สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
โชอิชิ ยูกิ
มาซดา เป็นบแรนด์ที่ใช้กลยุทธ์สร้างความแตกต่าง จนประสบความสำเร็จในตลาดเป็นอย่างดี และยังไม่หยุดที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้บแรนด์ต่อไป "ฟอร์มูลา" สัมภาษณ์พิเศษ โชอิชิ ยูกิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
ฟอร์มูลา : มาซดา วางนโยบาย และทิศทางปีนี้ไว้อย่างไร ?
ยูกิ : ภาพรวมของ มาซดา เน้นที่การสร้างบแรนด์ มาซดา ให้เป็นบแรนด์เดียวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตอบสนองผู้ชื่นชอบและรักรถยนต์ การจะได้มาตามปรัชญานั้น มีองค์ประกอบหลายส่วน คือ การมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความตื่นเต้นสนุกสนาน มีความเป็นพรีเมียม
อีกส่วนหนึ่งคือ การสร้างประสบการณ์ให้แก่ลูกค้าที่จะเป็นเจ้าของ ตั้งแต่ก่อนซื้อ หลังซื้อไปแล้ว เข้ามาใช้บริการหลังการขายก็ได้รับการบริการที่ดี ประทับใจตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุด
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการสร้างและแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการนำเสนอเรื่องดีไซจ์น สมรรถนะ การควบคุม ซึ่งปีนี้จะแนะนำเทคโนโลยี สกายแอคทีฟ โดยจะให้ผลตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งในเรื่องสมรรถนะ ประสิทธิภาพ การประหยัดมากขึ้น เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีเดิม ซึ่งจะช่วยสนับสนุนกลยุทธ์และแผนงานของบริษัท ฯ ให้แข็งแรงมากขึ้น
และอีกกลยุทธ์หนึ่งที่ใช้มาอย่างต่อเนื่อง คือ การสร้างความสดใหม่ ความทันสมัยของผลิตภัณฑ์ตลอดเวลา ดังจะเห็นได้จากสร้างรถยนต์รุ่นพิเศษ อย่างน้อยจะต้องมีทุกไตรมาส ปีนี้ที่แนะนำไปแล้วก็จะเป็น มาซดา 3 เอสพลัส เครื่องยนต์ 1,600 ซีซี รุ่นพิเศษจำนวนจำกัด หรือบางช่วงจังหวะก็จะเป็นรถรุ่นใหม่
ฟอร์มูลา : คุณคิดว่าปัจจุบัน มาซดา มีความแข็งแกร่งแล้วหรือยัง จะต้องมีอะไรมาเสริมอีกหรือไม่ ?
ยูกิ : เป้าหมายของเราคือ การสร้างให้ มาซดา เป็นบแรนด์ THE ONE ONLY ซึ่งวันนี้ยังไปไม่ถึงเป้าหมายนั้น แต่การยอมรับในบแรนด์ถือว่าประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะการรับรู้ และการยอมรับในบแรนด์ดีขึ้น โดยมีปัจจัยที่มาจากรถยนต์และการสื่อสารที่สื่อออกไปตรงกับกลุ่มเป้าหมาย อีกส่วนหนึ่งคือ ความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างจากบแรนด์อื่น
ส่วนที่จะต้องเสริมเพิ่มเติมคือ เป็นเรื่องของความรู้สึกที่จะต้องสามารถจับต้องให้ได้ชัดเจนกว่านี้ ซึ่งปีนี้จะนำเทคโนโลยีที่สามารถสัมผัสได้ง่ายขึ้น และให้ลูกค้ารับรู้ว่า มาซดา ไม่ได้แข็งแรงเฉพาะดีไซจ์นและสมรรถนะของรถยนต์ที่จะตอบโจทย์แก่ลูกค้า แต่ยังมีเรื่องของเทคโนโลยี สิ่งเหล่านี้จะทำให้ มาซดา ก้าวไปเป็นบแรนด์ THE ONE ONLY ได้
สำหรับเทคโนโลยี สกายแอคทีฟ เป็นสิ่งใหม่ที่จะมีส่วนช่วยให้ มาซดา แตกต่างจากบแรนด์อื่น โดยจะให้ประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกยิ่งขึ้น รวมถึงเรื่องความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
ฟอร์มูลา : การพัฒนา และการปรับปรุงด้านบริการวางแผนไว้อย่างไร ?
ยูกิ : การบริการหลังการขายได้เตรียมวางแผนอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากการขยายโชว์รูมและศูนย์บริการ เพื่อรองรับรถยนต์ที่มีปริมาณเพิ่มขึ้น โดยเป้าหมายจะขยายเพิ่มอีก 20 แห่ง จากเดิม 145 เป็น 165 แห่ง ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนว่า มีการขยายไปในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ โดยจากเดิมกรุงเทพ ฯ 37 เพิ่มเป็น 45 แห่ง ต่างจังหวัด 145 เพิ่มเป็น 165 แห่ง อีกทั้งยังมีการปรับปรุงภาพลักษณ์โฉมใหม่ให้อยู่ภายใต้คอนเซพท์ MCI (MAZDA CORPORATE IDENTITY) ที่เน้นการสื่อสารบแรนด์ และความทันสมัยในการออกแบบเป็นหลัก เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ ซูม-ซูม
แผนอีกอย่างหนึ่งคือ การฝึกอบรมที่เน้นพนักงานทุกระดับ ตั้งแต่พนักงานให้บริการ ช่างเทคนิค เพราะมุ่งเน้นสร้างความพึงพอใจสูงสุด ซึ่งถือเป็นอีกตัวแปรที่จะทำให้การบริการแข็งแกร่งมากขึ้น นอกจากนี้ยังเพิ่มบุคลากรในการให้บริการ และยังมีการตั้งทีมฝึกอบรมขึ้น เพื่อเข้าไปอบรมงานด้านต่างๆ แก่ดีเลอร์
นอกจากนี้ยังปรับปรุงระบบไอที ที่มีส่วนช่วยเรื่องการซัพพอร์ทต่างๆ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ดียิ่งขึ้น และยังสร้างขวัญกำลังใจแก่ดีเลอร์ โดยมอบรางวัลให้แก่ดีเลอร์ที่มีผลงานดีเด่น ในแต่ละด้าน ซึ่งจะส่งผลให้แต่ละดีเลอร์มีการพัฒนาผลงานในด้านต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ และยังเป็นการทำงานร่วมกันเป็นทีมมากขึ้น ซึ่งแต่เดิมดีเลอร์จะมองแต่ว่าบริษัท ฯ ตั้งเป้ายอดขายเพียงอย่างเดียว แต่ปัจจุบันทำงานร่วมกันเพื่อให้ 2 ฝ่ายไปถึงเป้าหมายร่วมกัน ทำให้เกิดการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ฟอร์มูลา : คุณคิดว่าอุตสาหกรรมรถยนต์โดยรวมในปีนี้ จะเป็นอย่างไร ?
ยูกิ : ในปี 2555 ที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์โดยรวมนั้นร้อนแรงตลอดทั้ง 12 เดือน และมียอดขายสูงสุดถึง 1,420,000 คัน พร้อมการเติบโตเพิ่มขึ้น 79 % เมื่อเทียบกับปี 2554 ซึ่งการเติบโตยังไม่หยุดนิ่งอยู่แค่นี้ ในปีนี้จะเป็นปีแห่งการแข่งขันที่ดุเดือด ร้อนแรง และคาดว่าตลาดรถยนต์โดยรวมจะมียอดขายประมาณ 1,200,000-1,250,000 คัน ลดลงประมาณ 10 %
สำหรับปัจจัยที่ทำให้ตลาดโดยรวมลดลง คือ ปีนี้ไม่มีโครงการรถคันแรก ลูกค้าไม่มีภาวะความต้องการซื้อรถ และปีนี้ยังไม่มีแผนงานกระตุ้นจากภาครัฐ นอกจากนี้เป็นเรื่องของสภาวะเศรษฐกิจ มีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เช่น การเกษตร ราคาพืชผลผันผวน ส่งผลรายได้ลดลง โดยเฉพาะภาคใต้ แต่ถึงแม้อุตสาหกรรมโดยรวมจะลดลง แต่ก็จะมีปัจจัยที่จะช่วยส่งเสริมตลาดในบางช่วง เช่น ภาวะเศรษฐกิจที่มั่นคงแข็งแกร่งไม่ได้อยู่ในภาวะที่ตกต่ำมาก อีกส่วนหนึ่งมาจากการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่จากหลายบริษัท จะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อได้เป็นอย่างดี
ฟอร์มูลา : มาซดา ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ไว้เท่าไร ?
ยูกิ : คาดว่าปีนี้การแข่งขันของตลาดรถยนต์ในประเทศไทย จะทวีความดุเดือดมากยิ่งขึ้น เพราะทุกบริษัทจะทุ่มเทและเล็งไปยังตลาดหลักที่สำคัญ ทั้งพิคอัพ และรถยนต์นั่งขนาดเล็ก สำหรับ มาซดา ปีนี้ตั้งเป้ายอดขายไว้ถึง 80,000 คัน หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 10 % มีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 6-7 % โดยแบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 60 % รถพิคอัพ 40 % ซึ่งนับเป็นความท้าทายอย่างยิ่งสำหรับ มาซดา ประเทศไทย ที่จะมียอดขายใกล้ 100,000 คัน
สำหรับปัจจัยที่บริษัท ฯ ตั้งเป้าเติบโตเพิ่มขึ้นนั้น มีผลสืบเนื่องมาจากการจะแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ รวมถึงรถรุ่นตกแต่งพิเศษ และความสำเร็จของ มาซดา บีที-50 ที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว มียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมาก และบแรนด์ มาซดา ได้รับการยอมรับและน่าสนใจมากขึ้นกว่าเดิม
ฟอร์มูลา : ปีนี้จะมีรถรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดกี่รุ่น ?
ยูกิ : ปัจจุบันบริษัท ฯ มีรถยนต์ทำตลาดอยู่ด้วยกัน 5 รุ่น ครอบคลุมเกือบทุกเซกเมนท์ ประกอบด้วย มาซดา 2/3/บีที-50 พโร/เอมเอกซ์-5 และ ซีเอกซ์-9 ซึ่งที่ผ่านมา มาซดา ได้รับความนิยมสูงสุดในตลาด ที่สำคัญการสร้างความสดใหม่ให้กับรถยนต์ มาซดา รุ่นพิเศษ ลิมิเทดอิดิชัน ทั้งมาซดา 2 เรซิง ซีรีส์ มาซดา 3 เอสพลัส ซึ่งนอกจากรุ่นพิเศษ และรุ่นใหม่แล้ว ปีนี้จะมีรถโฉมใหม่เข้าสู่ตลาด และที่สำคัญคือสุดยอดนวัตกรรมการออกแบบและเทคโนโลยีอนาคต สกายแอคทีฟ
ฟอร์มูลา : กลยุทธ์ที่จะใช้ในการแข่งขัน ?
ยูกิ : จุดสำคัญที่ มาซดา ใช้มาตลอดคือ การสร้างความแปลก และสดใหม่ให้กับรถยนต์ที่มีจำหน่ายอยู่แล้ว รวมถึงการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ แต่ที่ มาซดา คิดว่าเหนือกว่าคู่แข่งคือ เป้าหมายของการเป็น บแรนด์ THE ONE ONLY การมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แนวทางการสื่อสารไปสู่ลูกค้าที่มีแนวทางการสื่อสารแตกต่างจากบแรนด์อื่น เพราะพื้นฐานของ มาซดา สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว เน้นความเป็นสปอร์ท สไตล์ ซูม-ซูม ที่บริษัท ฯ เน้นการทำแบบต่อเนื่อง สอดคล้อง และสื่อสารไปสู่กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย นอกจากนั้นยังมีการเน้นที่การสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า และสร้างความผูกพันในบแรนด์ลอยัลที ซึ่งมองว่าเหมือนกับบแรนด์อื่น แต่ด้วยวิธีการ และการสร้างความผูกพันกับลูกค้าทำให้ มาซดา แตกต่างจากบแรนด์อื่นๆ
ฟอร์มูลา : คุณมีแผนอย่างไรในการควบคุมและแก้ไข เรื่องศูนย์บริการที่ไม่ได้มาตรฐาน ?
ยูกิ : บริษัท ฯ ทราบถึงปัญหาของศูนย์บริการที่ไม่ได้มาตรฐานอยู่บ้าง ซึ่งนอกเหนือจากการฝึกอบรมแก่เจ้าหน้าที่ของศูนย์บริการ บริษัท ฯ ยังได้มีการวัดผล และติดตามผลการบริการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงจะมีเจ้าหน้าที่โทรติดต่อลูกค้าหลังเข้ารับบริการ เพื่อติดตามผลอย่างใกล้ชิด
ฟอร์มูลา : มาซดา มีแผนจะลงทุนเพิ่มในประเทศไทยหรือไม่ ?
ยูกิ : มาซดา ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก โดยเพิ่งประกาศลงทุนเตรียมสร้างโรงงานแห่งใหม่ เพื่อผลิตชุดเกียร์อัตโนมัติ แห่งที่ 2 ของ มาซดา ที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่ง ที่จังหวัดชลบุรี ด้วยเงินลงทุนถึง 26,000 ล้านเยน หรือมากกว่า 10,000 ล้านบาท เพื่อผลิตชุดเกียร์อัตโนมัติ สกายแอคทีฟ ดไรฟ์ มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 400,000 ยูนิท ซึ่งการผลิตเกียร์ในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีใหม่ของ มาซดา และเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคต หรือที่รู้จักกันดีว่า เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ โดยจะเริ่มการผลิตได้ในเดือนมีนาคม 2559 ซึ่งจะผลิตส่งให้แก่โรงงาน ออโต้อัลลายแอนซ์ หรือ เอเอที และส่งออกสู่ตลาดทั่วโลก
ฟอร์มูลา : คุณมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับระบบภาษีใหม่ ?
ยูกิ : โดยหลักการและแนวนโยบายสำหรับการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตครั้งนี้ ถือว่าเป็นนโยบายที่ดีและสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้งของประเทศและของโลก ซึ่ง มาซดา เห็นด้วยกับหลักการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำหลักการเรื่องสิ่งแวดล้อมมาเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดอัตราภาษีสรรพสามิต ด้วยการกำหนดอัตราภาษีตามค่าการปล่อย CO2 ของยานยนต์ประเภทต่างๆ ควบคู่กับการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น รวมทั้งยังคงไว้ซื่งหลักการในการสนับสนุนพลังงานทางเลือกแต่ยังคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพการใช้งานของรถยนต์ดีอย่างเดิม
ฟอร์มูลา : คุณเตรียมแผนรองรับไว้อย่างไรบ้าง ?
ยูกิ : เนื่องจากขณะนี้ภาครัฐยังไม่ได้มีการประกาศในเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ ดังนั้น บริษัท ฯ อยู่ระหว่างการติดตามช้อมูลในรายละเอียดเพื่อความชัดเจน โดยเฉพาะข้อกำหนดเพิ่มเติมในเรื่องของอุปกรณ์ความปลอดภัย และวิธีการทดสอบ จึงจะสามารถชี้ชัดในรายละเอียดได้ อย่างไรก็ตาม ด้วยเทคโนโลยีล่าสุด สกายแอคทีฟ ของมาซดา ที่บริษัท ฯ มีแผนที่จะนำมาใช้ในรถยนต์ทุกรุ่น จะสามารถตอบโจทย์และสอดคล้องกับโครงสร้างภาษีใหม่ได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้รถยนต์ที่ผลิตภายใต้เทคโนโลยี สกายแอคทีฟ ทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล เป็นรถยนต์ที่มีประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูง แต่ปล่อยมลพิษต่ำมาก ขณะที่ยังคงไว้ซึ่งสมรรถนะการขับขี่ที่สนุกแบบ ซูม-ซูม ในสไตล์ มาซดา อย่างไม่เปลี่ยนแปลง จนได้รับการยอมรับว่าเป็นยานยนต์ที่ดีและสามารถชนะใจลูกค้าเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีอื่น ทั้งในตลาดญี่ปุ่น ยุโรป และอเมริกา ดังนั้นจึงเชื่อว่าการตอบรับในตลาดประเทศไทยจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ฟอร์มูลา : คุณมีความคิดเห็นอย่างไร เกี่ยวกับรถยนต์พลังงานไฮบริด ?
ยูกิ : เทคโนโลยีไฮฺบริด ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ดีสำหรับปัจจุบันและอนาคต แต่เชื่อว่าเป้าหมายของทุกบริษัทสุดท้ายไปที่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า แต่ช่วงระหว่างทางที่จะไปถึงจุดนั้น มาซดา มองว่าการเปลี่ยนถ่ายจากเทคโนโลยีน้ำมันไปสู่ไฟฟ้า ต้องใช้ระยะเวลานานมาก แต่สิ่งที่ มาซดา มองต่างโดยเริ่มมองที่เทคโนโลยีต่างๆ ที่ใช้อยู่สามารถมาปรับให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นได้ ซึ่งทำให้ค้นพบว่าการลดน้ำหนักรถยนต์ การเปลี่ยนเกียร์ เปลี่ยนโครงสร้าง เครื่องยนต์ใหม่ ทำให้ได้ผลออกมาดีมากกว่าปัจจุบันที่ใช้กันอยู่ เชื่อว่าการเปลี่ยนถ่ายจากรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นพลังงานไฟฟ้าจะต้องใช้เวลานาน และตัวนี้จะเหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันมากกว่า
อีกส่วนหนึ่งราคาแบทเตอรีของรถยนต์ไฮบริดยังสูงมาก แม้ว่าหลายบแรนด์จะใช้วิธีเพิ่มเวลาการรับประกันมากขึ้น แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถซื้อได้
ฟอร์มูลา : อยากให้รัฐบาลช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมรถยนต์ด้านใดเพิ่มขึ้นหรือไม่ ?
ยูกิ : แผนระยะยาวอยากให้สนับสนุนเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือว่าพลังงานทางเลือก ตัวอย่างเช่น เทคโนโลยีที่จะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม การปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์ ที่ทั่วโลกใช้ แต่น่าจะช่วยสนับสนุนทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทรถยนต์ในเมืองไทยให้เห็นภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ฟอร์มูลา : มาซดา ประเทศไทย มีความแข็งแกร่งเพียงพอสำหรับการแข่งขันมากน้อยเพียงใด ?
ยูกิ : ตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจมาจนถึงปัจจุบัน ถือว่ามีความแข็งแกร่ง และมั่นคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็จะยังคงไม่หยุดนิ่ง โดยจะต้องสร้างความแข็งแกร่งให้มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเป้าหมายจะต้องเติบโตเพิ่มขึ้นในทุกปี นอกจากนี้ยังมีช่องว่างให้เติบโตเพิ่มขึ้นตลอดเวลา ด้วยความร่วมมือร่วมแรง ระหว่างบริษัท พนักงาน และดีเลอร์ มีผลิตภัณฑ์ที่ดี ทำให้เติบโตบรรลุวัตถุประสงค์ในแต่ละปี และแข็งแกร่งมากขึ้น
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : จินดา ลัยนันท์
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2556
คอลัมน์ Online : สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/90267