สตาร์ทติดยาก เครื่องสั่น เร่งไม่ขึ้น อาการเหล่านี้สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน อาจเกิดจาก "หัวเทียนบอด" DIY...คุณทำเองได้ ฉบับนี้ มีวิธีเปลี่ยนหัวเทียน มาฝากกันการทำงานของหัวเทียน หัวเทียนจะทำงานเมื่อเริ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ผ่านไดสตาร์ท คอยล์จุดระเบิดจะส่งกระแสไฟไปตามสายหัวเทียน ผ่านขั้วหัวเทียนลงมายังแกนกลาง และกระโดดข้ามไปยังเขี้ยวหัวเทียน ซึ่งมีประกายไฟเกิดขึ้นในขั้นตอนนี้ ประกายไฟจะเป็นตัวจุดให้ส่วนผสมระหว่างอากาศและน้ำมัน เกิดการระเบิดและเผาไหม้ จนผลักลูกสูบให้หมุนขึ้น/ลง เพื่อแปลงเป็นกำลังขับเคลื่อนรถยนต์ต่อไป หัวเทียนบอด ต้องเปลี่ยน อาการของเครื่องยนต์ที่บ่งบอกถึงหัวเทียนเริ่มเสื่อมสภาพ คือ สตาร์ทติดยาก เครื่องเดินไม่เรียบ สั่น และเร่งไม่ขึ้น เนื่องจากหัวเทียนจุดประกายไฟได้ยาก และจุดระเบิดไม่สม่ำเสมอ หากไม่แน่ใจว่าอาการเหล่านี้เกิดจากการเสื่อมสภาพของหัวเทียนหรือไม่ ให้ลองถอดหัวเทียนออกมาตรวจเชคดู (ดูในขั้นตอนการทำ) หัวเทียนที่หมดสภาพจะมีลักษณะเป็นคราบเขม่าดำ มีคราบน้ำมัน เขี้ยวสึกกร่อนเป็นลักษณะโค้งไม่มีเหลี่ยมคม เป็นต้น ในการเปลี่ยน แนะนำให้เปลี่ยนพร้อมกันทีเดียวทุกหัว จะได้เริ่มนับหนึ่งไปพร้อมกัน ถ้าเป็นรถใหม่ที่อยู่ในระยะเวลาการรับประกันควรแจ้งศูนย์บริการให้เปลี่ยนใหม่ แต่ถ้าเป็นรถที่พ้นการรับประกันไปแล้ว ก็สามารถเปลี่ยนได้เอง โดยเปิดดูระยะทาง หรือระยะเวลาที่กำหนดที่ต้องเปลี่ยน ดูเบอร์ และชนิดของหัวเทียน ให้ตรงตามคู่มือ เน้นเลือกหัวเทียน ตามสเปค หัวเทียนร้อน คือ หัวเทียนที่มีขนาดของฉนวนที่ยาว ทำให้ระบายความร้อนได้ช้า ความร้อนจะสะสมในหัวเทียนได้มากกว่า เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองระยะทางสั้นๆ ที่ใช้ความเร็วไม่มาก โดยเบอร์ของหัวเทียนจะมีตั้งแต่ เบอร์ 7 ลงมา ส่วนหัวเทียนเย็น คือ หัวเทียนที่มีขนาดของฉนวนที่สั้น ทำให้ระบายความร้อนออกไปได้รวดเร็ว ความร้อนสะสมที่หัวเทียนไม่มาก เหมาะสำหรับรถที่ใช้ความเร็วสูงเป็นระยะเวลานาน เช่น เครื่องยนต์ เทอร์โบ หัวเทียนจะเป็นเบอร์ 8 ขึ้นไป สายหัวเทียนอาจเสื่อมสภาพ
ให้ติดเครื่องยนต์ไว้ แล้วดึงจุกยางหัวเทียนที่ฝาสูบออกทีละอัน สังเกตเครื่องยนต์ ถ้ามีอาการกระตุกรอบเครื่องเบา แสดงว่าสายหัวเทียนยังใช้งานได้ปกติ ถ้าสายมีปัญหาทำแบบนี้จนครบทั้ง 4 สูบ
นอกจากนี้ สามารถตรวจสอบด้วยมัลทิมิเตอร์ วัดค่าความต้านทานของสาย โดยใช้ปลายสายของมัลทิมิเตอร์ สีแดงและดำ แตะตรงปลายสายอย่างละ 1 ข้าง ถ้าปกติจะวัดได้ประมาณ 1-10 กิโลโอห์ม (สายสั้น ค่าที่ได้จะน้อยกว่า) ถ้ามากกว่านี้แสดงว่าสายอาจเสื่อมสภาพ ถ้าวัดแล้วไม่ขึ้นเลยแสดงว่าสายขาด อุปกรณ์หาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์รถยนต์ทั่วไป ราคาหลักร้อยจนถึงหลักพันบาท
อุปกรณ์
1. ประแจขันนอท
2. บลอคยาวเบอร์ 9
3. หัวเทียนใหม่
4. ถุงมือ
ขั้นตอนการเปลี่ยนหัวเทียน
1. ตรวจเชคบริเวณสายหัวเทียน ว่ามีรอยแตก รั่ว ตรงไหนหรือไม่ สายหัวเทียนต้องอยู่ในสภาพดีเสมอ
2. ค่อยๆ ดึงจุกสายหัวเทียนออก
3. นำประแจ บลอคยาวเบอร์ 9 ใส่เข้าไปในรูหัวเทียน หมุนทวนเข็มนาฬิกา
4. ดึงประแจที่ไขหัวเทียนเก่าขึ้นมา ตัวหัวเทียนจะติดมากับบลอคด้วย
5. นำหัวเทียนอันใหม่ ใส่เข้าไปในบลอคประแจให้แน่น
6. นำประแจที่ใส่หัวเทียน สอดเข้าไปในตำแหน่งเดิมที่ถอดออก
7. ขันหัวเทียน ทิศทางตามเข็มนาฬิกา แค่พอตึงมือ
8. เมื่อใส่แน่นแล้ว เอาประแจออก ใส่จุกสายหัวเทียนเข้าไปที่เดิม กดให้แน่น
9. ทำตามขั้นตอนที่ 2-8 จนครบทุกตัว แล้วประกอบชิ้นส่วนที่ถอดออกกลับคืน (ถ้ามี) เป็นอันเสร็จ
บทความแนะนำ

