X
Driven
Driving Impression
Test Drive
Test Drive Data
New Cars
รถใหม่ในประเทศ
รถใหม่ต่างประเทศ
News
ข่าวรอบโลก
ข่าวสารยานยนต์
All Around
เครื่องเสียง/Gadgets
แต่งรถ
ดูแลรักษารถยนต์
สาระสะใจ
วาไรตี้ยานยนต์
สถิติยอดจำหน่ายรถยนต์
TV Programs
รายการ โลกรถยนต์
รายการ Carnatomy
รายการ พี่น้องลองรถ
รายการ เรื่องรถ…เรื่องง่าย
รายการ คุณลุงใจดี
About Autoinfo
About Us
Advertise With Us
Privacy Policy
Terms of use
Car Buyer's Guide
ติดตามเราได้ทาง
X
Popular search in Autoinfo
50,000+ contents and images from writers
#1
Deepal S07
Hilux Champ
BYD Seal
BYD
NETA
TATA
หัวชาร์จรถ EV
รถกระบะ
ยอดขายรถยนต์
ราคารถยนต์
รถ EV
เปิดตัวรถใหม่
วิธีไหว้แม่ย่านาง
ฤกษ์ออกรถใหม่
พ่วงแบทเตอรี
วิธีดูแลรักษารถยนต์
ต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์
DIY...คุณทำเองได้
1 May 2013
เชคระบบหล่อเย็น
หน้าร้อนอย่างนี้ ระบบหล่อเย็นในรถของคุณ พร้อมแล้วหรือยัง ที่จะทำหน้าที่ลดความร้อนจากการสันดาปภายในเครื่องยนต์ เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะถ้าระบบหล่อเย็นมีปัญหา ไม่ว่ารถคุณจะดีแค่ไหน ก็ไปไม่รอด !!!
อุปกรณ์ที่สำคัญต่างๆ ของระบบหล่อเย็น
หม้อน้ำ
ความร้อนจากการจุดระเบิดในห้องเผาไหม้นั้นมีความร้อนมากกว่า 500 องศาเซลเซียส ทำให้ชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์มีความร้อนสะสมมาก ต้องอาศัยน้ำ หรือน้ำยาหล่อเย็น ช่วยนำพาความร้อนออกมาทิ้งภายนอกด้วยหม้อนำ โดยผ่านตะแกงรังผึ้ง โดยมีวาล์วน้ำเป็นตัวควบคุมทำให้น้ำหมุนเวียนได้ตลอดเวลา วีธีดูแลรักษาที่ดีที่สุด คือ อย่าให้มีอะไรไปขวางการไหลของอากาศ บริเวณหน้าหม้อน้ำเด็ดขาด รวมถึงต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำหล่อเย็นตามกำหนด
หม้อพักน้ำ
ถังพักน้ำ หรือหม้อพักน้ำ เป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับหม้อน้ำ ทำหน้าที่สำรองน้ำในหม้อน้ำ ยามที่เครื่องยนต์ร้อน ฉะนั้นต้องหมั่นตรวจเชคระดับน้ำให้อยู่ในระดับ FULL เสมอ โดยตรวจเชคขณะที่ "เครื่องเย็น" เท่านั้น
พัดลมไฟฟ้า
ชิ้นส่วนสำคัญในระบบระบายความร้อน (โดยเฉพาะตอนจอดรถ) ถ้าพัดลมไฟฟ้าเสีย จะส่งผลให้เกิดความร้อนสูงจนถึงขั้นอันตราย โดยทั่วไปพัดลมไฟฟ้าอาจมีแค่ 1 ตัว ในรถยนต์บางรุ่น แต่อาจมี 2 ถึง 3 ตัว ขึ้นอยู่กับรุ่นรถและการออกแบบ แต่ทั้งหมดทำหน้าที่เดียวกัน คือ นำพาความร้อนออกจากแผงรังผึ้งบริเวณหน้าหม้อน้ำ ควรตรวจสอบว่า พัดลมไฟฟ้ายังทำงานตามจังหวะปกติ และมีความแรงมากพอหรือไม่ หากพบปัญหา อย่านิ่งนอนใจ รีบแก้ไขโดยด่วน
สายพานปั๊มน้ำ
สายพาน มีหน้าที่สำคัญในการฉุดพูลเลย์ปั๊มน้ำให้หมุน สายพานที่สมบูรณ์ต้องอยู่ในระดับพอดี ไม่ตึง หรือหย่อนจนเกินไป ถ้าตรวจสอบแล้วพบว่ามีสภาพไม่ดี แตกลายงา ควรรีบเปลี่ยนใหม่ทันที เพราะถ้าสายพานขาดเมื่อไร ปั๊มน้ำจะไม่ทำงาน (รวมไปถึงระบบอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการใช้สายพานชุดเดียวกันด้วย)
ท่อทางเดินน้ำ
ท่อยาง เป็นชิ้นส่วนที่ทำให้น้ำเดินทางเข้าสู่เครื่องยนต์ อุปกรณ์ชนิดนี้ไม่ควรละเลยเช่นกัน ถ้าพบว่า ท่อยางเริ่มซีด แตกลายงา ลองบีบดูแล้วฟีบ ไม่เปล่งปลั่ง หรือบวม ต้องรีบเปลี่ยนโดยเร็ว หากท่อยางแตก หลุด บวมจนระเบิด น้ำจะพุ่งกระจายออกมา สร้างปัญหาเดือดร้อนแน่ๆ และควรดูเข็มขัดรัด ว่าแน่นหรือไม่ ถ้ามีน้ำหยด หรือคราบน้ำ แสดงว่าเกิดการรั่ว ควรรีบหาสาเหตุ
ฝาหม้อน้ำ
ฝาหม้อน้ำ โดยทั่วไปจะมีสปริง และวาล์วปิด ด้านในมีซีลยาง เพื่อรักษาแรงดัน หากหมดอายุ ซีลยางจะแข็ง กรอบ และหลุด ทำให้น้ำรั่วและมีอากาศเข้าไปในระบบ หรือหากสปริงฝาหม้อน้ำล้า อาจทำให้เก็บแรงดันในระดับปกติไม่อยู่ ทำให้น้ำดันออกจากหม้อน้ำเกินความจำเป็น และน้ำในหม้อน้ำจะหายจากระบบได้ ดังนั้นหากฝาหม้อน้ำมีสภาพไม่สมบูรณ์ ก็ควรเปลี่ยนใหม่ทันที
หน้าที่ของน้ำยาหม้อน้ำ
เพิ่มจุดเดือดของน้ำ ในที่นี้ คือ ชะลอการระเหยของน้ำในระบบหล่อเย็นเวลาเครื่องยนต์ร้อนจัด เพราะปกติเวลาน้ำเดือด น้ำจะระเหยกลายเป็นไอที่ 100 องศาเซลเซียส แต่ถ้าผสมน้ำยาหล่อเย็น น้ำยาก็จะระเหยที่ 105-115 องศาเซลเซียส ตามสัดส่วนการผสม น้ำจึงเดือดได้ยากขึ้นนั่นเอง
ป้องกันการเกิดสนิม นอกจากเพิ่มจุดเดือดแล้ว ยังทำหน้าที่กันสนิม ป้องกันการเกิดตะกอน ทำให้ลดความเสี่ยงในการอุดตันบริเวณรังผึ้งหม้อน้ำ
หล่อลื่นปั๊มน้ำ ซีลยาง และวาล์วน้ำ พอไม่มีตะกอน ก็ลดการเกิดคราบต่างๆ ที่ไปเกาะบริเวณจุดอับต่างๆ
ป้องกันน้ำในระบบแข็งตัวเป็นน้ำแข็งเมื่อสตาร์ท น้ำยาจะแข็งตัวที่อุณภูมิต่ำมากๆ มักเกิดเฉพาะเมืองที่มีอากาศหนาวจัด (บ้านเราไม่เกิดแน่นอน)
อุปกรณ์
1. ถุงมือ 2. ผ้าเช็ดรถ 3. น้ำสะอาด
ขั้นตอนการตรวจเชคระบบปรับอากาศ
1. จอดรถในที่ราบ แล้วเปิดฝากระโปรงหน้า โดยต้องตั้งค้ำเหล็กให้มั่นคง 2. ตรวจดูหม้อพักน้ำ สังเกตว่ามีน้ำพร่องไปหรือไม่ (ควรอยู่ในระดับ FULL เสมอ) 3. บิดเปิดฝาหม้อน้ำในทิศทวนเข็มนาฬิกา ต้องเปิดขณะเครื่องยนต์เย็นแล้วเท่านั้น 4. สังเกตบริเวณปากหม้อน้ำ ดูว่ามีน้ำอยู่ในระดับไหน (ควรมีน้ำอยู่ในระดับเกือบเต็มตลอด) 5. ถ้าน้ำลดลงให้เติมน้ำสะอาดเข้าไปจนเต็ม (ถ้าน้ำลดลงเยอะแสดงว่ารั่ว ควรไปพบช่าง) 6. สตาร์ทเครื่องยนต์ เพื่อตรวจเชคระบบหมุนวนของน้ำ (เชควาล์วน้ำ) 7. สังเกตลักษณะของน้ำ ถ้าน้ำมีการไหลแสดงว่าปกติ น้ำจะเริ่มไหลเมื่อเครื่องร้อน (วาล์วน้ำทำงาน) 8. ปิดฝาหม้อน้ำโดยหมุนตามเข็มนาฬิกา ควรหมุนให้แน่นสนิท 9. ตรวจสอบท่อทางเดินน้ำ โดยวิธีการบีบ ดูรอยแตก และให้สังเกตคราบน้ำต่างๆ ถ้ามีคราบแสดงว่ารั่ว 10. ตรวจเชคพัดลมไฟฟ้าหน้าเครื่อง ว่าทำงานเป็นปกติหรือไม่ 11. ตรวจเชคสายพานหน้าเครื่อง ว่ามีการแตกลายงาหรือไม่ ถ้าแตกแนะนำให้เปลี่ยนใหม่ 12. ดับเครื่องยนต์ และปิดฝากระโปรงหน้าให้เรียบร้อย เป็นอันเสร็จ
อ่านต่อ
เรื่องโดย : วิธวินท์ ไตรพิศ
ภาพโดย : ราชวัตร แสงจันทรา
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2556
คอลัมน์ Online : DIY...คุณทำเองได้
ลิงค์สำหรับแชร์ :
https://autoinfo.co.th/article/90491
แชร์บทความ
Follow autoinfo.co.th
บทความแนะนำ คอลัมน์
DIY...คุณทำเองได้
DIY...คุณทำเองได้
21 Jun 2023
ทำความสะอาดเบาะผ้า ด้วยเครื่องมือยุคใหม่
DIY...คุณทำเองได้
22 Mar 2023
ชาร์จรถไฟฟ้าแบบฉุกเฉิน ด้วยปลั๊กไฟบ้าน
DIY...คุณทำเองได้
17 Nov 2022
อบโอโซน ห้องโดยสารด้วยงบ 400 บาท
DIY...คุณทำเองได้
21 Oct 2022
ขัดคราบโคมเหลือง ให้ขาวสดใส
DIY...คุณทำเองได้
21 May 2022
ล้างเคลือบรถ ทำเองได้ ประหยัดด้วย
ดูต่อในคอลัมน์ DIY...คุณทำเองได้