มาตรวัดตลาดรถ
แรงเริ่มตก
คลอดออกมาแล้ว กับยอดการขายรถยนต์ 6 เดือนแรกของปี ที่ยอดรวมยังคงดีอยู่ เติบโต 21.9 % ขายกันทั้งตลาดได้ 732,158 คัน ขณะนี้ยอดขายประจำเดือน เริ่มแสดงความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภค ลดลง 14.8 % ขายเพียง 104,363 คัน
ที่จริงเดือนมิถุนายน เป็นเดือนที่ยอดขายไม่ค่อยจะเป็นไปอย่างหวือหวาเท่าใด เพราะเป็นหน้าฝน โรงเรียนเพิ่งเปิด ผู้บริโภคมีภาระใช้จ่ายเงินมากอยู่แล้ว เลยไม่ค่อยมีคนตัดสินใจซื้อรถ เรียกว่า เป็นปกติเลยก็ว่าได้ ที่ยอดขายจะไม่ค่อยดี
แต่หนนี้ เกือบหมดเรื่องราวกับการส่งมอบรถคันแรกไปแล้ว ยังคงค้างอยู่ไม่เท่าไร ความต้องการที่แท้จริงก็เริ่มเผยตัวเสียที
ท่านผู้รู้ท่านบอกว่า ตลาดรถยนต์ในช่วง 4 เดือนแรกของปี มียอดขายที่สูงมาก เป็นผลจากการส่งมอบรถยนต์ที่ค้างจองจากโครงการรถยนต์คันแรก ประกอบกับกิจกรรมส่งเสริมการขายของค่ายรถยนต์ต่างๆ ที่เริ่มตั้งแต่ในช่วงต้นปี
สำหรับแนวโน้มตลาดรถยนต์ครึ่งหลังของปี 2556 ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ตลาดได้เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นตลอดช่วงครึ่งหลังของปี สะท้อนถึงสภาพตลาดที่กำลังปรับตัวเข้าสู่สภาวะปกติ หลังจากการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปีที่ผ่านมา
นั่นคือความเป็นจริงว่า การขายรถยนต์กลับมาสู่ความเป็นจริงแล้ว เป็นไปตามกลไก และความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง ขณะเดียวกันก็เป็นผลสำหรับราคารถยนต์มือสองด้วย เพราะทำให้ราคารถมือสองในตลาดปรับตัวลดลงมากที่สุดในรอบ 10 ปี จากปกติ รถมือสองที่เข้ามาในตลาดหรือเทนท์ หากอยู่ในสภาพที่ดี ราคาจะตกต่ำจากมือ 1 ลงมาประมาณ 20 % โดยเฉลี่ย แต่เมื่อมีโครงการรถคันแรกที่รัฐให้การชดเชยภาษีสูงสุด 1 แสนบาท/คัน ออกมาทำให้รถมือสองหลายรุ่นได้รับผลกระทบ ราคาตกต่ำลงไปจากเกณฑ์ปกติอีก 5-10 % ทำให้ราคาเฉลี่ยรถมือสองสภาพดี ที่เข้ามาในตลาดตกต่ำไปถึง 25-30 % สำหรับรุ่นที่อยู่ในความนิยม
หากเป็นรถในรุ่นที่ไม่อยู่ในความนิยม หรือไม่ใช่รถตลาด ราคามือสองอาจตกลงไปต่ำสุดถึง 40 % เลยทีเดียว นับเป็นภาวะราคาตกต่ำที่รุนแรงที่สุดในรอบ 10 ปี นับตั้งแต่เคยเกิดภาวะราคารถมือสองตกต่ำ รุนแรงสูงสุดก่อนปี 2540 เมื่อครั้งมีการปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์
อย่างไรก็ตาม รถยึดจากโครงการรถคันแรกนั้น จะวนกลับเข้ามาในตลาดรถมือสองในช่วงต่อไป และแน่นอนว่า จะมีส่วนทำให้แนวโน้มราคารถมือสองจะต่ำลงไปอีกเล็กน้อย แต่เชื่อว่าเมื่อเข้าสู่ไตรมาส 4 ภาวะราคารถมือสองจะเริ่มนิ่งลง
ถัดไปเป็นข่าวจากสถาบันยานยนต์ เป็นเรื่องของการเตรียมการสร้างสนามทดสอบ สถาบันได้นำเรื่องเสนอเพื่อของบประมาณ สำหรับการดำเนินการสร้างศูนย์ทดสอบ "ยาง" โดยเบื้องต้นจะใช้งบประมาณสำหรับจัดซื้อเครื่องมือทดสอบ 80 ล้านบาท โดยได้รับการสนับสนุนงบ ฯ จาก สมอ. ส่วนการก่อสร้างอาคารอีก 5 ล้านบาท เป็นงบประมาณของสถาบันยานยนต์ ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 1 ปีจากนี้ หรือเดือนมิถุนายน 2557
และการก่อสร้างศูนย์ทดสอบรถยนต์ 4x4 โดยขณะนี้ได้ยื่นเรื่องขออนุมัติการลงทุน มูลค่า 170 ล้านบาท ในการก่อสร้าง เป็นการลงทุนของสถาบันยานยนต์โดยตรง และคาดว่าจะใช้ระยะเวลา 1 ปี ในการดำเนินการเช่นเดียวกัน
ก็ได้แต่ตั้งความหวังเอาไว้ ว่าคงจะแล้วเสร็จได้ในเวลาไม่ล่าช้านัก ค่ายรถยนต์จะได้มีสถานที่ทดสอบจริงจังกันเสียที
ว่าแต่ไม่เห็นคุยเลย ว่าจะแล้วเสร็จเมื่อไร
กลับมาที่ตัวเลขของมาตรวัดเดือนนี้ ยอดรวมเดือนเดียวลดลง 14.8 % ขายได้ 104,363 คัน ยอดรวม 6 เดือนยังคงดีอยู่ 732,158 คัน เพิ่มอยู่ 21.9 %
ตำแหน่งแชมพ์ประจำเดือน โตโยตา ขาย 38,060 คัน ลดลง 16.1 % ส่วนแบ่ง 36.5 % อันดับสอง อีซูซุ ขาย 17,701 คัน เพิ่มขึ้น 2.5 % ส่วนแบ่ง 17.0 % อันดับสาม ฮอนดา ขาย 17,345 คัน ลดลง 1.2 % ส่วนแบ่ง 16.6 % อันดับสี่ มิตซูบิชิ ขาย 6,179 คัน ลดลง 46,7 % ส่วนแบ่ง 5.9 %
แยกเป็นประเภทรถยนต์นั่ง ยอดขายเดือนเดียวลดลง 18.0 % ขายได้ 46,451 คัน รวม 6 เดือน ขายเพิ่มอยู่ 38.8 % ขายได้ 332,156 คัน
แชมพ์รถยนต์นั่ง โตโยตา ขายได้ 16,030 คัน ลดลง 16.2 % ส่วนแบ่ง 34.5 % ที่สอง ฮอนดา ขายแผ่วลงหน่อย 15,519 คัน ลดลง 3.2 % ส่วนแบ่ง 33.4 % ที่สาม ซูซูกิ แซงฉิว 3,887 คัน เพิ่มเยอะ 156.9 % ส่วนแบ่ง 8.4 % ที่สี่ นิสสัน ขาย 3,674 คัน ลดลง 49.8 % ส่วนแบ่ง 7.9 % และที่ห้า มิตซูบิชิ ขาย 2,514 คัน ลดลง 44.0 % ส่วนแบ่ง 5.4 %
ผู้เสียภาษียอดเยี่ยม แฟร์รารี ขาย 4 คัน ลัมโบร์กินี และ มิตซูโอกะ ขายเจ้าละคัน
บันทึกไว้อีกครั้ง รถขนาดเล็กรวมอีโคคาร์ ขายได้มากที่สุด ฮอนดา ขายเดือนเดียว 12,282 คัน
รถเพื่อการพาณิชย์ หรือรถบรรทุก ยังดีอยู่ เพิ่มขึ้นถึง 32.9 % ขายได้ 4,336 คัน รวม 6 เดือนขาย 24,143 คัน เพิ่มอยู่ 42.9 % โดยแชมพ์ประจำรุ่น อีซูซุ ขาย 2,352 คัน เพิ่มขึ้น 43.0 % ส่วนแบ่ง 54.2 % ที่สอง ฮีโน ขาย 1,821 คัน เพิ่มขึ้น 26.0 % ส่วนแบ่ง 42.0 % ที่สาม มิตซูบิชิ ขาย 157 คัน ลดลง 0.6 % ส่วนแบ่ง 3.6 %
ประเภทรถอเนกประสงค์อื่นๆ ขายเดือนเดียว 1,724 คัน ลดลง 21.7 % รวม 6 เดือน ขาย 12,079 คัน ลดลง 7.7 % มีแชมพ์เจ้าเก่า โตโยตา ขาย 1,424 คัน ลดลง 17.4 % ส่วนแบ่ง 82.6 %
นั่นคือความเป็นไป ในขณะที่ทุกอย่างกำลังกลับมาเข้าที่เข้าทาง แต่ต้องไม่ลืมว่า ค่ายรถยนต์หลายค่าย กำลังสร้างโรงงานประกอบรถแห่งใหม่กันหลายค่าย มีทั้งสร้างใหม่ ขยายโรงงาน ตั้งสำนักงานเตรียมยื่นขอสร้างโรงงาน
อีกสัก 3 ปี คำว่า ดีทรอยท์เมืองไทย จะกลับมาไหมเอ่ย
เรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2556
คอลัมน์ Online : มาตรวัดตลาดรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/92174