สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
มาร์ทิน แอพเฟล
"เชฟโรเลต์" ภายใต้ร่มเงา ของ จีเอม ประสบความสำเร็จในบ้านเราอย่างมาก ในโอกาสฉลองครบรอบ 10 ปี การดำเนินธุรกิจในประเทศไทย รุกตลาดเต็มพิกัด สร้างยอดขาย ขยายเครือข่าย ทั้งในและต่างประเทศ "ฟอร์มูลา" สัมภาษณ์พิเศษ มาร์ทิน แอพเฟล ประธานกรรมการ ประจำประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
ฟอร์มูลา : คุณมองว่าอุตสาหกรรมรถยนต์โดยรวมปีนี้ จะเป็นอย่างไร และ เชฟโรเลต์ จะเป็นอย่างไร ?
แอพเฟล : ปีที่แล้วตลาดรวมถือว่เติบโตอย่างมาก โดยมียอดรวมถึง 1.4 ล้านกว่าคัน ซึ่งยอดที่เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมากนั้น เป็นผลมาจากโครงการรถคันแรก สำหรับปีนี้จากยอดขายที่ผ่านมา ทำให้ยังมองไม่เห็นภาพว่าจะเป็นอย่างไร แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าตลาดโดยรวมน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.2 ล้านคัน
ในส่วนของ เชฟโรเลต์ ปี 2555 ถือว่าเป็นปีที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยมียอดขายอยู่ที่ 75,000 คัน หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 139 % เมื่อเทียบกับปี 2554 และปีก่อนนั้นก็เติบโตมาแล้วกว่า 56 % ซึ่งผลจากการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี จึงวางเป้าหมายว่าในปี 2556 จะมียอดขายเกิน 100,000 คัน ทั้งนี้คาดการณ์ว่าการแข่งขันจะมีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากแต่ละบแรนด์ต่างต้องใช้กลยุทธ์ต่างๆ เพื่อเพิ่มยอดขาย
ฟอร์มูลา : เชฟโรเลต์ ประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด ในตลาดเมืองไทย ?
แอพเฟล : เชฟโรเลต์ ถือเป็นบแรนด์ที่เติบโตอย่างมากในตลาดรถยนต์เมืองไทย ซึ่งวัดผลความสำเร็จนี้จากยอดขายที่เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน โดยหากมองจากยอดขายในปี 2555 ที่เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมาก หากเปรียบเทียบกับยอดขายในปี 2553 กับปี 2554 ซึ่งจากการเติบโตครั้งนี้ เกิดขึ้นจากปัจจัยในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มไลน์ผลิตสินค้า และแนะนำออกสู่ตลาดหลากหลายรุ่น การเพิ่มทีมงานที่มีความสามารถ และที่สำคัญการเพิ่มตัวแทนจำหน่าย ที่สามารถทำให้บแรนด์เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากยิ่งขึ้น
ฟอร์มูลา : กำลังการผลิตในปัจจุบัน มีเพียงพอหรือยัง และมีแผนที่จะลงทุนเพิ่มหรือไม่ ?
แอพเฟล : กำลังการผลิตของ เชฟโรเลต์ ในปัจจุบันอยู่ที่ 180,000 คัน สำหรับการลงทุนเพิ่มนั้น เชฟโรเลต์ มีการลงทุนเพิ่มอย่างต่อเนื่อง แต่เป็นเพียงในส่วนเล็กๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เรียกว่าเป็นการพัฒนาในส่วนต่างๆ ให้มีศักยภาพมากขึ้น เช่น การปรับปรุงโรงงาน เครื่องมือ และการปรับปรุงในส่วนอื่นๆ ที่ไม่ได้ประกาศออกไป ตัวอย่างเช่น เมื่อปีที่แล้วได้ลงทุนการเพิ่มไลน์ผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ 2 รุ่น ซึ่งจะเป็นในส่วนของอุปกรณ์ต่างๆ โดยลงทุนมากกว่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ
นอกจากนี้เป็นการลงทุนซื้อชิ้นส่วนในประเทศไทย ปี 2554 ใช้เงินซื้อชิ้นส่วนในไทยถึง 365 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ และในปี 2556 คาดว่าจะใช้เงินลงทุนซื้อชิ้นส่วนเพิ่มเป็น 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ รวมถึงบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปีอีกด้วย โดยปัจจุบันมีผู้ผลิตชิ้นส่วนป้อนให้กับ เชฟโรเลต์ ถึง 168 ราย
ฟอร์มูลา : วางแผนงานการตลาดและกลยุทธ์ในการแข่งขันไว้อย่างไร เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ?
แอพเฟล : ที่ผ่านมา ได้จัดแคมเปญแจกทองคำแก่ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ เชฟโรเลต์ ซึ่งถือว่าเป็นแคมเปญที่ได้รับความสนใจอย่างมาก ล่าสุดยังได้จัดแคมเปญพิเศษในช่วงงาน มอเตอร์โชว์ รางวัลพิเศษลุ้นรับทองคำมูลค่า 1 ล้านบาท ในวันสุดท้าย และในแต่ละวัน ลุ้นรับทองคำมูลค่า 100,000 บาท
นอกจากนี้เป็นแคมเปญที่เกี่ยวกับการบำรุงรักษารถยนต์ ที่ได้จัดขึ้นเฉพาะลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ เชฟโรเลต์ โคโลราโด แคมเปญนี้จะเป็นการวิเคราะห์ค่าบริการว่า ใน 1 ปี จะมีค่าใช้จ่ายเท่าไร ซึ่งเป็นการสร้างความสบายใจและวางแผนการใช้งบประมาณ ในการบำรุงรักษาที่จะไม่ต้องจ่ายเพิ่ม โดย เชฟโรเลต์ ได้คำนวณตามประเภทของการใช้งาน เนื่องจากรถรุ่นนี้จะมีการใช้งานที่หลากหลาย เช่น ส่วนตัว ธุรกิจ เพื่อการพาณิชย์ เป็นต้น
นอกจากนี้ เชฟโรเลต์ ได้เปิดตัว FIND NEW ROADS ทิศทางบแรนด์ใหม่ในระดับโลก ที่จะกำหนดหลักการดำเนินงานของ เชฟโรเลต์ มุ่งสืบสานการพัฒนานวัตกรรมและความมุ่งมั่น ที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องสำหรับลูกค้า โดยวิสัยทัศน์หนึ่งเดียวทั่วโลก ที่จะขับเคลื่อนไปพร้อมกับรากฐานของบแรนด์ เชฟโรเลต์ คือ เทคโนโลยีการออกแบบ สมรรถนะ และความคุ้มค่า
ดังนั้น FIND NEW ROADS จึงเป็นคำมั่นสัญญาของ เชฟโรเลต์ ที่จะข้บเคลื่อนดำเนินงานทุกด้านของ เชฟโรเลต์ ตั้งแต่การออกแบบ การพัฒนาวิศวกรรม ไปจนถึงการตลาด และการสร้างประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมให้ลูกค้าทั่วโลก
ฟอร์มูลา : วางแผนงานระยะยาวไว้อย่างไร ?
แอพเฟล : ในทุกปีจะต้องมีการแนะนำสินค้ารุ่นใหม่ออกสู่ตลาด ทั้งนี้เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า รวมถึงการสร้างเซกเมนท์ใหม่ในตลาด เพราะต้องการขยายกลุ่มลูกค้าให้มีเพิ่มมากยิ่งขึ้น และเพื่อให้ลูกค้าได้รู้จักบแรนด์ เชฟโรเลต์ ง่ายขึ้น ทั้งนี้มีแผนที่จะขยายตัวแทนจำหน่าย โดยตั้งเป้าให้ครบ 120 แห่ง ภายในปีนี้ พร้อมกันนี้ยังได้จับมือกับตัวแทนจำหน่าย ในการเพิ่มเงินลงทุน 1,500 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงศูนย์บริการที่มีอยู่ให้สอดคล้องกับเอกลักษณ์แบบใหม่
ฟอร์มูลา : การแนะนำรถอเนกประสงค์ สปิน คาดหวังไว้อย่างไร ?
แอพเฟล : เชฟโรเลต์ เปิดตลาดในเมืองไทย ด้วยรถรุ่นแรกคือ เชฟโรเลต์ ซาฟีรา ซึ่งได้รับความนิยมสูงสุดจนถึงปัจจุบัน นั่นคือแรงบันดาลใจให้ เชฟโรเลต์ แนะนำ สปิน สู่ตลาดเมืองไทย เพราะด้วยขนาดและรูปทรง สปิน คล้ายกับ ซาฟีรา แต่มีจุดเด่นคือ เป็นรถเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ เพียงคันเดียว หากเปรียบเทียบกับรถในเซกเมนท์เดียวกันในขณะนี้ ซึ่งเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะนี้ จะช่วยเรื่องการประหยัดน้ำมัน ทำให้การขับขี่นุ่มนวลขึ้น รวมถึงได้มีการปรับให้รถคันนี้เหมาะกับสภาพอากาศในเมืองไทย ตั้งเป้ายอดขาย สปิน ไว้ที่ 3,000 คัน และยังเชื่อมั่นว่าจะทำให้รถในเซกเมนท์นี้เติบโตเพิ่มขึ้น
ฟอร์มูลา : เชฟโรเลต์ มีความแข็งแกร่งเพียงพอแล้วหรือยัง สำหรับตลาดเมืองไทย ?
แอพเฟล : ถ้ามองจากตลาดโลก เห็นได้ชัดเจนว่าบแรนด์เติบโตได้เป็นอย่างดี แต่สำหรับในเมืองไทยหากเปรียบเทียบกับบแรนด์อื่นที่มีอยู่มานาน แต่เราอยู่มาแค่ 20 ปี ยังสามารถเป็นที่รู้จักและเข้าถึงลูกค้าได้จนถึงปัจจุบัน ทั้งเรื่องของสินค้าและบริการ ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้แล้วว่า เชฟโรเลต์ ไม่ได้ด้อยไปกว่าคู่แข่งในตลาดเลยแม้แต่น้อย
ฟอร์มูลา : สิ่งที่ทำให้ เชฟโรเลต์ ประสบความสำเร็จคืออะไร ?
แอพเฟล : ความสำเร็จของ เชฟโรเลต์ มาจาก 3 สิ่ง คือ 1. ผลิตภัณฑ์ 2. เครือข่าย และ 3. ทีมงาน และทั้ง 3 องค์ประกอบมีแรงผลักดันให้แข็งแกร่งและเป็นที่ยอมรับ นอกจากนี้ยังมีในส่วนของการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย กิจกรรมเพื่อสังคม เป็นต้น
ฟอร์มูลา : มีความคิดเห็นอย่างไร กับเรื่องภาษีใหม่ ?
แอพเฟล : การจัดเก็บภาษีใหม่ ที่จะประกาศใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2559 โดยการคิดภาษีตามอัตราการปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์ นั้นถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะจะช่วยให้ผู้ผลิตรถยนต์นำรถเข้ามาจำหน่ายในเมืองไทยง่ายขึ้น แต่สิ่งที่คิดว่าไม่ค่อยเหมาะสมคือ เรื่องเทคโนโลยี ซึ่งคิดว่าใช้แค่เรื่องของคาร์บอนไดออกไซด์ ก็ถือว่าเหมาะสมแล้ว ทำไมต้องมีเงื่อนไขต่างๆ อีก
ฟอร์มูลา : คุณคิดว่าพลังงานทดแทนที่เหมาะสมกับเมืองไทยคืออะไร ?
แอพเฟล : อย่างแรกที่จะต้องเตรียมความพร้อม ต้องมาดูที่ภาษีก่อน การหาสินค้าที่เหมาะสมกับการใช้แกสคาร์บอนไดออกไซด์ สำหรับเชฟโรเลต์ มีสินค้าที่มีความพร้อมสำหรับการใช้เอธานอล เหมือนกับที่อเมริกาใต้ แต่การผลิตในประเทศไทย ยังมีปัญหาเรื่องวัตถุดิบ แต่ถ้าพูดถึงประเทศบราซิล ชัดเจนมากเรื่องของเอธานอล เพราะเชาไม่ต้องห่วงเรื่องน้ำมัน นั่นหมายถึงว่า พลังงานทดแทนจะเป็นผลดีกับประเทศที่มีวัตถุดิบ ไม่ต้องห่วงเรื่องราคาขึ้นลง ทำให้มีปัญหาน้อย
ฟอร์มูลา : คุณวางเป้าหมาย เชฟโรเลต์ ไว้อย่างไร และคิดว่าการบริหารงานของคุณ ประสบความสำเร็จแล้วหรือยัง ?
แอพเฟล : ผมมองว่าความสำเร็จของ เชฟโรเลต์ เป็นเพราะทีมงานไม่ใช่เพราะผม ทุกอย่างที่สำเร็จเกิดจากความร่วมมือของทีมงาน ซึ่งเป้าหมายของผม ต้องการสร้างความแข็งแกร่งในสินค้า ทีมงาน ตัวแทนจำหน่าย และทำให้บแรนด์สามารถอยู่ได้ โดยไม่ว่าจะเป็นใครมาสานต่อ ก็จะสามารถดำเนินการต่อไปได้ และผมมั่นใจว่ายังมีอีกหลายสิ่งที่จะสามารถทำได้อีกในเมืองไทย
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ, ธมนวรรณ ขวัญนาค
ภาพโดย : เกรียงศักดิ์ ปันสม
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2556
คอลัมน์ Online : สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/90916