ชีวิตคือความรื่นรมย์
ฝากไว้ในวงวรรณ
ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ข้าพเจ้ามีเรื่องเกี่ยวข้องกับพี่น้องในวงวรรณศิลป์หลายเรื่อง แต่คงจะพอหยิบยกมาได้บางเรื่องตามเนื้อที่มีจำกัด
เรื่องที่ 1 เป็นการมอบรางวัลแก่คนที่มีผลงานดีเด่นที่ด้านวรรณศิลป์ ซึ่งเรียกว่า "รางวัลศรีบูรพา" ที่คอลัมน์นี้เคยกล่าวถึงมาหลายครั้งว่า สุวัฒน์ วรดิลก นักเขียน-ศิลปิน (ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ 2534) ได้ร่วมกับญาติมิตรของ กุหลาบ สายประดิษฐ์ ได้จัดตั้งขึ้นจากเงินที่ญาติมิตรร่วมทำบุญหลังการนำอัฐิของ กุหลาบ มาจากเมืองจีน ตั้งเป็น กองทุนศรีบูรพา เพื่อระลึกถึงนักเขียนนักหนังสือพิมพ์ผู้ใช้นามปากกาที่มีงานอมตะนั้น มอบให้ผู้มีวัตรปฏิบัติตามแนวคุณกุหลาบ นับแต่ปี 2530 มาจนบัดนี้ 25 คน (และรางวัลพิเศษในวาระ 100 ปี อีก 3 คน)
ผู้ได้รับรางวัลที่มีผู้กล่าวขวัญถึงตลอด เช่น 4 คนแรก คือ ศักดิชัย บำรุงพงศ์ (เสนีย์ เสาวพงศ์) อ.ไชยวรศิลป์ นิลวรรณ ปิ่นทอง อาจินต์ ปัญจพรรค์...คนลุ่ดอันดับที่ 25ที่ได้รับมอบเมื่อวันนักเขียน 5 พฤษภาคม 2556 คือ ธีรภาพ โลหิตกุล นักเขียนและนักถ่ายถาพ ผู้มีแนวคิดเพื่อสังคมที่ชัดเจน ในฐานะที่ได้รับมอบภาระสืบสานงานจากสุวัฒน์ วรดิลก ที่จากไปเมื่อ 15 เมษายน 2550 ได้ทำหน้าที่แทนท่ามกลางความชื่นชมจากเพื่อนนักเขียน-นักหนังสือพิมพ์ตามปณิธานของผู้ก่อตั้ง โดยมีทายาทศรีบูรพาคือ อาจารย์วาณี (พนมยงค์) สายประดิษฐ์ สะใภ้ กุหลาบ-ชนิด สายประดิษฐ์ ร่วมมอบรางวัลและแสดงความยินดีด้วย
เรื่องที่ 2 เป็นเรื่องเศร้าที่เพื่อนรักในวงวรรณศิลป์ 2 คนของข้าพเจ้าจากไปในเวลาใกล้กัน คนแรก คือ ประสพโชค เย็นแข นักกลอนรุ่นพี่ที่ข้าพเจ้าสนิทสนมกันมากว่า 53 ปี ใน "ชมรมนักกลอน" เขาเป็นกรรมการในชมรม ฯ และต่อมาร่วมจัดกิจกรรมกับเพื่อนร่วมสมัยในรายการ ลอยลำไปกับเรือเพลง ซึ่งนำโดย สนธิกาญจน์ กาญจนาสน์ แทบทุกครั้ง จัดราย กลอนนึกฝัน แม้เมื่อไปรับราชการวิทยุที่ต่างจังหวัด ก็ไม่ลืมส่งเสริมการกวี เช่น ให้โอกาสคนรักการกวีเขียนบทกลอนไปออกอากาศประกอบเพลง ที่เป็นการปลุก และปลูกคนช่างฝันได้เข้าสู่เส้นทางรังสรรค์บทกวี แม้ตอนเกษียณจากราชการแล้ว ก็ยังทำด้วยความรักในเส้นทางนี้เรื่อยมา
ที่เราพบกันเสมอ คือ เขาไปร่วมเป็นกรรมการสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทยยุคที่ผู้เขียนเป็นนายกสมาคม ไปแสดงสักวาร่วมกับสโมสรสยามวรรณศิป์ที่ผู้เขียนร่วมจัดตั้ง เรื่อยมาจนแม้ก่อนจะจากไป ยังรับปากกับน้องๆ ไปร่วมแสดงสักวาอยู่อีก ที่ข้าพเจ้าจะไม่มีวันลืมก็คือ เขาเป็น "ยามภาษา" ฟรี เป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำที่ดีเรื่อยมา ด้วยความรอบรู้และความจำที่แม่นยำ ข้อมูลถูกต้องอย่างดียิ่ง คอยจับตาการใช้ภาษาของสื่อมวลชนตลอดมา ข้าพเจ้าขอใช้บทกลอนลาก่อน...พี่ชายที่แสนดีที่เขียนถึงเขาไว้โดยสังเขปว่า
คิดคำนึงครึ่งศตวรรษที่ผ่านผัน เราพบกันกลางผู้รักงานอักษร สร้างสัมพันธ์อันชื่นชม "ชมรมนักกลอน" ด้วยอาทรกันและกันฉันกวี ในฐานะสมาชิกร่วมชมรม ต่างชื่นชมกันและกันฉันน้องพี่ ผ่าน"ลับแลกลอนสด รสวาที ทางทีวี ช่องสี่-บางขุนพรหม แม้ต่อมาเมื่อต่างไปอยู่ชายแดน เราแนบแน่นด้วยกวีที่สั่งสม น้องเป็นครูอยู่ที่นครพนม พี่ชมรมผ่านวิทยุสกลนคร เราสื่อข่าวคราวผ่านวรรณศิลป์ เลื่องระบิลระบืองานสานอักษร น้องสร้างสรรค์วรรณกวีศรีสุนทร พี่นำกลอนประกอบเพลงประเลงรมย์ แม้ทางไกลหลายร้อยกิโลเมตร ไม่อาจเด็ดมิตรไมตรีที่สร้างสม หลายปีผ่านกานท์กวีที่ชนชม แล้วโลกกลมเรากลับได้ใกล้ชิดกัน
กว่าสี่สิบปีหลังยังจำได้ เราร่วมในวงสักวาสมานฉันท์ เป็นกรรมการสมาคมร่วมวงวรรณ เป็น ยามภาษา คนสำคัญเนิ่นนานมา ด้วยวันวัยใกล้เคียงเรียงพี่น้องยามขัดข้องสืบกระสวนสำนวนภาษา ข้อมูลเพลง-ข้อมูลกลอน-ย้อนเวลา คือสารานุกรมที่มีชีพชนม์
แล้วใบไม้ใบหนึ่งซึ่งทรงค่า ก็อำลาตามลมร้อนก่อนเพลงฝน ก่อนวันควรด่วนจำพรากจากสกล ทิ้งเพื่อนพ้องน้องทุกคนทนคำนึง ต่อแต่นี้ทุกเพลาคราลมหวน สุดสงวน* จะครวญใคร่ให้คิดถึง บทละเบงเพลงชวนปลื้ม บัวลืมบึง * เพลงแสนซึ้งพี่แต่งไว้ให้รำพัน พี่จากไปในทีท่าอาการสงบ บอกว่าครบคุณความดีที่สร้างสรรค์บทกวีที่ทรงค่าคุณานันต์ บ่งรางวัลนฤมิตชีวิตงาม วงสักวาจะขาดผู้อาวุโส น้อมมโนบูชาครูชูโลกสาม หมดเวลาพาประเวศทุกเขตคาม คงแต่นามจำหลักไว้ให้โลกแลแม้ทุกครานภาผ่องส่องแสงโสม โลกจักโลมรื่นหยาดเพ็ญแสง เย็นแข ค้อมเคารพ "ประสพโชค" ต่อโลกแปร ก็จักแปร้เปี่ยมคุณธรรมความงามดี-ด้วยรักและอาลัยพี่อย่างยิ่ง จากใจจริง ประยอม-อรฉัตร ซองทอง
(* หมายเหตุ ประสพโชค เย็นแข เขียนบทเพลงโดยอาศัยทำนอง "สุดสงวน" ที่สุนทราภราภรณ์ปรับจากทำนองเพลงไทย โดยครู พร ภิรมย์ ให้คำแนะนำบ้าง ชื่อว่าเพลง "บัวลืมสระ" ขับร้องโดยพี่ชายของเขาเอง คือ ชาญ เย็นแข ผู้มีเสียงร้องและเพลงอมตะหลายเพลง เช่น ค่าน้ำนม เม่ศรีเรือน สามหัวใจ ฯลฯ )
เพื่อระลึกถึงนักกลอนอาวุโสที่จากเพื่อนๆ (ที่เหลือไม่กี่คน) และน้องๆ ที่ยังระลึกถึงพี่ชายที่แสนดีที่น่ารักคนนี้ ขอนำเพลง "บัวลืมสระ" เนื้อร้องของ ประสพโชค เย็นแข เผื่อท่านที่ร้องทำนอง สุดสงวน อันไพเราะได้ จะนำไปขับร้อง จะมองเห็นคารม และความคิดของเขาได้ด้วย
"หอมเอยดอกบัวยั่วอารมณ์ พลิ้วตามสายลมชื่นชมยามเจ้าขึ้นเคล้าลมเล่น พลิ้วก้านใบไสวดอกพราวแลชาวเด่นโน้มเอนชูช่อเบิกบาน พระพายอวลกลิ่นเกสรสุคนธ์ ล้อลมเวียนวนกลีบอุบลตระการ กลิ้นเจ้าเร้ารื่นชื่นบาน สายลมพลิ้วจูบเจ้า คล้ายจะเอาเจ้าขึ้นวิมาน เป่ามนต์ดลใจให้ร้าวราน ทะยานลืมสระจะละก้านใบ หมายไปเริงรื่นกับลม
"ภมรร่อนมาเมื่อคราหอม หมายชมดมดอมผึ้งหมายจะตอมยั่วย้อมอารมณ์ เสียงหวี่หวู่ดังรู้เล่ห์กลมนต์รักข่ม หวังชมเพียงกลิ่นอุบล ภมรครวญคร่ำช้ำชอกใจ รักครวญหวนไห้บัวไม่ปล่อยตน ต้องมนต์ไหวก้านกับลม แสนสุดตรมใจผึ้ง ต้องช้ำวิโยคโศกตรึงใจตรม ถูกลมรังแกเจ้าแพ้ลมระทมดวงจิตเป็นพิษเจ็บกาย เสียดายเพียงช่อดอกบัว"
ตลอดชีวิตอันยาวนาน (เกิด 20 ธันวาคม 2474-สิ้นลมหายใจอย่างสงบเมื่อประมาณ 2 นาฬิกาของวันที่ 7 พฤษภาคม 2556) นักกลอนรางวัล นราธิป ปี 2554 คนนี้เขียนกลอนไว้มาก ที่เขาถนัด คือ เขียนนิทานอีสปในทัศนะใหม่ ผู้เขียขอระลึกถึงเขาด้วยบทกลอนที่รวมไว้ใน "ฝันกลางไฟ รวมบทกลอนห่วงใยมนุษย์และสังคม ให้แง่คิดสะกิดเตือนใจ ของเขา ด้วยบทกลอนชื่อ "มือ" ที่หลายคนชอบ
เพื่อนผมตายไปเมื่อคืนวานซืนนั้น และเมื่อวันวานกำหนดรดน้ำศพ เขา...เศรษฐีมีความสุข...ทุกอย่างครบ ผมขอทบทวนมาพูดจากัน ร่างนั้นนิ่งนิทราใต้ผ้าขาว มือซีดน้าวพาดลงตรงปากขัน ให้ญาติมิตรคารวะอภิวันท์ เป็นสัมพันธานุสรณ์ตอนสุดท้าย ผมรินน้ำหลั่งลงตรงมือนี้ คือมือที่กอปรการงานทั้งหลาย เขาได้มีความสุขสนุกสบาย ควักเงินจ่ายหาซื้อ...ก็มือนี้ เขาถากถางสร้างอนาคตผาสุก กอบโกยทุกทิศทางสร้างวิถี สู้ด้วยสองหัตถามานานปี จึงมั่งมีเพราะมือยุดยื้อมา ตราบฐานะเขาเด่นเป็นปึกแผ่น ฐานเกียรติแน่นเรืองอำนาจวาสนา เขาโลภโมโทสันเกินพรรณนา มือทำหน้าที่แหนหวงแทนตน เขาคิดว่า...ถ้าตาย...เงินไปด้วย เงินคงช่วยสร้างสุขทุกแห่งหน เขาไม่เคยจานเจือเอื้อคนจน ตราบถึงชนม์ชีพลับดับชีวัน เขานอนนิ่งหลับตาใต้ผ้าขาว มือซีดน้าวโน้มลงตรงปากขัน แต่แบออก...บอกย้ำความสำคัญ ว่าเงินนั้นเขามิได้นำไปเลย ประสบการณ์งานศพพบข้อคิด จึงลิขิตคำกลอนวอนเฉลย สิ่งชั่วดีมีจนทุกคนเคย มนุษย์เหวยไยจึงชอบมุ่งกอบโกย" @
เรื่องโดย : ประยอม ซองทอง
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2556
คอลัมน์ Online : ชีวิตคือความรื่นรมย์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/91324