Advertorial
ถอดกลยุทธ์ ESSO จากประสบการณ์พลังงานที่เหนือกว่า ด้วยคุณภาพ และบริการ
ตลอดระยะเวลา 126 ปี ที่สถานีบริการน้ำมัน "เอสโซ" อยู่เคียงข้างคนไทย จาก "รักแรกพบ" ในวันเริ่มต้น ได้กลายเป็นจุดเชคอินที่ผู้ใช้บริการเชื่อมั่นได้เสมอว่า จะได้รับน้ำมันคุณภาพที่ผลิตจากโรงกลั่นมาตรฐานระดับโลก พร้อมประสบการณ์การบริการที่น่าประทับใจจากพนักงาน รวมทั้งความสะดวก ความสะอาด และความปลอดภัย
มาวันนี้ ในยามวิกฤตของสถานการณ์ COVID-19 ที่เศรษฐกิจถดถอย และเปลี่ยนวิถีชีวิตผู้คนทั่วโลกให้ยากลำบากมากขึ้น เอสโซ ยังคงเดินหน้าสร้างความมั่นใจ และตอกย้ำความเชื่อมั่นการนำเทคโนโลยีดิจิทัล และระบบออนไลน์มาใช้ในกระบวนการผลิต และบริการ เพื่อความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า
เจษฎา ชั้นเชิงกิจ กรรมการ และผู้จัดการฝ่ายการตลาดขายปลีก บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า
ภายใต้แบรนด์ "เอสโซ" “โมบิล” และ "เอกซอนโมบิล" เราจัดหาพลังงาน และผลิตภัณฑ์น้ำมันที่มีคุณภาพอย่างปลอดภัย และมั่นคง เพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่คนไทยมาโดยตลอด แม้ในยามวิกฤต COVID-19 และการใช้ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) เอสโซ (ประเทศไทย) ได้ปรับตัวทันต่อสถานการณ์ และยังคงขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยวิสัยทัศน์ เติมเต็มพลังชีวิต ด้วยประสบการณ์พลังงานที่เหนือกว่า (Power Life with Premier Energy Experience) นำพาผ่านภารกิจ 3 ด้าน Our Growth พัฒนาศักยภาพบุคลากรสู่ระดับสากล เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคต Our Win ต่อยอดความชำนาญเฉพาะด้านที่ครอบคลุม และหลากหลาย ร่วมคิดค้นผลิตภัณฑ์ และบริการที่โดดเด่น Our Pride สร้างความเข้าใจ และประทับใจในแบรนด์ของเราให้อยู่ในใจของทุกคน
โดยวิสัยทัศน์นี้ เน้นภาพในการเป็นผู้นำด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์ (Leader of product quality) เชื่อมโยงทุกภาคส่วนของ เอสโซ (ประเทศไทย) และบริษัทในเครือเอกซอนโมบิลในประเทศไทย เข้ามาอยู่ด้วยกัน ตั้งแต่โรงกลั่น สถานีบริการน้ำมัน เรื่อยมาจนถึงศูนย์ธุรกิจระดับโลก (Global Business Center) ของบริษัท เอ็กซอนโมบิล จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ และให้บริการทางธุรกิจแก่บริษัทในเครือเอกซอนโมบิลกว่า 60 ประเทศทั่วโลก
ชัยชนะที่มาจากแก่นของการดำเนินธุรกิจ
"ชัยชนะของเอสโซ เริ่มจากพนักงานทุกคนในทุกหน่วยงานสามารถบอกต่อความภาคภูมิใจในคุณภาพผลิตภัณฑ์ของเรา ให้แก่ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง ในฐานะ Brand Ambassador ถัดมาคือ คุณภาพน้ำมันที่คิดค้นพัฒนาต่อยอดด้วยความเชี่ยวชาญอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยแคมเปญ Esso Synergy ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่พัฒนาโดยบริษัท ExxonMobil Research and Engineering และใช้เทคโนโลยีเดียวกับรถแข่งฟอร์มูล่า 1"การทำแคมเปญดีเซลสะอาดใสไม่มีตะกอน
นับเป็นการตอกย้ำจุดแข็งของ เอสโซ ที่มีอยู่ในตลาดประเทศไทย และเน้นย้ำกับผู้บริโภคถึงความสามารถในการพัฒนาคุณภาพของน้ำมันที่สะอาด มีประสิทธิภาพสูง เพิ่มอัตราเร่ง ปกป้องหัวฉีด และเครื่องยนต์ได้เป็นอย่างดี ชัยชนะต่อมา คือการตลาด และการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในทุกกระบวนการ ตั้งแต่การวางแผนงาน และการบริหารจัดการ ให้สอดรับกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคในสถานการณ์ COVID-19 "แม้ว่าวิกฤต COVID-19 จะทำให้ตลาดน้ำมันโดยรวมตกลงค่อนข้างมากในช่วงไตรมาส 1 และ 2 เราคาดว่าเมื่อประเทศไทยมีการฉีดวัคซีนมากขึ้นอย่างทั่วถึง สภาพเศรษฐกิจ และชีวิตที่ดีขึ้นจะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันกลับมาสูงอย่างที่เคยเป็น ขณะเดียวกันเราสามารถทำยอดรายได้สูงขึ้น และมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา และในปี 2564 เรามีการเปิดสถานีบริการน้ำมันใหม่เพิ่มขึ้น คาดว่าเมื่อถึงสิ้นปี เอสโซ จะมีสถานีบริการน้ำมันถึง 730 แห่ง" คุณเจษฎา กล่าว นอกจากนี้ เอสโซ ยังได้ปรับปรุงรูปลักษณ์สถานีบริการใหม่ให้ทันสมัยมากขึ้นทั่วประเทศ มีการปรับปรุงห้องน้ำให้มีความสวยงาม สะอาด ด้วยความตั้งใจให้เป็นศูนย์รวมความสุข สร้างความประทับใจทุกเส้นทางประสบการณ์ของลูกค้า ด้วยบริการที่ดี สะดวกรวดเร็ว และปลอดภัยทั้งลูกค้า และพนักงาน "ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในงานบริการ เช่น มีการเพิ่มช่องทางการสั่งซื้อน้ำมันผ่านทางแอพพลิเคชัน LINE @EssoThailand โดยไม่ต้องทำการลดกระจกรถยนต์ เพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส มีการชำระเงินด้วย QR Code เพื่อลดการสัมผัส และการแจ้งเพียงหมายเลขโทรศัพท์ เพื่อสะสมคะแนนโดยไม่ต้องใช้ตัวบัตรเอสโซ สไมล์ส และสำหรับสมาชิกบัตร เอสโซ สไมล์ส ที่ผูกกับ LINE @EssoThailand ยังสามารถรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ มากมายอีกด้วย” เอสโซ สไมล์ส คือหนึ่งในโปรแกรมการตลาดสำคัญที่เอสโซ ทำอย่างต่อเนื่อง เมื่อมาใช้บริการเติมน้ำมันที่สถานีบริการฯ ผู้ถือบัตร เอสโซ สไมล์ส จะได้คะแนนสะสม สำหรับนำมาแลกส่วนลดสินค้า และบริการของพันธมิตรที่เข้าร่วม รวมถึงการเปิดโอกาสให้ลูกค้ามีส่วนช่วยเหลือสังคมโดยสามารถนำคะแนนไปแลกเป็นเงินบริจาคแก่องค์กรต่างๆ อาทิ สภากาชาดไทย สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ นอกจากนี้ ยังได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น บริการช่วยเหลือฉุกเฉินฟรีชนะด้วยกลยุทธ์ D3C
เคล็ดลับสำคัญที่นำพา เอสโซ ก้าวสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนคือ D-Digitalization การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการดำเนินงาน ยกตัวอย่าง การให้บริการในสถานีบริการน้ำมัน ซึ่งตั้งแต่ขึ้นไตรมาส 3 ถึงสิ้นปีนี้ เอสโซ จะเปลี่ยนจากเครื่องรูดบัตร EDC มาเป็นเครื่องรูดบัตรแบบพกพา พนักงานในสถานีบริการ สามารถถือเครื่องให้ลูกค้ารูดบัตรจ่ายเงินที่รถได้เลย โดยเครื่องนี้จะเชื่อมต่อกับระบบส่วนกลางเพื่อเป็นข้อมูลให้สามารถวางแผนการตลาดที่ตอบสนองผู้บริโภคได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรม Esso Smiles Driver Rewards เชื่อมสู่แพลทฟอร์มการสะสมคะแนนผ่านแอพพลิเคชัน LINE การนำ QR Code เพื่อใช้ในการให้โปรโมชัน หรือการให้ส่วนลดกับลูกค้า ซึ่งการเข้าสู่ระบบดิจิทัลนี้จะช่วยให้ เอสโซ สร้างกิจกรรมทางการตลาดได้หลากหลายมากขึ้น สามารถสื่อสาร และทำอะไรที่ตรงใจลูกค้าได้ อีกทั้งสามารถเจาะลูกค้าเฉพาะกลุ่มได้อีกด้วย C-Customer Centric การใส่ใจผู้บริโภครวมถึงการทำกิจกรรมทางการตลาดให้ตรงใจลูกค้ามากขึ้น คือเรื่องสำคัญ เอสโซ ตั้งใจรับฟังความเห็นของผู้บริโภคมากขึ้น ผ่านแอปพลิเคชัน และช่องทางต่างๆ พร้อมทั้งมีการแข่งขันเพื่อรักษามาตรฐานการบริการระดับเดียวกัน เพื่อสร้างเสริมประสบการณ์ที่ดี และความประทับใจให้ลูกค้า C-Commercial Opportunity การปรับปรุงโมเดลธุรกิจสำหรับลูกค้าบัตรฟลีทการ์ด ซึ่งยังมีโอกาสในการเติบโตจากช่องทางนี้อีกมาก C-Consistent Backcourt สร้างภาพจำร้านค้าพันธมิตร เอสโซ ได้จับมือกับพันธมิตรที่เข้มแข็งเพื่อเสนอบริการที่หลากหลายภายในสถานีบริการน้ำมัน ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม ซูเปอร์มาร์เกท มินิมาร์ท ร้านกาแฟ บริการยางอะไหล่ บริการรับส่งพัสดุ ฯลฯ ล่าสุด เอสโซ และ ไมเนอร์ ฟู้ด ได้เปิดร้านกาแฟคอฟฟี เจอนี ในสถานีบริการน้ำมันเอสโซเมื่อปลายปี 2563 และคาดว่าจะขยายจำนวนให้ถึง 40 ร้านในสิ้นปี 2564 นี้ "การทำกลยุทธ์ D3C จะทำให้เรามีแบรนด์ที่แข็งแกร่งมากขึ้น ทำให้ยอดขายหรือส่วนแบ่งการตลาดสูงขึ้น ด้วยแนวคิดการทำงานที่มุ่งเน้นความรวดเร็ว ปรับตัว ยืดหยุ่นขึ้น เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคให้มากที่สุด ธุรกิจของเราจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย และมีชัยชนะอย่างยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์ เติมเต็มพลังชีวิต ด้วยประสบการณ์พลังงานที่เหนือกว่า" คุณเจษฎา กล่าวทิ้งท้ายคอลัมน์ Online : Advertorial
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/blog/392186