ชีวิตคือความรื่นรมย์
บิดาแห่งโทรทัศน์ไทย
วันที่ 28 พฤษภาคม ที่เพิ่งผ่านไป เป็นปีที่ครบ 100 ปี เกิดของคนไทยผู้มีคุณูปการต่อวงการโทรทัศน์ไทยนาม จำนง รังสิกุล ซึ่งมีประวัติโดยย่อว่า เป็นบุตรคนโตในจำนวน 6 คนของหลวงบัญชาพิชิตราษฎร์ กับ นางจันทร์ รังสิกุล เริ่มเรียนชั้นประถมและมัธยมที่จังหวัดนครนายก และฉะเชิงเทรา เข้าศึกษาอุดมศึกษาที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำเร็จวิชากฎหมาย แผนกรัฐศาสตร์ ขณะที่เป็นนิสิตชั้นปีที่ 2 แผนกรัฐศาสตร์ ก็โอนไปสังกัดที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงศึกษาต่อจนจบหลักสูตร สำเร็จปริญญาธรรมศาสตร์บัณฑิตเมื่อปี 2478 ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากทั้งสองมหาวิทยาลัยในปี 2528 ปีเดียวกัน คือ วารสารศาสตรดุษฎีบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนิเทศศาสตรดุษฎีบัณฑิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จำนง รังสิกุล รับราชการครั้งแรกเป็นปลัดอำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ลาออกไปเป็นผู้ตรวจการณ์และควบคุมโควตายางพารา สังกัดกรมเกษตรและการประมง แล้วโอนไปรับราชการกรมเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ต่อมาได้โอนไปที่กรมโฆษณาการ ซึ่งต่อมา คือ กรมประชาสัมพันธ์ ทำหน้าที่แปลข่าวและจัดรายการวิทยุ ปี 2493 ได้รับอนุมัติให้ไปเป็นผู้ประกาศข่าวภาคภาษาไทยที่กรุงลอนดอน 3 ปี ครบกำหนดจึงกลับมาเป็นหัวหน้ากองวิทยุกระจายเสียงต่างประเทศคนแรกของประเทศไทย
เมื่อรัฐบาลสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี จัดตั้งบริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด ขึ้นเป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกรมประชาสัมพันธ์ จึงได้รับอนุมัติไปช่วยงานด้านวิทยุ (ท.ท.ท.)และโทรทัศน์ (ไทยทีวีช่อง 4 บางขุนพรหม) 15 ปี(ปี 2497-2511) ในตำแหน่งรองผู้อำนวยการทั่วไป และผู้อำนวยการฝ่ายจัดรายการและโฆษณา ในขณะเดียวกันก็ปฏิบัติราชการประจำกรมประชาสัมพันธ์ ในตำแหน่งผู้อำนวยการกองข่าว (ทั้งในประเทศและต่างประเทศ) จนกระทั่งเกษียณอายุราชการ
จำนง รังสิกุล นับว่าเป็นผู้ร่วมบุกเบิกและสร้างสรรค์ความเจริญให้แก่วงการโทรทัศน์ไทยอย่างมากคนหนึ่ง คงไม่เป็นการยกย่องมากเกินไป ถ้าจะกล่าวโดยรวมว่า จำนง รังสิกุล ได้วางรากฐานทั้งงานด้านรายการ การสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพไว้ให้วงการโทรทัศน์ไทยต่อมา จนตราบเท่าทุกวันนี้ งานอันมีคุณค่านั้นก็ยังส่งผลดีต่อๆ มา
โดยส่วนตัว ข้าพเจ้าได้รับผลจากคุณูปการที่ จำนง รังสิกุล สร้างให้วงการโทรทัศน์ไทยทั้งโดยตรงและโดยอ้อม เริ่มตั้งแต่เมื่อ จำนง จัดให้โทรทัศน์ช่อง 4 บางขุนพรหม เริ่มฟื้นฟูการแสดงทางศิลปวัฒนธรรมที่กำลังซบเซา เช่น การแสดงสักวา โดยการยกวงสักวาขึ้นจากการแสดงในเรือ หรือในหอประชุม ตลอดจนแสดงกลางแจ้ง (เช่น ที่สังคีตศาลา ของกรมศิลปากร) และการแสดง ลับแลกลอนสด อันส่งผลให้ผู้มีหัวใจและปฏิภาณในการกวีในช่วงกึ่งศตวรรษที่ผ่านมา ได้แสดงตัวตน และความสามารถเป็นที่ประจักษ์
ข้าพเจ้ากับเพื่อนหนุ่มสาวรุ่นประมาณ ปี 2500 นอกจากจะได้ใกล้ชิดการแสดงฝีปากการกวีจากผู้อาวุโส เช่น มรว. คึกฤทิ์ ปราโมช อาจารย์มนตรี ตราโมท หลวงอิศราภณ์ประพันธ์ คุณหญิงสิน สุพรรณสมบัติ ท่านผู้หญิงสมโรจน์ สวัสดิกุล ฯ มจ. วิเศษศักดิ์ ชยางกูร ดร. ประเสริฐ ณ นคร อาจารย์ปลื้อง ณ นคร อาจารย์สถิตย์ เสมานิล อาจารย์ฉันทิชย์ กระแสร์สินธุ์ ฯลฯ ซึ่งเป็นกวีที่ฝีปากและปฏิภาณเป็นที่ติดใจประชาชนแล้ว
นอกจากนั้นยังเป็นแรงจูงใจอย่างสำคัญยิ่งให้นักกลอนรุ่นพี่น้องใกล้เคียงกันช่วงปี 2500 ดำเนินรอยตามได้อย่างมั่นใจในกาลต่อๆ มา เช่น กุลทรัพย์ รุ่งฤดี ชยศรี สุนทรพิพิธ สุมน สุดบรรทัด สุนทร สุขีนัย เจษฎา วิจิตร ภิญโญ ศรีจำลอง สนธิกาญจน์ กายจนาสน์ สวัสดิ์ ธงศรีเจริญ อนันต์ สวัสดิพละ วนิดา สถิตานนท์ มะเนาะ ยูเด็น ฯลฯ เรื่อยมาถึง เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ นิภา บางยี่ขัน ทวีสุข ทองถาวร ดวงใจ รวิปรีชา สุรินทร์ ประสพพฤกษ์ นภาลัย ฤกษ์ชนะ จินตนา ปิ่นเฉลียว ฯลฯ
ทั้งผู้อาวุโสที่กล่าวแล้วและมีอีกมากที่ไม่ได้กล่าวถึง รวมทั้งกวีร่วมสมัยของผู้เขียน ได้รับการนำเสนอสู่สายตาประชาชน ผ่านรายการ ลับแลกลอนสด (ตลอดปี 2502) รายการกลอนชาวบ้าน กลอนจอหงวน กลอนมืด ทั้งการแสดงดนตรีและปฏิภาณกวีผ่านรายการสังคีตภิรมย์ (ที่ จำนง รังสิกุล เป็นผู้จัดในสมัยที่เป็นที่ปรึกษาธนาคารกุงเทพ จำกัด หลังจากเกษียณอายุราชการแล้ว)
ขอกล่าวย่อๆ (เพราะเนื้อที่จำกัด)ว่า รายการที่ จำนง รังสิกุล เป็นผู้อำนวยการฝ่ายจัดรายการนั้น นอกจากรายการคุณภาพ เช่น ละครประเภทต่างๆ รายการสาระและบันเทิงที่สร้างสรรค์ไม่เป็นพิษเป็นภัยแล้ว สิ่งสำคัญ จำนง รังสิกุล ได้สร้างนักแสดง นักอ่าน นักจัดรายการ พิธีกร ฯลฯ ซึ่งล้วนผ่านการฝึกฝนจนช่ำชอง มีคุณภาพก่อนนำเสนอต่อสาธารณชน
นอกจากนั้น ยังเป็นผู้รวบรวมบุคลากรจากสาขาต่างๆ โดยเฉพาะนักวิชาการสื่อมวลชน มาร่วมกันทำประโยชน์เพื่อสร้างสรรค์สนับสนุนงานทางโทรทัศน์ จัดเป็นกรรมการเมขลา (ยุคแรก) ต่อมาเปลี่ยนเป็นชมรมโทรทัศน์ทองคำจนกระทั่งบัดนี้ แม้ตัวตนจะจากไปแล้ว ในวาระครบ 100 ปีเกิด คณะกรรมการชมรมโทรทัศน์ทองคำจึงดำริจัดงานเชิดชูเกียรติ เพื่อเตือนให้สังคมได้รำลึกถึงคุณูปการที่ท่านได้ทำไว้
งานทางวิทยุที่น่าเอ่ยถึง เช่น การจัดรายการอภิปรายข้ามแดนระหว่างวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ที่มี จำนง รังสิกุล และอาจารย์สมจิตต์ สิทธิไชย เป็นแกน กับฝ่ายวิทยุ 1 ปณ. ของกรมไปรษณีย์โทรเลข ซึ่งมีอาจารย์นิลวรรณ ปิ่นทอง (บรรณธิการนิตยสารสตรีสาร) เป็นบุคคลสำคัญ นอกจากนั้น จำนง รังสิกุล ยังบำเพ็ญตนเป็นนักเขียน ซึ่งใช้นามปากกาปลาหมอ (เขียนเรื่องเสียดสี วิจารณ์สังคม) นายระทวย รื่นระทม ศัตรุนชัย (เขียนเรื่องรัก) ศุภมิตร (วิจารณ์ข่าวต่างประเทศ) เจือจันทร์ (เรื่องเกี่ยวกับดนตรี) จินตนา (ตอบปัญหาชีวิตและสารคดีในสตรี เป็นที่นิยมมาก)และ จำนง รังสิกุล ใช้เขียนสารคดี
นับตั้งแต่ข้าพเจ้ากับเพื่อนได้เข้าร่วมรายการ ลับแลกลอนสด ครั้งที่ 2 (เมื่อ 22 พฤษภาคม 2502) และอีกต่อๆ มาทั้งรายการสังคีตภิรมย์ จำนง รังสิกุล ที่เคยเห็นข้าพเจ้ากับเพื่อนๆเมื่อเราอายุประมาณ 25 ปี จนกระทั่งเราเติบโตไปแสดงสักวาตามที่ต่างๆ จำนง รังสิกุล เคยพูดกับข้าพเจ้าว่า หนังสือ "สักวาวิวิธ" ที่เรา (ข้าพเจ้ากับ มรว. อรฉัตร ซองทอง) รวบรวมจากสมุดบันทึกลายพระหัตถ์พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเหมวดี นั้น มีประโยชน์ต่อวงการกวีของเรา ท่านบอกว่าน่าเสียดายที่ท่านไม่ได้พบเราก่อนนั้น เพราะท่านมีต้นฉบับพร้อมรูปถ่ายผู้ร่วมรายการเก็บไว้ทุกครั้ง ถ้าข้าพเจ้าจะพิมพ์อีก ท่านยินดีมอบให้นำมาพิมพ์เผยแพร่เป็นประโยชน์และเป็นบันทึกประวัติวงการวรรณศิลป์ของเรา
แม้เมื่อตอนข้าพเจ้ากับภรรยาได้รับการชักชวนให้เข้าร่วมเป็นกรรมการโทรทัศน์ทองคำ เพราะท่านเห็นเรา 2 คนร่วมและเกี่ยวพันกับรายการโทรทัศน์มาตั้งแต่เริ่มวัยเรียนในระดับอุดมศึกษาตลอดมาจนวัยทำงาน ท่านก็มาพูดคุยถึงเรื่องเก่าๆ อย่างให้ความสนิทสนมเหมือนที่ท่านให้แก่ผู้ร่วมงานและผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าๆ และพูดคุยเชิงให้แนวทางการพิจารณาให้รางวัลแก่คนทำงานโทรทัศน์ทุกแขนง เพราะเราเป็นกลุ่มบุคคลที่ไม่มีผลประโยชน์จากการให้รางวัลคนโทรทัศน์ ตลอดร่วม 3 ทศวรรษ
ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นหนี้บุญคุณนับแต่ได้ออกโทรทัศน์ในรุ่นแรกๆ แล้วทำให้ชื่อเสียงของพวกเรานักกลอนได้อยู่และเติบโตในวงการตลอดมา ระลึกว่าทุกครั้งที่มีรายการแสดงทางวรรณศิลป์และคีตศิลป์ จำนง รังสิกุล เสมือนจะจับตาดูเราอย่างใกล้ชิดอยู่ทุกๆ ครั้งด้วยความชื่นชมในผลงานที่ท่านเป็นผู้ให้ชีวิตเราได้เกิดในวงการ และเราจะระลึกถึง จำนง รังสิกุลในฐานะบิดาแห่งโทรทัศน์ไทยไปตราบนานเท่านาน
เรื่องโดย : ประยอม ซองทอง
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2556
คอลัมน์ Online : ชีวิตคือความรื่นรมย์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/90964