เปิดตัวครั้งแรกในโลกกับครอสส์โอเวอร์ที่มีความอเนกประสงค์กว่าเดิม ขุมพลัง ไฮบริด ประหยัดเชื้อเพลิงหายห่วง พร้อมกับพละกำลังที่ใช้งานทั่วไปได้ดี ระบบรองรับควบคุมได้อยู่มือ
สำหรับรูปทรงภายนอกของ TOYOTA COROLLA CROSS (โตโยตา โคโรลลา ครอสส์) เป็นครอสส์โอเวอร์ที่มีความบึกบึนกว่าเพื่อนร่วมค่าย นั่นคือ C-HR (ซี-เอชอาร์) ด้านสันเหลี่ยมชัดเจน ให้อารมณ์ใกล้เคียงกับ เอสยูวี กระจังหน้าขนาดใหญ่ ไฟหน้าทรงเรียว ล้อแมกขนาด 18 นิ้ว (ในรุ่นทอพ ไฮบริด พรีเมียม เซฟที) การใช้โครงสร้างตัวถัง TSGA (ทีเอสจีเอ) ร่วมกับ C-HR ทำให้ระยะฐานล้อของ COROLLA CROSS เท่ากันที่ 2,640 มม. แต่ความยาวของตัวถังจะมากกว่าเล็กน้อย เนื่องจากส่วนท้ายเน้นพื้นที่ใช้สอยมากกว่าเดิม เสริมความอเนกประสงค์ด้วยชุดราวหลังคา โดยรวมแล้วจัดเป็นครอสส์โอเวอร์ที่มีเส้นสายเฉพาะตัว ไม่ซ้ำใคร
เรามีโอกาสนั่งเป็นผู้โดยสารด้านหลัง และพบว่า COROLLA CROSS มีความกว้างขวางที่ทำได้น่าพอใจ พนักพิงหลังทำมุมเอนได้พอเหมาะ โดยเฉพาะการนั่งเป็นระยะเวลานานๆ ในแง่ของการเดินทางไกล และสำคัญที่สุด คือ ทัศนวิสัยโดยรวมที่ปลอดโปร่ง มองเห็นได้รอบตัว ทีมงานมีความสูงประมาณ 170 ซม. พบว่าพื้นที่เหนือศีรษะยังเหลืออีก 1 กำปั้นกว่าๆ จึงให้ความรู้สึกปลอดโปร่งเป็นอย่างดี ขอบล่างของกระจกหน้าต่างอยู่ในระดับเหนือหัวไหล่เล็กน้อย สามารถมองเห็นทิวทัศน์ด้านนอกได้ชัดเจน ไม่อึดอัด (ต่างจาก C-HR ที่เน้นรูปทรงแบบ COUPE (คูเป) ทำให้มุมมองของผู้โดยสารด้านหลังค่อน-ข้างอับ และอึดอัด) เสริมด้วยการติดตั้งหลังคาซันรูฟ ช่วยเพิ่มความรู้สึกปลอดโปร่งได้อีก
TOYOTA COROLLA CROSS ที่เราได้ทดลองขับเป็นรุ่นทอพ เครื่องยนต์เบนซิน ไฮบริด 1.8 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังทั้งระบบที่ 122 แรงม้า เป็นระบบไฮบริดที่ถูกใช้งานใน C-HR และ COROLLA ALTIS (โคโรลลา อัลทิส) สเปคเหมือนกันทุกประการ การทดสอบอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (ตามเข็มบนหน้าปัด) อยู่ที่ประมาณ 12-13 วินาที กับการกดคันเร่งบนทางตรงยาวประมาณ 300 ม. ระดับของแบทเตอรีมีพอสมควรพร้อมเสริมการขับเคลื่อน เมื่อกดคันเร่งลงไปจนสุด จึงมีเสียงหวีดหวิวของมอเตอร์ไฟฟ้า ขับเคลื่อนร่วมกับเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร ความเร็วไต่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่หวือหวาแบบหลังติดเบาะ แต่เน้นความลื่นไหล อย่างที่เคยสัมผัสมาแล้วกับ C-HR แต่ด้วยลักษณะของตัวถัง เราคิดว่าอัตราเร่งของ COROLLA CROSS อาจช้ากว่ากันเล็กน้อยของตัวเลข (หากวัดกันจริงๆ) แต่ในแง่ของความรู้สึก ไม่ถึงกับอืดอาดแต่อย่างใด ส่วนอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยในรุ่นไฮบริดอยู่ที่ 23.3 กม./ลิตร (ข้อมูลจาก อีโค สติคเกอร์) ถือว่าน่าพอใจไม่น้อย
ต่อมาเป็นการทดลองการตอบสนองของการบังคับเลี้ยว และระบบรองรับ ด้วยการเร่งความเร็วขึ้นมาที่ 60 กม./ชม. และแล่นผ่านไพลอนแบบสลาลอม หักเลี้ยวต่อเนื่องซ้าย/ขวา พวงมาลัยที่มีน้ำหนักเบาจากการทดลองขับช่วงแรก แปรเปลี่ยนเป็นความเฉียบคมที่ทำได้ดีอย่างน่าพอใจ น้ำหนักเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ยังบังคับควบคุมได้แม่นยำ อาการโคลงมีเพียงเล็กน้อย หากใครที่กังวลว่าตัวถังของ COROLLA CROSS ที่มีความเป็น เอสยูวี จะส่งผลต่อความคล่องแคล่วเมื่อใช้ความเร็วระดับหนึ่ง ก็ขอบอกเลยว่า “สบายใจได้ หายห่วง” ตัวรถตอบสนองการบังคับควบคุมได้ดีมาก
TOYOTA COROLLA CROSS ถูกเพิ่มดีกรีการเป็น เอสยูวี มากขึ้น ทำให้มีตัวถังที่บึกบึน ใหญ่โต มีมาดความเป็นรถอเนกประสงค์ชัดเจน แต่ไม่เทอะทะแต่อย่างใด ห้องโดยสารกว้างขวาง ทัศนวิสัยยอดเยี่ยม มีอุปกรณ์ใช้สอยเพื่อความสะดวกสบาย (เช่น ประตูบานท้ายเปิด/ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมการเปิดด้วยการกวาดขาข้างใต้กันชนท้าย...หากถือกุญแจรถอยู่กับตัว) มีการประหยัดเชื้อเพลิงที่ดีจากเครื่องยนต์ไฮบริด และสมรรถนะที่ดีสมตัว ภายใต้ราคาที่ไม่ต่างจากคู่แข่ง เชื่อว่ารถรุ่นนี้สามารถดึงความสนใจจากผู้ที่ต้องการอรรถประโยชน์ที่ครบครัน ภายใต้ราคาระดับ 1 ล้านบาทต้นๆ จากค่ายรถที่มีศูนย์บริการแพร่หลาย อย่าได้มองข้ามรถรุ่นนี้ไปเชียว