ทดลองขับ(formula)
เชฟโรเลต์ แคพทิวา ใหม่
เชฟโรเลต์ แคพทีวา ปรับโฉมใหม่ ดูทะมัดทะแมง มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ รุ่นใหม่ และ "จัดเต็ม" อุปกรณ์ความปลอดภัย เพื่อคนรักครอบครัว แคพทีวา เป็นรถธงของค่าย เชฟโรเลต์ ที่มียอดจำหน่ายรวมตั้งแต่เปิดตัวกว่า 35,000 คัน และอีกหลายพันคันที่จำหน่ายทั่วทั้งเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ และเพื่อรักษาภาพผู้นำในตลาดรถคอมแพคท์ เอสยูวี เชฟโรเลต์ จึงปรับแต่งเจ้า แคพทีวา โฉมใหม่ ให้มีความลงตัวและน่าใช้มากขึ้น เพื่อสนองความต้องการของลูกค้า
ภายนอก แต่งหล่อ เข้มกว่าเดิม
ภายนอกมีการปรับเปลี่ยนใหม่หลายจุด อาทิ กันชนหน้าแบบใหม่ พร้อมฝาครอบไฟตัดหมอกที่โฉบเฉี่ยวสะดุดตา ขณะที่กันชนหลังได้รับการออกแบบใหม่ มาพร้อมปลายท่อไอเสียโครเมียมแบบท่อคู่ และกรอบไฟหลังสไตล์ใหม่ ที่สวยลงตัวสร้างความแตกต่างจากของเดิม นอกจากนี้ ด้านข้างตัวรถ ยังติดตั้งบันไดข้างสเตนเลสส์ ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถเข้า/ออกตัวรถได้สะดวกสบายมากขึ้น (เฉพาะรุ่น แอลทีเซด เครื่องยนต์ 2.0 ดีเซล) และมาพร้อมล้อแมก ขนาด 19 นิ้ว ยางขนาด 235/50 R19 ส่วนรุ่น แอลเอสเอกซ์ ใส่ล้อแมกขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางขนาด 235/55 R18
ภายใน ปรับใหม่ เน้นใช้งาน
ภายในห้องโดยสาร ถูกปรับเปลี่ยนหลายรายการ เช่น ระบบปรับอากาศแบบดูอัลโซน ที่แยกการทำความเย็นอิสระทั้งด้านหน้าซ้าย/ขวา เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสารในทุกที่นั่ง สวิทช์ควบคุมบนพวงมาลัย ปรับใหม่เป็นแบบเรืองแสงเพื่อให้ผู้ขับขี่มองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นในที่มืด หรือที่ๆ มีแสงสว่างน้อย โดยสามารถควบคุมระบบเครื่องเสียงแบบ 3 มิติ พร้อมลำโพง 8 ตัว ที่ให้คุณภาพเสียงเร้าใจ และระบบความเร็วอัตโนมัติ หรือครูสคอนทโรลได้ด้วย แผงคอนโซลดีไซจ์นเว้ารับการใช้งานที่ลงตัว หน้าจอแสดงผลขนาด 7 นิ้ว แบบทัชสกรีน พร้อมระบบนำทางผ่านดาวเทียม และมีระบบบลูทูธช่วยอำนวยความสะดวกไม่ให้ขาดการติดต่อ แม้ขณะขับรถอยู่ก็ตาม
ส่วนเบาะนั่งแถว 2 และ 3 สามารถปรับเปลี่ยนพับเก็บเป็นแนวราบ ทำให้มีพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดต่างๆ ได้มากถึง 930 ลิตร นอกจากนี้ยังมีการปรับเปลี่ยนพื้นผิวของวัสดุทั่วทั้งห้องโดยสารให้มีความหรูหรายิ่งขึ้น ส่วนกุญแจรถ ปรับเปลี่ยนใหม่ ให้ไฮเทคมากขึ้น ด้วยการเพิ่มระบบเข้า/ออกห้องโดยสารโดยไม่ต้องใช้กุญแจ คุณสามารถปลดลอคประตูและสตาร์ทเครื่องยนต์เมื่ออยู่ในรัศมีของเซนเซอร์ โดยไม่จำเป็นต้องถือกุญแจ
เครื่องยนต์ มาพร้อมเกียร์ GF6 รุ่นใหม่
สำหรับเครื่องยนต์ มีให้เลือก 2 แบบ 2 ความจุเช่นเดิม โดยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.4 ลิตร DOHC 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วผันแปรคู่ต่อเนื่อง ให้กำลังสูงสุด 167 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 23.4 กก.-ม. รองรับน้ำมันเชื้อเพลิง อี 85 ส่วนเครื่องยนต์รุ่นเก่ง ที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ครองสัดส่วนยอดจำหน่าย แคพทีวา สูงถึง 70 % ต้องยกให้เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบ 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร DOHC 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 40.7 กก.-ม. มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ GF6 รุ่นใหม่ ที่ให้ประสิทธิภาพในการขับขี่ที่ดีขึ้น เกียร์อัตโนมัติรุ่นนี้ เป็นเจเนอเรชันที่ 2 มีฟังค์ชัน DSC (DRIVE SHIFT CONTROL) และเป็นครั้งแรกที่นำมาใช้ ส่วนระบบขับเคลื่อน มีให้เลือกทั้งแบบ 2 และ 4 ล้อ
ระบบรองรับ ขับสบาย เกาะถนน
ช่วงล่างด้านหน้า อิสระ แบบแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบอิสระ ยึด 4 จุด พร้อมระบบ SELF-LEVELIZER เมื่อรถมีน้ำหนักบรรทุก ช่วงล่างด้านหลังจะยกตัวสูงขึ้นเสมอด้านหน้าทันที ส่วนระบบเบรค ด้านหน้า/หลัง แบบจาน พร้อมครีบระบายความร้อนในคู่หน้า และระบบป้องกันล้อลอค เอบีเอส...อย่างที่บอกตั้งแต่แรกว่า เชฟโรเลต์ แคพทีวา ใหม่ จัดเต็มเรื่องอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย มากกว่ารถในระดับเดียวกัน เช่น มีระบบเบรคไฮดรอลิค เอชบีเอ ระบบกระจายแรงเบรคอีเลคทรอนิคส์ อีบีดี ระบบป้องกันการลื่นไถล เมื่อขึ้นทางลาดชัน เอชเอสเอ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ เมื่อลงทางลดชัน เอชดีซี ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว อีเอสพี และระบบป้องกันการพลิกคว่ำ เออาร์พี ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ม่านถุงลมนิรภัย และเข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติ เป็นต้น
สรุป ปรับปรุงใหม่ ทั้งหน้าตา และราคา !
จากการทดลองขับ บนเส้นทางจาก จ. ภูเก็ต-พังงา ระยะทางไป/กลับกว่า 200 กม. แคพทีวา ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบ 2.0 ลิตร ในสภาพเส้นทางที่เปียกชุ่มไปด้วยฝนที่เทกระหน่ำลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตา ทำให้เราได้ทดสอบระบบเบรคได้เต็มที่ ทั้งบนถนนเปียก และแห้งในบางช่วงของเส้นทาง ตัวรถใช้ระยะทางในการเบรคอยู่ในขั้นดี มั่นใจได้ ช่วงล่างแน่น เกาะถนนทรงตัวดี ไม่ร่อน ไม่ยวบยาบ ส่วนรอบเครื่องยนต์ใช้รอบต่ำ ตั้งแต่ 1,000-2,000 รตน. ให้อัตราเร่งไหลต่อเนื่อง สามารถทำความเร็วได้ระหว่าง 80-130 กม./ชม. แต่ถ้าต้องเร่งแซง เพียงแค่คิคดาวน์ลงไป รอบจะไต่ขึ้นสู่ระดับ 3,100-3,300 รตน. คุณจะพบกับความสนุกในการขับขี่
เชฟโรเลต์ แคพทีวา ใหม่ มีให้เลือก 4 รุ่น 2 เครื่องยนต์ อาทิ รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร ขับเคลื่อน 2 ล้อ รุ่น แอลเอสเอกซ์ ราคา 1,298,000 บาท ขับเคลื่อน 4 ล้อ รุ่น แอลทีเซด ราคา 1,595,000 บาท ส่วนเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบ ขับเคลื่อน 2 ล้อ รุ่น แอลเอสเอกซ์ ราคา 1,425,000 บาทและขับเคลื่อน 4 ล้อ รุ่น แอลทีเซด ราคา 1,719,000 บาท