ทั้งแจ๋วทั้งจิ๋วและไม่หิวน้ำมัน

ทั้งแจ๋วทั้งจิ๋วและไม่หิวน้ำมัน TOYOTA IQ EV รถไฟฟ้าสายพันธุ์ญี่ปุ่นอีกแบบหนึ่งที่นำมาให้ชื่นชมกันในเดือนนี้ เป็นผลงานของผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ ซึ่งเพิ่งอวดตัวแบบ PREMIERE MONDIAL หรือ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานมหกรรมยานยนต์ปารีสครั้งล่าสุดซึ่งเปิดงานในนครหลวงของเมืองน้ำหอมเมื่อปลายเดือนกันยายน 2012 พร้อมกับป้ายชื่อ โตโยตา ไอคิว อีวี (TOYOTA IQ EV) แต่พยายามค้นหาข้อมูลและสำรวจข่าวอยู่หลายตลบ ก็ยังไม่ทราบว่าต้องรอถึงปีไหนและเดือนใด ? รถจึงจะออกขายในตลาด หรือว่ายังไม่ขายแต่จะให้เช่าเหมือนรถไฟฟ้าบางแบบ ยักษ์ใหญ่ของเมืองยุ่นมีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยและพัฒนารถไฟฟ้ามายาวนานกว่า 4 ทศวรรษ คือ เริ่มงานนี้มาตั้งแต่ปี 1971 โดยกระทำควบคู่ไปกับการวิจัยและพัฒนารถพลังงานทดแทนอีก 3 ประเภท คือ รถไฮบริด (FULL HYBRID VEHICLE) รถไฮบริดชนิดต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ (PLUG-IN HYBRID VEHICLE) และรถขับเคลื่อนด้วยพลังของเซลล์เชื้อเพลิง (FUEL CELL VEHICLE) โตโยตา ไอคิว อีวี ที่นำมาให้ชมกันนี้ ไม่ใช่รถที่ออกแบบให้เป็นรถไฟฟ้ามาตั้งแต่ต้น แต่พัฒนาจากรถจิ๋ว โตโยตา ไอคิว (TOYOTA IQ) ซึ่งออกแบบและพัฒนาโดยศูนย์ออกแบบของค่ายนี้ที่ตั้งอยู่ในยุโรป แต่ใช้โรงงานในญี่ปุ่นเป็นที่ผลิต และเริ่มออกโชว์รูมในเมืองยุ่นเมื่อเดือนตุลาคม 2008 เป็นรถขับล้อหน้าด้วยพลังของเครื่องยนต์เบนซิน DOHC 3 สูบเรียง 996 ซีซี 50 กิโลวัตต์/68 แรงม้า หรือเครื่องเบนซิน DOHC 4 สูบเรียง 1,329 ซีซี 69 กิโลวัตต์/94 แรงม้า และมีระบบเกียร์ให้เลือก 2 แบบ คือ เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ กับเกียร์อัตโนมัติปรับอัตราทดต่อเนื่อง (เกียร์ CVT) การปรับเปลี่ยนจากรถติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นรถที่ขับด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ในกรณีของรถแบบนี้ จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงมากมายทั้งในส่วนของตัวถังและระบบขับ กล่าวคือ ตัวถังขยายความยาวจาก 2.985 เป็น 3.120 ม. คือ ยาวถึงขึ้น 13.5 ซม. แต่ความกว้างความสูงและช่วงฐานล้อยังคงเดิม คือ 1.680 ม. 1.505 ม. และ 2.000 ม. ตามลำดับ กับเปลี่ยนชิ้นส่วนตัวถังหลายชิ้นเป็นชิ้นส่วนที่ทำจากแผ่นเหล็กกล้ากำลังสูง ที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า HIGH TENSILE SHEET STEEL เพื่อป้องกันไม่ให้รถมีน้ำหนักตัวสูงเกินไป ซึ่งผลลัพธ์ คือ หนักกว่ารถรุ่นมาตรฐานเพียง 125 กก. ส่วนการเปลี่ยนแปลงในส่วนของเครื่องยนต์กลไก จุดสำคัญ คือ การยกเครื่องเบนซินออกทั้งชุด แล้วแทนที่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า PERMANENT MAGNET ELECTRIC MOTOR ขนาด 47 กิโลวัตต์/64 แรงม้า ซึ่งได้พลังไฟจากแบทเตอรี ลิเธียม-ไอออน (LITHIUM-ION) ขนาด 227.5 โวลท์ 12 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งติดตั้งอยู่ใต้พื้นรถและหิ้วไว้ด้วยโครงสร้างเหมือนเปลที่ทำจากเหล็กกล้ากำลังสูง การประจุไฟเต็มหม้อแต่ละครั้งด้วยไฟบ้านแรงดัน 100 โวลท์ ซึ่งใช้กันอยู่ในบางส่วนของเกาะญี่ปุ่นต้องใช้เวลาถึง 8 ชั่วโมง แต่จะลดเหลือ 3 ชั่วโมงเมื่อใช้ไฟบ้านแรงดัน 200 โวลท์ และจะเสียเวลาเพียงประมาณ 15 นาที เมื่อใช้วิธี "ประจุด่วน" ซึ่งจะได้ปริมาณไฟร้อยละ 80 หลังการประจุไฟเต็มหม้อแต่ละครั้ง รถจะวิ่งได้ไกลประมาณ 100 กม. โดยมีอัตราสิ้นเปลืองพลังงาน 0.104 กิโลวัตต์ชั่วโมง/กม. โดยเฉลี่ย และสามารถทำความเร็วสูงสุด 125 กม./ชม.จึงก็น่าจะเร็วพอแล้ว เพราะเป็นรถที่ออกแบบสำหรับการใช้งานในเมือง ไม่ใช่ขับ "ซิ่ง" !