ประสาใจ
แม่นาคพระโขนง
ในปี 2518 ผมเป็นนักเขียนหนังสืออยู่ในสังกัด "ไทยรัฐ" เริ่มซื้อบ้านผ่อนส่งเป็นครั้งแรกในซอยอ่อนนุช พระโขนง เข้าซอยไปประมาณ 4 กิโลเมตร เป็นบ้านจัดสรร "หมู่บ้านเสรีภาพ" ซึ่งซีคอนเป็นเจ้าของโครงการ ในซอยอ่อนนุชมีวัดเก่าแก่หลายวัด รวมทั้งวัดมหาบุศย์ หรือวัดที่ชาวบ้านรู้จักกันในนาม "วัดแม่นาคพระโขนง"
ขณะผมเขียนเรื่องนี้ ภาพยนตร์เกี่ยวกับแม่นาคพระโขนงกำลังเข้าฉาย และทำรายได้เยี่ยม ชื่อภาพยนตร์เรื่อง "พี่มาก พระโขนง" คำว่า "พี่มาก" เป็นชื่อคู่สมรสของ "แม่นาค"
ภาพยนตร์เรื่องแม่นาค มีหลายเวอร์ชัน ในเวอร์ชันแรกที่ผมมีประสบการณ์ คือ "แม่นาคพระโขนง" ในปี 2502 อำนวยการสร้างโดย เสน่ห์ โกมารชุน ผู้แสดงนำฝ่ายหญิงที่รับบทเป็นแม่นาค คือ ปรียา รุ่งเรือง ซึ่งเป็นคู่สมรสของผู้อำนวยการสร้าง
ปรียา รุ่งเรือง เริ่มแสดงภาพยนตร์ตั้งแต่อายุ 19 ปี เล่นเรื่องแรกก็ได้ฉายาประจำตัวว่าเป็น "นางเอกอกเขาพระวิหาร" เพราะมีขนาดหน้าอกใหญ่โต เล่นเรื่องแรก "แผ่นดินของใคร" ปี 2502 เนื้อหาเกี่ยวกับข้อพิพาทไทย-เขมร กรณีปราสาทพระวิหาร
ลักษณะเขาพระวิหาร สูงชะง่อนปลายไปทางเขมร แต่ทางขึ้นอยู่ทางฝั่งไทย ขึ้นทางเขมรไม่ได้
การที่ ปรียา รุ่งเรือง ได้รับฉายา "อกเขาพระวิหาร" ผู้ชายทั้งหลายก็คงวาดภาพถูกต้อง ว่าหุ่นนักแสดงสาวคนนี้มีอะไร จนได้ฉายา เธอไม่ได้อกใหญ่อย่างเดียว แต่หน้าตายังไปวัดมหาบุศย์ได้สบาย
เสน่ห์ โกมารชุน เป็นนักพากย์ภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียง สร้างภาพยนตร์ และชอบเล่นม้าเหมือนผม เคยพบกันในสนามม้านางเลิ้งหลายนัด ภาพยนตร์เรื่อง "แม่นาคพระโขนง" ทำรายได้ให้กับ เสน่ห์ โกมารชุน ล้นหลาม
ปรียา รุ่งเรือง เล่นภาพยนตร์หลายเรื่อง เฉพาะเรื่องเกี่ยวกับแม่นาคนั้น มีถึง 4 เวอร์ชัน "แม่นาคพระโขนง" ทั้งเวอร์ชัน ปี 2502 และ 2521 ในชื่อเดียวกัน "วิญญาณรักแม่นาคพระโขนง" ปี 2505 และ "แม่นาคคะนองรัก" ปี 2511
นอกจากเล่นภาพยนตร์แล้ว ปรียา รุ่งเรือง ยังเคยเป็นนางแบบถ่ายปฏิทินแม่โขง เป็นนักแสดงสาวสัญลักษณ์นางเอกโปสเตอร์สำหรับเสือป่าโดยเฉพาะ
วัดมหาบุศย์ อยู่ในซอยอ่อนนุช เข้าซอยจากถนนสุขุมวิทไปประมาณ 500 เมตร วัดอยู่ทางซ้ายมือ เป็นซอยแยกอ่อนนุช 7
ความเป็นมาของวัดมหาบุศย์นั้น เล่ากันว่า เป็นวัดราษฎร์เก่าแก่ที่สร้างขึ้นปลายสมัยอยุธยา ประมาณปี 2305 โดยพระมหาบุตร วัดเลียบ เดินทางมาเยี่ยมญาติโยมที่คลองพระโขนง ชาวบ้านรู้ข่าวได้นิมนต์ให้อยู่จำพรรษา และสร้างวัดขึ้น ตั้งชื่อตามนามของท่าน คือ "วัดมหาบุศย์"
ภายในวัด มีวิหารเล็กอยู่หน้าวัด เป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อยิ้ม ลักษณะเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ประชาชนที่เข้าไปกราบไหว้นิยมเสี่ยงเซียมซี
ใกล้กันก็เป็น อุทยานพระโพธิสัตว์กวนอิม ซึ่งภายในมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม ประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง ทำให้มีร่มไม้ มีคุณกับผู้ผ่านไปมาเพราะความร่มรื่น บทสวดบูชาเจ้าแม่กวนอิม มีติดไว้เรียบร้อยเพื่อการบริการ
ก่อนถึงพระอุโบสถของวัด ยังต้องผ่าน "สวนเล่าเรื่อง" เป็นบรรยากาศเพื่อการเดินทางระหว่างหัวใจของน้องเล็กๆ กับผู้ใหญ่ ด้วยการเล่านิทาน หรือวรรณคดีโบราณ ทั้งชาดก และหนังสือบทกลอนที่พิมพ์หน้าวัดเกาะเพราะนักหนา นั่นแหละ
พระอุโบสถของวัด ไม่เปิดให้ประชาชนเข้าไปกราบไหว้พระประธานภายใน จะเปิดก็เมื่อเป็นเวลาที่พระในวัด ลงทำวัตรเช้าและวัตรเย็น
ถัดจากพระอุโบสถ จะมีป้ายบอกทางไปศาลย่านาค ซึ่งอยู่ริมน้ำคลองประเวศบุรีรัมย์ ศาลย่านาคเป็นสถานที่ซึ่งประชาชนเข้าไปขอพรกันเป็นจำนวนไม่น้อย ส่วนใหญ่จะมาขอพรในเรื่องของความรัก ซึ่งเล่าลือกันว่าเฮี้ยนน่าดู
ยิ่งในช่วงเทศกาลแห่งความรัก วันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ ยิ่งล้นหลาม
การขอพรความรักจากศาลย่านาค เนื่องมาจากความเชื่อในเรื่องราวของ "แม่นาคพระโขนง" ตำนานแห่งความรักแท้ แม้ความตายก็พรากไม่ได้
และที่ริมคลองวัดมหาบุศย์ ยังมีเรือนหลังเล็กๆ ไกลสายตาผู้คน ซึ่งชาวบ้านรู้จักดีว่า เป็นเรือนที่อาศัยของแม่นาคกับพี่มาก คนทั้งสองยากจน รับจ้างทำนา ขณะที่แม่นาคตั้งครรภ์ พี่มากก็โดนเรียกเป็นทหารรับใช้ชาติ
ระหว่างที่พี่มากไปรับใช้ชาติ แม่นาคก็คลอดลูกตามแบบสมัยโบราณ ด้วยการทำคลอดจากหมอตำแย แม่นาคโชคไม่ดีเพราะลูกในท้องไม่ยอมเอาหัวลง ทนความเจ็บปวดไม่ไหวจึงเสียชีวิต ซึ่งโบราณเรียกว่า ตายทั้งกลม-เสียชีวิตทั้งลูกในท้อง และแม่
ชาวบ้านช่วยกันนำศพของแม่นาคไปฝังใต้ต้นตะเคียนคู่ ปัจจุบันยังมีศาลเจ้าแม่ตะเคียนทอง อยู่กับศาลแม่นาค ภายในวัดมหาบุศย์
ด้วยความรัก เล่ากันว่า วิญญาณแม่นาคยังคงรอวันที่ผัวกลับบ้าน ระหว่างการรอผัว ก็มีคนเห็นแม่นาคสำแดงตน บางทีก็เห็นเปลที่ผูกกับต้นตะเคียนคู่ บางครั้งก็จะได้ยินเสียงเห่กล่อมลูกด้วยสำเนียงที่โหยหวน นับเป็นเรื่องเขย่าขวัญชาวบ้านแห่งยุคเสริมความเชื่อของคนโบราณว่า วิญญาณคนตายทั้งกลมนั้นดุร้ายน่ากลัว
เมื่อพี่มากกลับมาบ้าน ก็ได้พบแม่นาค และลูกของตัวเอง อยู่กินกันเหมือนคนธรรมดา จนพี่มากเชื่อโดยสนิทใจว่า แม่นาคยังไม่ตาย ถ้ามีเวลาว่าง ก็ยังไปวิดน้ำเข้านาช่วยสามี
พฤติกรรมที่เกิดขึ้นก็ไม่มีอะไรที่พี่มากจะเชื่อคำบอกเล่าของชาวบ้าน หรือของเพื่อนบ้าน ว่าแม่นาคได้ถึงแก่กรรมไปแล้วพร้อมกับลูกในท้อง ยังคงปักใจว่า แม่นาคมีชีวิต จนกระทั่งวันหนึ่งขณะที่พี่มากนั่งอยู่ใต้ถุนเรือนสูง แม่นาคกำลังตำน้ำพริกอยู่บนเรือน ผลมะนาวหลุดมือหล่นไปใต้ถุน แม่นาคใช้มือเอื้อมลงไปเก็บขึ้นมาจากใต้ถุน ซึ่งพี่มากบังเอิญเห็นพอดี
พี่มากตกใจ หนีจากเรือนไปอยู่วัด แม่นาคก็ตามไปอ้อนให้กลับบ้าน แต่พี่มากทำใจไม่ได้ ทั้งที่รักเมียกับลูก วิญญาณแม่นาค จึงป่วนพระโขนงน่าดู จนกระทั่งข่าวกระฉ่อนถึง สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) สมเด็จวัดระฆัง
เพื่อเห็นแก่ความหวาดกลัวและความเดือดร้อนของชาวพระโขนง สมเด็จพระพุฒาจารย์จึงลงเรือไปที่วัดมหาบุศย์ ตกกลางคืนก็ไปที่หลุมฝังศพแม่นาค เรียกวิญญาณแม่นาคขึ้นมาคุย สุดท้ายแม่นาคก็ถูกสมเด็จพระพุฒาจารย์สยบฤทธิ์เดช ยินยอมให้ท่านเจาะเอากระดูกหน้าผากมาลงยันต์ ทำเป็นปั้นเหน่งคาดเอว
แต่นั้นมา ข่าวการอาละวาดของแม่นาคพระโขนงก็ไม่ปรากฏอีกเลย
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เกิดในรัชกาลที่ 1 หลังการสถาปนากรุงเทพ ฯ 7 ปี อยู่ถึงรัชกาลที่ 4 เป็นพระผู้ใหญ่ที่ทรงคุณวิเศษหลายด้าน เป็นผู้รอบรู้เชี่ยวชาญทั้งในทางคันธุระ และวิปัสนาธุระ มีปฏิปทาจริยาวัตรไม่ซ้ำแบบใคร แต่แฝงด้วยคติธรรมเยี่ยงบัณฑิต
พระยาอนุมานราชธน มีหนังสือนมัสการ มหาเฮง อิฏฐาจาโร คณะ 5 วัดกัลยามิตร ธนบุรี ในปี 2496 หลังจากได้รับหนังสือประวัติสมเด็จโต ที่มหาเฮงเป็นผู้รวบรวมและเรียบเรียงขึ้นในปี 2495 ความตอนหนึ่งระบุว่า
"....สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) เป็นอัจฉริยบุคคล ข้อนี้ไม่มีที่คัดค้าน ผู้เป็นอัจฉริยบุคคล คือ ผู้ที่ผิดกว่าบุคคลสามัญ แต่ผู้ที่ผิดกว่าคนสามัญ ถ้าผิดมากไปก็กลายเป็นคนไม่ใช่ปรกติชน เพราะสิ่งใดดีเกินความพอดีก็กลายเป็นไม่ดีไป เช่น ความกล้าหาญเป็นสิ่งดี ถ้าเกินความพอดีไปก็เป็นบ้าระห่ำ"
เกี่ยวกับ "แม่นาคพระโขนง" นั้น เป็นอมตะเรื่องราวที่เล่าขานกันมาแบบไม่รู้จบ ถูกนำไปดัดแปลงสร้างเป็นภาพยนตร์หลายครั้ง เป็นละครเวทีก็หลายหน เป็นละครโทรทัศน์ก็อีกหลายเวอร์ชัน
ครั้งที่ เสน่ห์ โกมารชุน นำมาสร้างในปี 2502 นั้น รายได้ถล่มทลายแทบเรียกได้ว่า เสน่ห์ โกมารชุน "แจ้งเกิด" เต็มๆ
พระเอกที่แสดงเป็นพี่มากในปีนั้น คือ สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์ ซึ่งอันที่จริงก็มิใช่ใครอื่น เป็นนักร้องวงเดียวกันกับ เสน่ห์ โกมารชุน ในอดีตด้วยกัน เพราะทั้งสองเป็นนักร้องประจำวงของกองดุริยางค์ทหารเรือ
กองดุริยางค์ทหารเรือในสมัยนั้นดังมากอยู่ที่ท้องทุ่งพระเมรุ หรืออีกนัยหนึ่งสนามหลวง ติดกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ สถานศึกษาของผม นักดนตรี นักแต่งเพลง และนักร้องหลายคนดังมาจากตรงนี้ ทั้งสมยศ ทัศนพันธุ์ และสมศักดิ์ เทพานนท์
และไม่ว่าใครก็ตามที่นำเรื่องราวของแม่นาคพระโขนง มาสร้างความบันเทิงเริงรมย์ ด้วยรูปแบบของภาพยนตร์ ผมสังเกตเห็นรายได้เป็นหนึ่งแทบทุกเวอร์ชัน ซึ่งน่าจะเป็นด้วยแม่นาคมีความเมตตาสูงก็ว่าได้
ในรูปแบบหนังสือ ผมเคยพบเรื่องแม่นาคปรากฏในคอลัมน์ประจำหนังสือ PLAYBOY คอลัมน์ RIBALD CLASSIC จะเป็นฉบับประจำเดือนไหน ปีไหน เสียดายผมหาต้นฉบับไม่พบ แต่ก็ต้องจัดว่าแม่นาคพระโขนงเป็นเรื่องราวที่อินเตอร์ไม่เบาครับ เพราะดังข้ามโลกจากตะวันออกถึงตะวันตกสบาย...!!
เรื่องโดย : ข้าวเปลือก
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2556
คอลัมน์ Online : ประสาใจ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/90765