รอบรู้เรื่องรถ
มลพิษจากไอเสีย
ไม่นานมานี้ ผมได้ไปทำธุระที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ใจกลางกรุงเทพ ฯ รปภ. ชี้ให้ผมลงไปจอดชั้นใต้ดิน ซึ่งประมาณจากความรู้สึกได้ว่า อยู่ลึกจากระดับผิวดินมากกว่า 3 ชั้น
ที่จอดรถชั้นใต้ดินลึกขนาดนี้ จะต้องมีระบบระบายอากาศที่ดี มีพัดลมดูดอากาศอย่างเพียงพอ และควรต้องมีพัดลมสำรอง เผื่อตัวหนึ่งตัวใดเกิดเสียขึ้นมา เพราะนอกจากอากาศจะร้อนแล้ว ควันพิษจากรถยนต์ทุกคันที่เข้ามาจอดนั้น เปรียบได้กับมัจจุราชเลยทีเดียว
และผมก็โชคร้ายจนได้ พื้นที่ที่ผมจอดรถ ระบบระบายอากาศไม่ทำงาน ส่งผลให้ควันพิษจากท่อไอเสีย เหม็นอบอวนไปทั่วบริเวณ พร้อมกับอากาศที่ร้อนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผมรีบออกจากจุดนั้นอย่างรวดเร็ว คนที่แย่กว่าผมคือ เจ้าหน้าที่ รปภ. ที่อยู่ประจำชั้นนั้น ซึ่งต้องรับควันพิษไปเต็มๆ ซึ่งควันพิษที่ว่านี้ ก็คือ "แกสคาร์บอนมอนอกไซด์" (CO) ภัยร้ายที่เกิดจากการเผาไหม้ในเครื่องยนต์นั่นเอง
ตามทฤษฎีแล้ว การเผาไหม้ของไอดี ซึ่งเป็นส่วนผสมระหว่างอากาศกับน้ำมันเบนซิน ย่อมได้แกสคาร์บอนไดออกไซด์ กับน้ำ (ในรูปแบบของไอน้ำ) ไหลออกมาทางท่อไอเสีย แต่มีข้อแม้ว่า ต้องเป็นการเผาไหม้อย่างสมบูรณ์ในอุดมคติเท่านั้น หมายความว่า อัตราส่วนระหว่างเชื้อเพลิงกับอากาศจะต้องเหมาะสมพอดีกันเป๊ะ ! แต่ในสภาวะแบบนั้น ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในเครื่องยนต์จริงที่เราใช้งานกัน จึงส่งผลให้มีแกสพิษต่างๆ หลังการเผาไหม้ปะปนมาในไอเสีย และหนึ่งในนั้นที่ร้ายที่สุด คือ แกสคาร์บอนมอนอกไซด์ แกสพิษมัจจุราชที่ฆ่าชีวิตผู้คนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์มานักต่อนักแล้ว
คาร์บอนมอนอกไซด์ หรือ CO เป็นแกสที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น แต่เราสามารถรับรู้ได้จากกลิ่นของ "ไอเสีย" รถยนต์ ถ้าได้กลิ่นควันรถ ผมอยากจะให้นึกถึงมัจจุราชตัวนี้ แล้วหลบไปให้ไกลที่สุดครับ
เจ้าแกสคาร์บอนมอนอกไซด์ตัวนี้ มันมีความสามารถในการเกาะติดกับเม็ดเลือดแดง หรือ เฮโมโกลบินในเลือดของเรา ซึ่งเหนือกว่าออกซิเจนถึง 250 เท่า ถ้าจะให้เห็นภาพได้ดีขึ้น สมมุติว่ามีแกสคาร์บอนมอนอกไซด์ และออกซิเจนปนกันในปอดเรา เม็ดเลือดแดงจะไม่สามารถพาออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆ ทั่วร่างกายเราได้เลย เนื่องจากคาร์บอนมอนอกไซด์จะแย่งออกซิเจนไปหมด และที่น่ากังวลที่สุด คือ สมอง
อาการของผู้ที่สูดเอาแกสคาร์บอนมอนอกไซด์เข้าไป มีตั้งแต่อาการเหนื่อยง่าย คลื่นไส้ ปวดศีรษะ หายใจติดขัด หัวใจเต้นรัว และตาย ส่วนโรคที่เกิดจากการสูดดมคาร์บอนมอนอกไซด์ ก็มีไม่น้อย เช่น อารมณ์แปรปรวน ความจำเสื่อม ปวดศีรษะ โลหิตจาง โรคหัวใจ ไปจนถึงโรคร้ายแรงอย่างมะเร็ง
อย่าเพิ่งตกใจไปครับ เรายังพอมีวิธีป้องกันอยู่บ้าง สาเหตุของการเกิดแกสคาร์บอนมอนอกไซด์ที่เลวร้ายเช่นนี้ ส่วนใหญ่เกิดจากผู้ใช้รถปฏิบัติตัวผิดวิธี เช่น ไม่ส่งรถเข้าบำรุงรักษาตามกำหนด พอจะทราบสาเหตุอยู่บ้างแต่ไม่ยอมแก้ไข เช่น ท่อไอเสียรั่ว หรือใช้รถผิดวัตถุประสงค์ เช่น ใช้รถแทนบ้าน แทนห้องนั่งเล่นติดแอร์ ถ้าบริเวณนั้นเป็นจุดอับ อากาศถ่ายเทได้ยาก แกสพิษจากท่อไอเสียเหล่านี้ สามารถไหลซึมเข้าไปภายในห้องโดยสารได้ง่าย ผู้โดยสารภายในรถอาจสูดดมแกสมัจจุราชเหล่านี้ เข้าไปโดยไม่รู้ตัว จนคาร์บอนมอนอกไซด์ไปแย่งที่ของออกซิเจนขณะหลับ จนสมองขาดออกซิเจน อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ (เหมือนที่ทหารนาซี ใช้แกสพิษนี้ สังหารชาวยิวผู้บริสุทธิ์ ในสงครามโลกครั้งที่ 2 นั่นเอง)
ท่านผู้อ่านคงเคยได้ยินข่าวการเสียชีวิตของคนที่หลับอยู่ในรถขณะติดเครื่องยนต์กันมาบ้าง ถ้าเราใช้รถอย่างถูกวิธี โอกาสที่จะเกิดอันตรายถึงชีวิตก็มีน้อยครับ ตอนสมัยเรียน ผมเคยได้ยินอาจารย์พูดเล่น เชิงขำขันว่า ในต่างประเทศนิยมกันมาก ใครที่อยากฆ่าตัวตายแต่กลัวความเจ็บปวด หรือความหวาดเสียวจากการเลือดตกยางออก ให้ลองใช้วิธีสูดดมแกสคาร์บอนมอนอกไซด์ดู และจะตายแบบไม่เจ็บปวดแบบการไหลตาย (ผมไม่ได้แนะนำให้ใครทำตามนะครับ ชีวิตคนเรามีค่าเกินกว่าจะคิดฆ่าตัวตาย ในทางพระพุทธศาสนาการฆ่าตัวตายเป็นบาปหนัก จะต้องไปเกิดในทุคติภูมิและต้องฆ่าตัวตายอีก 500 ชาติ สู้อยู่ทำประโยชน์แก่ครอบครัว และสังคมดีกว่าครับ)
ผมขอสรุปวิธีป้องกันอันตรายจากแกสพิษเป็นข้อๆ เพื่อจะได้เข้าใจ และปฏิบัติตามได้ง่ายดังนี้
1. ตรวจสภาพรถตามระยะที่ผู้ผลิตกำหนด โดยเฉพาะบริเวณท่อไอเสีย ตั้งแต่เฮเดอร์ แคทาไลทิค คอนเวอร์เตอร์ หม้อพัก จนถึงปลายท่อไอเสีย ให้อยู่ในสภาพดีเสมอ ไม่ควรผุ หรือรั่วเด็ดขาด และไม่ควรดัดแปลง หรือต่อเติมท่อไอเสีย เช่น ช่วงน้ำท่วม เลยต่อให้ท่อไอเสียสูงขึ้นกว่าเดิม เพื่อที่ให้พ้นน้ำ จะได้ดับเครื่องขณะจอดอยู่ในน้ำได้ แบบนี้เมื่อน้ำลดลงแล้ว ควรเอาออกให้กลับไปเหมือนเดิมจะดีกว่า เพราะบางครั้งลมอาจพัดตลบ ทำให้แกสพิษซึมเข้ามาในห้องโดยสาร เกิดอันตรายได้
2. ห้ามติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ แล้วเปิดแอร์นอนหลับในรถเด็ดขาด ผมขอเน้นคำว่า "นอนหลับ" เพราะถ้ายังไม่หลับ แล้วเกิดแกสคาร์บอนมอนอกไซด์ซึมเข้ามาในรถ เราจะได้กลิ่นเหม็นจนไม่สามารถนอนได้ บางคนอาจวิงเวียน คลื่นไส้ นับเป็นเรื่องดี ที่สัญชาตญาณช่วยเตือนเรา ให้ดับเครื่อง หรือลงจากรถ (ใครที่ชอบทิ้งลูกน้อยไว้ในรถ ต้องเลิกเสียทีครับ)
3. ห้ามจอดรถในที่อับ หรือที่ที่อากาศถ่ายเทได้ยาก แล้วติดเครื่องยนต์ค้างไว้ เช่น บริเวณที่จอดรถในห้างสรรพสินค้า แม้จะไม่ได้นอนก็ตาม เพราะผู้อื่นที่อยู่รอบข้าง จะได้รับอันตรายจากควันพิษของรถเราได้
เรื่องของไอเสียจากการเผาไหม้ในเครื่องยนต์ยังมีอีกมาก รวมถึงระบบที่ทำหน้าที่กรองเจ้าแกสพิษเหล่านี้ให้หมดไป หรือเหลือทิ้งไว้ให้น้อยที่สุดอย่าง แคทาไลทิค คอนเวอร์เตอร์ ที่ติดมากับรถยนต์ อุปกรณ์ตัวนี้มีประโยชน์มหาศาล สามารถลดปริมาณคาร์บอนมอนอกไซด์ในไอเสียได้เกินตัว หน้าตาเป็นอย่างไร จะดีจริงแท้แค่ไหน ติดตามต่อเล่มหน้าครับ
เรื่องโดย : วิธวินท์ ไตรพิศ
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2556
คอลัมน์ Online : รอบรู้เรื่องรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/90883