ร่มไม้ชายศาล
ทำกันประจำ โทษหนักนะนั่น !!!
เมื่อมีข้อมูลช่วยผู้บริโภคได้ บก. ก็ใจกว้าง อนุญาตให้บอกกล่าวได้ทันที ในฐานะที่เป็นสื่อ งั้นเอาเลยนะครับ และขอยืนยันด้วยเกียรติว่า ไม่มีนอกมีในกับผู้จำหน่ายสินค้า หรือเห็นแก่อามิส
จัดให้แก่ผู้ที่พิสมัยรถตู้เกาหลี บอกแค่นี้คงร้องอ๋อ ฮันเด รุ่น เอช-1 รถนำเข้า ราคาไม่แรง หุ่นเท่ บ้าพลัง กินน้ำมันไม่เยอะ ตัวโต ขับดี ขับง่าย แต่เอาเข้ามาขายโดยเน้นบรรทุกผู้โดยสารเยอะๆ เพราะที่บ้านเขาใช้บรรทุกสารพัด ทั้งภาครัฐ และเอกชน เมื่อพี่ไทยขับแบบนั่งไม่กี่คน จึงเกิดอาการตึ่กๆ ตั่กๆ เมื่อเจอทางไม่เรียบ เจ้าของรถอยากให้นิ่ม หาทางแก้ไข แล้วมีความเห็นหลากหลาย แก้ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แพงเกินไปบ้าง ดูทางเนท ฯ เวียนหัวก็แล้วกันตัวเอง
เผอิญญาติเขาซื้อ เอช-1 มาใช้ ปรากฏว่าแก้ตก เจ้าตัวงี้ยิ้มแป้น รีบแจงรายละเอียดให้ฟัง เห็นผมเขียนเรื่องเกี่ยวกับรถ เชิญชวนไปนั่งยาว เลี้ยงข้าวน้ำอีกต่างหาก เพื่อพิสูจน์ เพราะผมเคยนั่งไปด้วยก่อนหน้านั้น แล้วบ่นว่ากระเด้ง จนเจ้าตัวเสียหน้า และหงุดหงิด
สรุปเลยนะครับ เขาไปสั่งซื้อสปริงมาชุดหนึ่ง 4 ตัว ยี่ห้อ ไอบัค (EIBACH) ของเยอรมนี ซึ่งเป็นบริษัทที่ถนัดในการทำสปริงให้รถรุ่นต่างๆ เป็นกรณีพิเศษ คู่หน้าคู่หลัง ทำมาเฉพาะให้ เอช-1 ไม่สับสนในการเปลี่ยนใส่ ขอให้ตัวหนังสือซึ่งติดอยู่ที่สปริงหันขึ้นเป็นใช้ได้ เขาแจงถี่ยิบ แถมราคาไม่แพง แค่ 15,000 บาท ตามมาด้วยชอคอับ เปลี่ยนเฉพาะด้านหลังเท่านั้น ของอเมริกา ยี่ห้อ แรนโช (RANCHO) ขานี้ปรับความหนืดได้ด้วย คนขายแนะนำให้ตั้งที่ระดับ 5 ราคา 7,500 บาท ได้มา 2 อัน
เจ้าของรถบอกว่า ทีแรกวัดดวง ช่างที่ถอดเปลี่ยนก็ออกปากว่าไม่มั่นใจ เจ้าของรถปอดกระเส่า พอเปลี่ยนเสร็จ ขับระยะสั้น ขับระยะยาวแล้ว เจ้าตัวหน้าบาน บอกว่าขับดี ไม่ว่าทางตรง ทางโค้ง เท่านั้นไม่พอ แกกัดฟันทุ่มทุนสลัดยางเก่า ใส่ยางใหม่ เป็น โยโกฮามา 225/70/16 ได้เหมาะเจาะ ใช้กระทะเดิมๆ แล้วมาคะยั้นคะยอให้ผมนั่งชมวิว ปรากฏว่า "ลงตัว" กลายเป็นรถตู้ที่เนี้ยบเฉียบขาด ไม่หัวสั่นหัวคลอนอย่างเดิม ลาทีสำหรับปัญหาที่ทำให้ปวดหัว เขายืนยัน ทั้งๆ ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้
ถ้าไม่บอกว่าซื้อหาสปริงกับชอคอับได้ที่ไหน คงมีเคือง ไล่เลียงมาให้แล้วครับ ร้าน SCW อยู่กทม. ในหน้าโฆษณาของเรา ได้ครบชุด โอนเงิน ส่งด่วน ไม่คิดค่าขนส่ง อู่หรือศูนย์ ฮันเด ถ้าอยากให้เจ้าของ ฮันเด เอช-1 เลิกบ่น และกระดี๊กระด๊ามีความสุข จัดการแก้ไขช่วงล่างดังที่นำเสนอนั่นแล ไม่สงวนสิทธิ หรือคิดค่าป่วยการ
งานนี้ โยชิอากิ อิชิมูระ ประธาน บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด รับทราบด้วยก็เป็นการดี
ตามมาด้วยคดีความอย่างเคยจึงจะครบเครื่อง
การดำเนินชีวิตของคนเรา บางครั้งมีเรื่องเอาง่ายๆ ถ้าไม่ระวัง ที่ร้าย คือ พาลเข้าตะรางติดคุกหัวโต
นางหวือหวา เป็นคนสนุกสนาน จึงชมชอบชื่อตัวเอง บอกว่าเร้าใจใครๆ ก็จำได้ เธออายุ 30 กว่าปี มีครอบครัวแล้ว เป็นเพื่อนบ้านสนิทสนมครอบครัวของ ดญ. ดาวอาย ฟังชื่อแล้วคงสวยไม่เบา วันเกิดเหตุ นางหวือหวา อาสาขับรถพา ดญ. ดาวอาย ไปซื้อของที่ตลาด พาไปกินส้มตำ แล้วพาไปส่งที่บ้าน
เมื่อเจอหน้า นางดาวเขิน ผู้เป็นแม่ มิน่าลูกจึงชื่อดาวอาย น้องหนูดาวอาย มีสีหน้าไม่สบายใจ รีบบอก นางดาวเขิน ว่า นางหวือหวา ชักชวนหนูให้ไปหลับนอนกับสามีของเจ้าหล่อน แล้วจะให้โทรศัพท์มือถือกับเงินสดอีก 1 พันบาท หนูแกล้งพยักหน้า ทำทีว่าตกลง เพื่อจะได้กลับบ้าน
นางดาวเขิน ร้อง ว๊าย อกอีปุกจะแตก อะไรจะบัดสีขนาดนั้น มันเห็นลูกฉันเป็นอะไรไป มันทำได้ยังไง ชั่วแท้ๆ ว่าแล้วก็แจ้นเข้าโรงพัก แจ้งความเอาผิด นางหวือหวา
ไม่ทันได้หนี ไม่คิดว่าเขาจะเอาเรื่อง นางหวือหวา โดนตำรวจซิวไปดำเนินคดี อัยการด่านที่สองหิ้วตัวไปฟ้องเป็นคดีอาญา
จำเลย คือ นางหวือหวา ให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเคยมีคดีติดตัว แต่ได้รับการรอลงอาญา แสดงว่าประวัติไม่ย่อยอยู่แล้ว
ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีด้วยการนั่งตีหน้าเฉย ตามสไตล์ของผู้พิพากษาทั่วโลก ให้แลดูน่าเกรงขามเยอะๆ ฟังพยานตรวจดูเอกสาร ดู
ข้อกฎหมายแล้ว พิพากษายกฟ้อง มองว่าพยานโจทก์อ่อนไปหน่อย
อัยการเดินหน้ายื่นอุทธรณ์ เพื่อให้ นางหวือหวา นอนอยู่ในคุกตามฟ้อง คราวนี้ได้ผล
ศาลอุทธรณ์พิจารณาจากสำนวน ไม่เห็นหน้าใครสักคน ถี่ถ้วนแล้วพิพากษากลับ เอาผิด นางหวือหวา ขั้นพยายามทำผิดตามคำฟ้องของอัยการ จำคุก 6 ปี 8 เดือน คำให้การชั้นตำรวจมีประโยชน์ในการพิจารณา ลดให้ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 4 ปี 5 เดือน 10 วัน นับโทษต่อคดีที่เคยได้รับการรอลงอาญา
นางหวือหวา หน้าเหี่ยว หวือหวาไม่ออก จ้างทนายยื่นฎีกาเพื่อเอาตัวรอด
ศาลฎีกาหยิบสำนวนที่มาถึงคิว ส่องดูด้วยความเมื่อยขบตามวัย แล้วชี้ขาดออกมาว่า
แม้โจทก์มี ดญ. ดาวอาย เป็นประจักษ์พยานแค่ปากเดียว แต่มี นางดาวเขิน แม่ของ ดญ. ดาวอาย เป็นพยานเสริม เบิกความสนับสนุนว่า พอลูกสาวกลับถึงบ้านก็เล่าเรื่องให้ฟังทันที ศาลมองว่า ดญ. ดาวอาย คงไม่ประสา และมีความอับอายในเรื่องเหล่านี้ อีกทั้งไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับ นางหวือหวา มาก่อน ไม่เชื่อว่าจะแต่งเรื่องใส่ความตามที่ นางหวือหวา อ้าง ศาลฎีกาจึงวินิจฉัยเสียเอง ในประเด็นที่ว่า นางหวือหวา ชักชวนน้องหนูดาวอาย หรือเปล่า เพราะศาลอุทธรณ์ละไว้ และฟันธงว่า นางหวือหวา พูดจาชักชวน ดญ. ดาวอาย จริง
ครานี้จะเอาผิดตามฟ้อง คือ ป. อาญา มาตรา 283 วรรค 3 ได้ไหม ศาลฎีกาแทงว่า นางหวือหวา ต้องเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไป ซึ่งชายหรือหญิงอายุยังไม่เกิน 15 ปี โดย 1. ใช้อุบายหลอกลวง 2. ขู่เข็ญ 3. ใช้กำลังประทุษร้าย 4. ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม หรือ 5. ใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการใดๆ อย่างใดอย่างหนึ่งใน 5 อย่าง เพื่อการอนาจาร และเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น งานนี้ นางหวือหวา แค่พูดชักชวน แล้วจะให้โทรศัพท์ให้สตางค์ พฤติการณ์ยังไม่เข้าข่ายใช้อุบายหลอกลวง หรืออื่นๆ ใน 5 ประการ จึงเอาผิดตามมาตรา 283 ซึ่งมีโทษแรงกว่าไม่ได้
อ่านมาแค่นี้ นางหวือหวา อย่าตีปีกพั่บๆ ดีใจ คิดว่าเอาผิดตามมาตรา 283 ไม่ได้ แล้วยกฟ้อง เพราะตามคำฟ้องศาลฎีกาเอาผิดตามมาตรา 282 วรรค 3 ได้นะ ในเมื่อการกระทำเข้าข่าย เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น ได้เป็นธุระจัดหาเพื่อการอนาจาร ซึ่งผู้เสียหาย คือ ดญ. ดาวอาย ยังเป็นเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี เมื่อเธอทำทีพยักหน้า แต่ไม่ตกลงด้วย เท่ากับผู้เสียหายไม่ยินยอม การกระทำครบองค์ความผิด แต่ยังไม่บรรลุผล จึงเป็นแค่พยายาม เมื่อข้อเท็จจริงที่ปรากฏเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเอง ศาลฎีกาจึงมีอำนาจลงโทษจำเลย ตามวิ. อาญา ฯลฯ ศาลอุทธรณ์ตัดสินมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยบางส่วน ฎีกาของจำเลยก็ฟังขึ้นบางส่วน คือ ไม่โดนข้อหาหนัก แต่ก็ยังโดนข้อหาที่เบากว่า
ศาลฎีกายอมแก้ในคดีนี้ซะเลย พิพากษาแก้ เป็นว่า นางหวือหวา มีความผิดตาม มาตรา 282 วรรค 3 ฐานพยายาม ฯ จำคุก 4 ปี การนำสืบของเจ้าหล่อนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่มั่ง ลดให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน นับโทษต่อจากโทษในอื่นที่มีอยู่
อ่านมาถึงตรงนี้ ขอให้รับทราบไว้ว่า มีคนทำผิดกฎหมายข้างต้นตลอดเวลา ด้วยการหาหญิง หรือหาชาย หากะเทย ไปบำเรอกามนั่นเอง ทำเป็นอาชีพ ไม่เป็นอาชีพ ทำเพื่อความมัน ทำเพราะโรคจิตหน่อยๆ (อย่างกรณี นางหวือหวา) ทำครั้งเดียว ทำบ่อยๆ หรือที่เรียกว่าแม่เล้า พ่อเล้า นางนกต่อ นายนกต่อ รัฐจึงแก้ไขกฎหมายเอาผิดหนักขึ้น สูงสุดถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต หรือประหารชีวิตเชียวนะเอ้อ ไม่ใช่เรื่องเล็ก เพียงแต่ผู้ทำผิดไม่รู้ว่า มีกฎหมายมัดคอไม่เบาเลยละ
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8867/2554
เรื่องโดย : จอมยุทธ
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2556
คอลัมน์ Online : ร่มไม้ชายศาล
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/90317