แนะนำเพลง
THE DARK KNIGHT RISES
THE DARK KNIGHT RISES
"คนพลาดก็เพื่อรู้จักผงาดง้ำ"
แบทแมน คือใคร ? นอกจากชายชุดดำที่ออกมาปราบเหล่าร้าย...เราย่อมได้รู้มากกว่านั้นแล้วใน BATMAN BEGINS ที่ออกฉายในปี 2005 หนังปูทางเล่าเรื่องราวปูมหลังของคนๆ หนึ่งซึ่งลุกขึ้นมาสวมหน้ากากต่อสู้กับทรชนคนเลว แต่ก่อนจะถึงจุดนั้นได้ เขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง และต้องต่อกรกับความกลัวในจิตใต้สำนึกของตนอย่างไร
3 ปีผ่านไป THE DARK KNIGHT (2008) อัศวินรัตติกาลโลดแล่นออกจากความหวาดหวั่นของตน ท่ามกลางความมืดและความโกลาหลวุ่นวาย เขายืนหยัดภายใต้ปริศนาแห่งความยุติธรรม เข้าเผชิญความวิปริตของศัตรูตัวฉกาจ ผู้ฉกฉวยความอ่อนแอของชาวกอทแฮม มาคร่าความสงบของเมืองกอทแฮมอีกที
ในภาคนี้หนังท้าทายความเป็นฮีโร ด้วยการมอบคำถามให้คนดูเก็บไปคิดทุกๆ 20 นาที ทั้งการตั้งตนเป็นผู้ผดุงความปลอดภัยของเมือง...หรือแค่ศาลเตี้ย เป็นคนที่พึ่งพาได้ หรือเป็นแค่สิ่งที่สังคมไม่ต้องการ และสุดท้าย หากเราเป็นผู้คนในเมืองนั้น เราจะแสดงท่าทีอย่างไร เมื่อรู้ว่ามี แบทแมน ออกล่าเหยื่อยามราตรี
BY THE WAY...หลังสิ้นเสียงคำถามเมื่อหนังปรากฏเครดิทในตอนจบ เสียงปรบมือที่มีแด่ผู้กำกับ คริสโตเฟอร์ โนแลน ก็ดังกึกก้องอื้ออึง
วงการหนัง และแฟนหนังทั่วโลก เริ่มจับจ้องที่ชื่อนี้ รายได้พันล้านเหรียญสหรัฐ ฯ เป็นตัวเลขมหาศาล แต่มันก็ไม่มากเท่าความรู้สึกของคนที่ได้ชม ทั้งยอดเยี่ยมและอิ่มเอิบ และยังเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ ซึ่งหลายคนไม่เชื่อว่าจะได้รับจากการชมหนังที่สร้างจากหนังสือการ์ตูน !
อาจกล่าวได้ว่าหลังจาก คริสโตเฟอร์ โนแลน ทำ แบทแมน ทั้ง 2 ภาค มาตรฐานการสร้างหนังซูเพอร์ฮีโร ก็เปลี่ยนไปสิ้นเชิง เพราะมันไม่ใช่แค่อลังการ ระเบิดเมืองทำลายตึก หรือแค่ความหวือหวาในยุคที่คอมพิวเตอร์เสกได้ทุกอย่าง แต่มันเป็นการสร้างความเข้มแข็งและชอบธรรม เมื่อใครคนหนึ่งคิดจะต่อกรกับความชั่วร้ายนานัปการ ฮีโร ก็คือ คน และแน่นอนว่าคนย่อมต้องไม่สมบูรณ์แบบ ที่น่าสนใจกว่าก็คือ อะไรทำให้คนไม่สมบูรณ์แบบคิดจะปกป้องคนที่ดีเลวไม่ต่างกัน ญาติพี่น้องก็ไม่ใช่
4 ปีผ่านไป ด้วยใจจดจ่อของแฟนหนัง THE DARK KNIGHT RISES (2012) ก็พร้อมจะปิดตำนานไตรภาคจากฝีมือผู้กำกับ คริสโตเฟอร์ โนแลน ซึ่งเขาประกาศไว้ว่าจะไม่กลับมาทำ แบทแมน อีกแล้ว หลังจากพิสูจน์ทุกสิ่งทุกอย่างในแบบของตน และพอใจอย่างยิ่งกับเสียงตอบรับที่ได้กลับมา แต่ภาคสุดท้ายนี้ล่ะ คือ บททดสอบอันยิ่งใหญ่ในการเชิญเขาลงจากเวทีความสำเร็จอย่างสง่างาม
ถามว่าคนดูรู้สึกอย่างไรกับเวลาเกือบ 3 ชั่วโมงของ แบทแมน ภาคจบ ในแบบของเขา
หลายเสียงบอกว่าสนุกกว่าภาคก่อนที่ว่าดีนักดีหนา แต่ความดรามาอาจมีไม่เทียบเท่า ในทางกลับกัน หลายเสียงก็บอกว่า อย่าเอาไปเทียบ เพราะแต่ละภาคเขามีวิธีนำเสนอที่แตกต่าง อยากดูให้ได้อรรถรส
ต้องดูที่แก่นของเรื่อง ซึ่งภาคแรก มันคือ "ความกลัว" ภาคสอง คือ "ความโกลาหล" และภาคสุดท้าย คือ
"ความเจ็บปวด"
ใน THE DARK KNIGHT RISES เราจึงได้เห็นความเจ็บปวด ที่มนุษย์ (แหว่งวิ่นไม่สมบูรณ์) ได้พบเจอเกือบทุกรูปแบบ ตั้งแต่คนรักตาย โดนให้ร้าย สมบัติหาย ธุรกิจล้มละลาย ถูกทำร้ายแสนสาหัส ต้องทนเห็นสิ่งที่ตนหวงแหนวิบัติ ซ้ำยังโดนความเชื่อใจ และความจริงอันขมขื่น ทรยศจนหมดสิ้น
คำว่า RISES ที่แปลว่า "ผงาด" จึงสาสมแล้วกับคนมืดมนอย่าง แบทแมน ซึ่งคุ้มค่ามากมาย หากเราจะได้รู้ว่า คนธรรมดาเขาต้องเผชิญกับอะไรบ้าง ก่อนจะปกป้องคนอื่นๆ จนได้รับการยกย่องให้เป็นฮีโรอย่างแท้จริง
ศิลปิน : KING CREOSOTE & JON HOPKINS
อัลบัม : DIAMOND MIND
แนวดนตรี : ALTERNATIVE FOLK
โปรย : "ราวบทกวีที่มีเสียงกีตาร์เป็นหน้ากระดาษ"
ขออภัยผู้อ่าน หากว่าฟ้ายามนี้ไม่มีเมฆครึ้มรุมเร้าเข้าปกคลุม และท้องฟ้ามิได้หมองหม่นซึมเศร้า ประหนึ่งก้อนเมฆเป็นโรคร้าย บีบซัดความซีดเซียว เปลี่ยนฟ้ากระจ่างใสกลายเป็นฟ้ามืดทึบเขียวอมเทา และคงต้องขออภัยอีกครั้ง หากถนนไม่ได้ปนเปื้อนน้ำเจิ่งนอง แต่ตลอดสองข้างทางแห้งผาก เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว เพราะเมื่อเพลงแรกของวงนี้ดังขึ้น ผู้เขียนก็คล้ายเดินทางเข้าสู่ภวังค์แห่งความเศร้า...ทว่าสงบลึกล้ำ
เพลงนั้นชื่อว่า BUBBLE ขับร้องโดย KING CREOSOTE & JON HOPKINS เพลงแรกของอัลบัม DIAMOND MIND ในท่วงทำนองเชื้อเชิญผู้ฟังให้ทบทวนวันวานของความคำนึง แต่ไม่ถึงกับดึงให้ติดอยู่ในอดีต ดนตรีของพวกเขาเพียงชักนำเราเข้าสู่ห้วงเวลาบางอย่าง ซึ่งเป็นเวลาที่จะได้ล่องลอยออกไปจากสิ่งรอบตัว ประหนึ่งว่าลมหยุดนิ่ง และทุกสิ่งไม่เคลื่อนไหว มันคือ ช่วงโมงยามไม่นานก่อนที่ฝนจากฟ้าจะเทลงมาสู่เมืองวุ่นวาย
KING CREOSOTE เป็นหนุ่มนักร้อง นักแต่งเพลง ชาวสกอทแลนด์ เขาเป็นหนึ่งในพี่น้องนักดนตรีตระกูล ANDERSON ซึ่งเป็นศิลปินดนตรีที่ไม่ค่อยจะมีชื่อเสียง แต่ยังคงยืนหยัดสร้างผลงานอย่างต่อเนื่อง ผลงานชุดแรกของเขา วางแผงเมื่อปี 1998 จากนั้นก็มีอัลบัมออกมาอีกมากมาย จนถึงวันนี้มีกว่า 40 อัลบัมแล้ว
ถามว่าดังบ้างไหม ก็เปล่าเลย...ช่วง 10 ปีแรกที่ผลงาน 30 อัลบัมของเขาออกสู่สาธารณะ กล่าวได้ว่าเงียบจนได้ยินเสียงถอนใจ แต่ละปีเขาจะทยอยสร้างงานเพลงปีละ 2-4 ชุดด้วยกัน จวบจนเมื่อย่างเข้าปีที่ 11 สิ่งที่เขาทำจึงเริ่มมีคนพูดถึงบ้าง จากหนึ่งเป็นสองเป็นสาม และสุดท้ายก็ได้พิสูจน์ให้โลกเห็นถึงฝีมือที่ผ่านการเคี่ยวกรำจนชำนาญ เมื่อเขาจับมือกับ JON HOPKINS ออกผลงานชุดนี้มา จนรางวัล MERCURY PRIZE อันทรงเกียรติของอังกฤษ เชิญเขาเป็นผู้ร่วมชิงรางวัลอัลบัมแห่งปี 2011
แต่ JON HOPKINS เขาไม่เป็นอื่นใดมากไปกว่านักทำเพลง ถนัดเหลือร้ายในแนวอีเลคทรอนิคส์ และแดนศ์ เคยเป็นพโรดิวเซอร์ให้ BRIAN ENO, COLDPLAY และ DAVID HOLMES หนุ่มอังกฤษคนนี้ติดใจเพลงแนวนี้จากเฮาส์มิวสิคที่เขาฟังครั้งยังเด็ก จนตนเองกลายเป็นแฟนของ DEPECHE MODE และ PET SHOP BOYS ต่อมาจึงเริ่มเรียนเพียโน และศึกษาต่อในแนวทางที่ตนเองชอบ จนกลายมาเป็นคนทำเพลง มีผลงานเป็นที่รู้จักพอสมควร
เมื่อคนหนึ่งถนัดแนวอีเลคทรอนิคส์ แต่มาร่วมทำดนตรีกับนักแต่งเพลงแนวโฟล์คอังกฤษ งานที่ได้มันจึงเหมือนเอาเศร้ามาห่มคลุมด้วยอารมณ์ล่องลอย เพลงที่เคยเล่นด้วยเครื่องดนตรีน้อยชิ้น แค่กีตาร์กับคนร้อง มันจึงกลายเป็นทำนองของชีวิต ยามที่ต้องติดอยู่ในช่วงยากลำบาก อยากเดินไปข้างหน้าก็มาได้แค่ครึ่งก้าว จะถอยออกก็มองไม่เห็นทางที่เคยเข้า ง่วงก็อยากตื่น แต่ตื่นอยู่ก็เพลียอยากจะนอน
JOHN TAYLORS MONTH AWAY คือ หนึ่งในเพลงที่แทนภาพรวมของทั้งอัลบัม เป็นเพลงที่ใช้ภาษาสวยงามราวบทกวีที่มีเสียงกีตาร์เป็นหน้ากระดาษ แล้วมีเสียงสังเคราะห์แผ่วทุ้มเป็นคนจัดอาร์ทเวิร์ค ฟังแล้วนึกถึงนายจอห์น คนนั้น ซึ่งก็ไม่รู้ว่า จอห์น ไหน (ลำพังแค่ จอห์น เทย์เลอร์ ที่เป็นนักดนตรีมีชื่อเสียง ก็ไม่น้อยกว่า 10 คนแล้ว ยังไม่นับรวม จอห์น เทย์เลอร์ อื่นๆ อีกเป็นร้อย)
อย่างไรก็ตาม วันที่ จอห์น เริ่มเดินจากไป เดือนนั้นทั้งเดือนเหมือนเป็นเดือนที่ควรระลึกถึง นายจอห์น ของ KING CREOSOTE & JON HOPKINS เขาจะเป็นกะลาสี หรือลูกช่างเย็บผ้า พอมาเป็นคนในเพลงนี้ เขาก็ชวนให้เรานึกถึงชื่อของเราบ้างในวันเวลาที่ผ่านมา..
เรื่องโดย : กองบรรณาธิการ
ภาพโดย : -
นิตยสาร 409 ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2555
คอลัมน์ Online : แนะนำเพลง
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/87650