ทดลองขับ(formula)
MERCEDES-BENZ GLE 350 DE 4MATIC EXCLUSIVE
หลังเผยโฉม ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี คันหรู ซึ่งมาพร้อมขุมพลังดีเซลแบบเสียบปลั๊กเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ช่วงต้นเดือนมีนาคม 2564 จากนั้น “ฟอร์มูลา” ก็ได้เทียบเชิญให้ไปร่วมทดลองขับ เส้นทาง กรุงเทพฯ-ระยอง-พัทยา ก่อนจะเตรียมรถสำหรับการจัดแสดง การเปิดตัวของ MERCEDES-BENZ GLE 350 DE 4MATIC EXCLUSIVE (เมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลอี 350 ดีอี 4 เมทิค เอกซ์คลูซีฟ) คือ การเพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้าจาก MERCEDES-BENZ GLE 300 D 4MATIC AMG DYNAMIC (เมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลอี 300 ดี 4 เมทิค เอเอมจี ไดนามิค) ขุมพลังดีเซลที่ทำตลาดอยู่ก่อนแล้ว ราคาค่าตัวถูกกว่าเกือบ 5 แสนบาท จากเหตุผลด้านภาษีสรรพสามิตของรถไฮบริด และมีการตัดอุปกรณ์บางอย่างออกไป
ภายนอก หรูหรา ภูมิฐาน
การออกแบบภายนอกให้ความรู้สึกหรูหรา แต่แฝงด้วยอารมณ์สปอร์ท พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่มีความโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็น ไฟหน้าแบบ LED HIGH-PERFORMANCE ที่ให้ทั้งความสว่างและโทนสีคล้ายแสงธรรมชาติ สบายตา ตลอดจนการดีไซจ์นด้านท้ายให้ดูแข็งแกร่ง แต่โฉบเฉี่ยวตามแบบแบบฉบับ
ภายใน สวยล้ำสมัย
ภายในห้องโดยสารมาพร้อมระบบมัลทิมีเดีย MBUX (MERCEDES-BENZ USER EXPERIENCE) ที่ใช้งานง่ายเหมือนมีผู้ช่วยส่วนตัวขณะขับขี่ พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียงที่สามารถจดจำข้อมูล และเรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานต่าง ๆ ของผู้ขับขี่เพื่อแจ้งเตือน หรือปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานให้ง่ายและเหมาะสมที่สุด โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เพื่อตอบสนองได้เต็มประสิทธิภาพ ทำงานร่วมกันกับหน้าจอแสดงผลความละเอียดสูงแบบ DIGITAL WIDESCREEN COCKPIT ขนาด 12.3 นิ้ว จำนวน 2 จอ วางต่อกัน สามารถเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผล เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งการขับขี่ที่หลากหลาย และสะดวกสบายด้วยระบบสัมผัส รวมถึงมี HEAD-UP DISPLAY พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชันแบบสปอร์ทหุ้มหนัง NAPPA พร้อมปุ่มควบคุมแบบ TOUCH CONTROL และแพดเดิล ชิฟท์ พร้อมสรรพ ส่วนเบาะนั่งคู่หน้าเป็นแบบปรับไฟฟ้า มีหน่วยความจำ 3 ตำแหน่ง ที่คู่หน้า เบาะนั่งด้านหลังสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบ เพื่อการใช้งานที่หลากหลาย ซึ่งทำได้ง่ายๆ เพียงปลายนิ้วสัมผัส
เครื่องยนต์ ดีเซล ไฮบริด
ขุมพลังดีเซล คอมมอลเรล ไดเรคท์อินเจคชัน เทอร์โบ ความจุ 2.0 ลิตร มาตรฐาน ยูโร 6 ให้กำลัง 194 แรงม้า ที่ 3,800 รตน. แรงบิดสูงสุด 40.8 กก.-ม. ที่ 1,600-2,800 รตน. ทำงานร่วมกันกับกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลัง 136 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 44.9 กก.-ม. เทคโนโลยีพลัก-อิน ไฮบริด เจเนอเรชันที่ 3 ให้กำลังสุทธิ 320 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุด 71.4 กก.-ม. ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9G-TRONIC พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC สำหรับแบทเตอรีที่ใช้เป็นลิเธียม-ไอออน ความจุ 31.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง ตัวเลขโรงงานระบุว่า สามารถวิ่งด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนได้ไกล 106 กม. ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 160 กม./ชม. และอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 6.8 วินาที
ระบบรองรับ นุ่มนวลชวนฝัน
สำหรับระบบรองรับเป็นแบบอิสระ 4 ล้อ ด้านหน้าเป็นแบบดับเบิลวิชโบน คอยล์สปริง ชอคอับ และเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบมัลทิลิงค์ คอยล์สปริง ชอคอับ และเหล็กกันโคลง ส่วนเรื่องการหยุดก็มั่นใจได้เต็มที่ ด้วยจานเบรค แบบมีช่องระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อ ทำงานร่วมกันกับระบบความปลอดภัยมากมาย อาทิ ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ESP: ELECTRIC STABILITY PROGRAM) ช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ทุกสภาวะ ระบบเบรคป้องกันล้อลอค (ABS) ระบบช่วยเบรค BAS (BRAKE ASSIST) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASR (ACCELERATION SKID CONTROL) และอื่นๆ อีกมากมาย พร้อมล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว กับยางขนาด 275/50 R20 เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
สรุป ขับสนุก ปลอดภัย ไร้กังวล
การทดลองขับใช้เส้นทาง กรุงเทพฯ-ระยอง-พัทยา ใช้มอเตอร์เวย์ ขุมพลังมีความกระฉับกระเฉงและยืดหยุ่นสูง การทำงานของเครื่องยนต์ดีเซลกับมอเตอร์ไฟฟ้า ทำงานประสานกันได้อย่างลงตัว ระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 9 จังหวะ มีอัตราทดเหมาะสม และตอบสนองการทำงานได้นุ่มนวลต่อเนื่อง โหมดการขับขี่มีให้เลือกจากสวิทช์ DYNAMIC SELECT ที่ติดตั้งอยู่บริเวณคอนโซลกลาง 7 รูปแบบ ได้แก่ INDIVIDUAL, SPORT, COMFORT, ELECTRIC, BATTERY LEVEL, ECO และ OFFROAD ซึ่งเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง พวงมาลัย และการทำงานของระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ จะมีการตอบสนองที่ต่างกันไป แต่ด้วยเส้นทางที่ใช้ในการทดลองขับ จึงไม่มีโอกาสทดลองโหมด OFFROAD เพราะถูกออกแบบมาสำหรับใช้งานในพื้นที่ทุรกันดาร
ตัวรถแม้จะมีน้ำหนักกว่า 2.5 ตัน แต่ด้วยการวางบาลานศ์น้ำหนักที่ดี ทำให้การขับขี่ใช้งานไม่รู้สึกถึงความอุ้ยอ้ายเลย กลับกันช่วงความเร็วเดินทางระบบรองรับให้ความรู้สึกหนักแน่น มั่นคง และมีความนุ่มนวลสูง ระบบความปลอดภัยที่มีให้ อาทิ ระบบช่วยเบรคแบบ ACTIVE BRAKE ASSIST, ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในมุมอับ (BLIND SPOT ASSIST), ระบบรักษาเลน (ACTIVE LANE KEEPING ASSIST) รวมถึงระบบช่วยจอดอัตโนมัติ (ACTIVE PARKING ASSIST WITH PARKTRONIC) ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากการใช้เซนเซอร์คุณภาพสูง พร้อมหน่วยประมวลผลอื่นๆ เข้ามาประกอบการตัดสินใจของระบบ ช่วยลดความเครียดขณะเดินทางไกลได้เป็นอย่างดี พวงมาลัยตอบสนองแม่นยำและมีน้ำหนักกำลังดีในทุกย่านความเร็ว ไม่ว่าจะเป็นใช้งานท่ามกลางสภาพจราจร หรือขณะเดินทางไกล
ขอบคุณ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่อำนวยความสะดวกในการเดินทางครั้งนี้