โค้งอันตราย
ยังโตได้อีก
เปิดฉากกันไปได้ 2 เดือน ตลาดรถยนต์ก็ยังคงเติบโตไปเรื่อยๆ แบบเงียบๆ ไม่กระโตกกระตาก เติบโตกันไป 2 เดือน 51.8 % ยอดขายรวม 253,054 คัน ขณะที่ขายกันเดือนเดียวได้ 128,404 คัน โต 41.9 %
ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เป็นผลมาจากตัวเลขการส่งมอบรถคันแรก ที่ค้างเติ่งกันอยู่ รวมทั้ง ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศในเดือนกุมภาพันธ์ ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 และมีสถิติสูงสุดในรอบ 19 เดือน ที่ผ่านมาสะท้อนถึงสภาพรวมเศรษฐกิจที่ปรับขึ้นในทิศทางบวก จะยิ่งทำให้สามารถเติบโตกันไปได้เรื่อยๆ
ขณะเดียวกัน ค่ายรถยนต์เอง ก็มีการเตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นปรับโฉม แต่งหน้าทาปาก เพื่อต้อนรับเทศกาลงานแสดงรถยนต์ในช่วงปลายเดือนมีนาคม ซึ่งจะทำให้ตัวเลขการขาย เดินหน้าไปได้เรื่อยๆ
แต่ที่ยังเป็นกังวลกันอยู่ ก็เรื่อง รถคันแรก ที่มีข่าวคราวกันไม่เว้นแต่ละวัน ว่า ทิ้งรถบ้าง ปล่อยให้ยึดรถบ้าง มีขอคืนภาษีที่ได้ไปแล้วบ้าง ขอสละสิทธิ์บ้าง สนุกสนานกันได้ทุกวัน
ก็คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณอะไรมาก เพราะพูดไปก็เท่านั้น ปัญหาที่หมกอยู่ใต้พรม มันกำลังโชยกลิ่นขึ้นมาให้ได้เห็นกันเรื่อยๆ
รวมทั้งปัญหาของนักขับมือใหม่บนท้องถนน ที่ยิ่งทำให้รถราติดกันขนานใหญ่เป็นประจำ
ทุกวันนี้ขับรถไป ก็ทำใจเผื่อล่วงหน้าทุกครั้ง ว่าจะต้องพบกับนักขับมือใหม่ ที่ไม่คุ้นชินกับการขับขี่ยานพาหนะของตัวเอง พวกมือเก่าก็ต้องคอยหลบๆ มือใหม่เหล่านี้เอาเองก็แล้วกัน เพราะไม่รู้จะแก้ได้อย่างไร
ขับไม่เป็น มืออ่อน ก็พยายามหัดให้มันเป็น พยายามทำความคุ้นเคยกับรถตัวเองไว้ให้มากๆ อย่ามาเป็นขยะบนท้องถนน ให้การจราจรมันติดหนักขึ้นไปอีกกว่านี้เลย
คุยเรื่องอื่นดีกว่า
ได้ยินเสียงดังออกมาจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย ท้วงติงการทำงานของใครบางคนแล้ว ขอบันทึกเอาไว้ตรงนี้อีกที เพราะนี่มันก็เงินภาษีของข้าพเจ้าเหมือนกัน
นโยบายประชานิยม มี 4 รูปแบบ คือ 1. ประชานิยมที่สร้างภาระทางตรง เช่น การขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ดำเนินนโยบายไปแล้วเห็นผลทันที มองเห็นภาระทางการคลังทันที อย่างนี้ไม่ค่อยน่ากลัว
2. ประชานิยมที่สร้างภาระแอบแฝง เช่น จำนำข้าว ตอนนี้ยังไม่เห็นผล แต่ถ้าขาดทุนต่อเนื่อง 5 ปี สุดท้ายก็จะกลับมาเป็นภาระทางภาษีของประชาชนทุกคน
3. ประชานิยมด้วยการแทรกแซงตลาด เช่น การอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซล 5 บาท/ลิตร สร้างภาระถึงแสนล้านบาท/ปี เงินจำนวนนี้สร้างรถไฟฟ้าได้ 2 สาย
และ 4. ประชานิยมโดยใช้นโยบายการเงิน ซึ่งเป็นประชานิยมที่ทำโดยประชาชนไม่รู้ตัวเลย
"การใช้นโยบายการเงิน เช่นดอกเบี้ยต่ำเกินไปไม่ใช่เรื่องดี อย่างปัจจุบันดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 2.75 แต่เงินเฟ้อ 3 % เท่ากับดอกเบี้ยติดลบอยู่แล้ว การที่ดอกเบี้ยต่ำโดยไม่จำเป็นเช่นนี้ เท่ากับเป็นประชานิยมอย่างหนึ่ง ซึ่งสังคมมองไม่เห็น เมื่อดอกเบี้ยต่ำคนก็ใช้จ่ายมาก หนี้ครัวเรือนก็จะพุ่งสูง เมื่อคนใช้จ่ายมาก ความต้องการซื้อมาก สินค้าผลิตไม่ทัน ก็เป็นการสร้างเงินเฟ้อ เมื่อเงินเฟ้อสูง ต้นทุนการผลิตสินค้าเพื่อส่งออกก็เพิ่มขึ้น เท่ากับเป็นการลดขีดแข่งขันของประเทศ และกระทบต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจไทย
ฝากไปถึงใครก็ไม่รู้ แต่มันเกี่ยวข้องกับเงินภาษีอากรของข้าพเจ้า ก็ต้องเอามาบันทึกไว้อีกครั้ง
ว่าด้วยเรื่องภาษี แล้วก็ต้องต่อด้วยเรื่องนี้ หลวงท่านถอนขนห่านเดือนกุมภาพันธ์ รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 158,918 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 5,732 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.7 สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 9.3 โดยรายได้ที่จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีรถยนต์จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 2,630 ล้านบาท หรือร้อยละ 26.1 เป็นผลจากโครงการรถยนต์ใหม่คันแรก ที่มีการส่งมอบกันไป
แต่อย่าลืมว่า เดี๋ยวก็ต้องคืนเงินจากโครงการด้วยเช่นกัน แต่นั่นเป็นอีก 3-4 เดือนข้างหน้า ถึงจะให้กระทรวงการคลังจ่ายคืน อันนั้นไม่ต้องแถลงก็ได้ เงียบเข้าไว้
เอ เรื่องรถคันแรกนี่ก็ดีนะเนี่ย มีเรื่องให้เขียนถึงได้ทุกหนทีเดียวเชียว
แต่ขณะเดียวกัน มูลค่าการนำเข้าที่เพิ่มสูงขึ้น สินค้าที่จัดเก็บอากรขาเข้าได้สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบรถยนต์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ เหล็กและเหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์เหล็กและเหล็กกล้า
นั่นก็หมายความว่า มีการนำเข้ารถยนต์และส่วนประกอบรถยนต์เพิ่มมากขึ้น
ก็เป็นเรื่องของผู้มีเงินจะเสียภาษี คงไม่ว่ากันอยู่แล้ว
แต่อย่างไรก็ดี กระทรวงอุตสาหกรรมก็ออกมาบอกว่า มีรถยนต์นำเข้าของผู้นำเข้าอิสระผ่านการตรวจปล่อยผ่านพิธีการศุลกากรแล้ว 600 คัน ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ผ่อนผันให้ปล่อยผ่านออกมาก่อน แต่ยังไม่มีผู้นำเข้ารายใดนำรถยนต์มาตรวจสอบคุณภาพกับ สมอ. และ สมอ. ได้ส่งหนังสือแจ้งให้ผู้นำเข้านำรถยนต์มาตรวจภายใน 60 วัน และถ้าไม่มาตรวจสอบจะมีโทษตาม พรบ. มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ปี 2511 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และถ้าไม่นำรถยนต์มาตรวจสอบคุณภาพก็จะจดทะเบียนรถยนต์กับกรมการขนส่งทางบกไม่ได้
อันนี้ก็ต้องว่ากันเองก็แล้วกัน เพราะถึงจะเสียภาษีออกมาแล้ว ออกมาอย่างผ่อนผัน ก็ยังต้องไปตรวจสภาพอยู่ดี ไม่งั้นจดทะเบียนไม่ได้
ระเบียบมีมาอย่างไร ก็คงละเลยไม่ได้ ต้องทำไปตามระเบียบที่ว่า จะได้สบายใจด้วยกันทุกฝ่าย
พร้อมกับสบายใจกับตัวเลขยอดการขายรถ ที่เพิ่มขึ้นทุกเดือน อย่างถูกระเบียบเสียด้วย
หวังแต่ให้เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จะได้มีความสุขด้วยกันทุกฝ่าย
รวมทั้งโบนัสปลายปีด้วยเช่นกัน
เรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2556
คอลัมน์ Online : โค้งอันตราย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/90322