ปลอดภัย
เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 จึงเป็นการทดลองขับคนเดียว และไม่กำหนดเส้นทาง ใช้เวลาประมาณ 2.5 ชม. เริ่มสตาร์ทใกล้ๆ สนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนออกเดินทางผู้เขียนรีเซทมาตรวัด เพื่อดูอัตราสิ้นเปลืองกับระยะทางทั้งหมด หลังจบการทดลองขับ และด้วยเวลาจำกัดจึงเน้นใช้ทางพิเศษสลับการใช้งานบนพื้นราบ เพื่อให้เหมือนการใช้งานจริง การตอบสนองขณะขับขี่ถือว่าน่าประทับใจ การเปลี่ยนโหมดของระบบไฮบริดทำงานราบเรียบ ตั้งแต่จุดหยุดนิ่งจนถึงความเร็วสูง เพราะระบบนี้เน้นการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลัก ยกเว้นในช่วงความเร็วที่เหมาะสม และเป็นไปตามเงื่อนไข คือ ขณะใช้งานเครื่องยนต์ขับเคลื่อนจะประหยัดพลังงานกว่า ระบบก็จะสั่งให้มอเตอร์ไฟฟ้าหยุดทำงาน คลัทช์จะเชื่อมต่อกันเพื่อให้เครื่องยนต์ส่งกำลังไปขับเคลื่อนล้อเพียงอย่างเดียว เป็นการเลือกใช้ข้อดีของการขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ หรือมอเตอร์ไฟฟ้า ให้เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ และเมื่อนำรถกลับไปคืน มาตรวัดแสดงระยะทางทั้งหมด 116.7 กม. ใช้เวลา 2 ชม. ความเร็วเฉลี่ย 58 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 25.5 กม./ลิตร ทำได้ใกล้เคียงตัวเลขเคลมจากโรงงานที่ 27.0 กม/ลิตร สำหรับการทำงานของเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ HONDA SENSING บนเส้นทางการทดลองขับ ทำงานได้สมบูรณ์ น่าประทับใจ ไม่มีอะไรให้ติติง