อีซูซุ คาราวานสัญจร

บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด จัดคาราวานท่องเที่ยว "อีซูซุ ซูเพอร์คอมมอนเรล คาราวานสัญจร เส้นทางที่ 4 ไทย-ลาว ประจำปี 2555 เพื่อขอบคุณลูกค้าและสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล ในการส่งเสริมการท่องเที่ยว คาราวานสัญจร ฯ เส้นทางที่ 4 ออกเดินทางจากโชว์รูม หจก. เฮียบหงวนมิลเลอร์ สาขาหนองคาย มีสมาชิกร่วมขบวนจำนวน 26 คัน โดย เอ สุกียามา ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายขายดีลเลอร์ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ธัญภา นิโครธานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. สำนักงานหนองคาย วิวัฒน์ เมธีวรรณกิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ร่วมตีธงปล่อยขบวนคาราวาน มุ่งหน้าสู่ด่านตรวจคนเข้าเมือง เพื่อผ่านพิธีการเข้าสู่ สปป.ลาว ผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 หลังจากเสร็จพิธีการ สิ่งแรกที่ขบวนคาราวานต้องปรับการเดินทาง คือ การขับรถชิดขวา เลี้ยวซ้ายก็ต้องชิดขวา มุ่งหน้าสู่เมืองโพนสะหวัน ซึ่งระหว่างทางจะมีฝนตกตลอดการเดินทาง หนักบ้างเบาบ้างสลับกันไป แต่ขบวนก็ผ่านพ้นมาได้ และแวะพักรับประทานอาหารกลางวันมื้อแรก ที่วังเวียง จากนั้นเดินทางต่อผ่านทางสุดคดโค้ง และขบวนก็ได้ทราบข่าวว่าบริเวณอำเภอากาสี มีดินถล่มขวางเส้นทาง รวมทั้งมีรถบรรทุกขนาดใหญ่ติดจอดขวางเส้นทางอยู่ แต่สุดท้ายก็เดินทางไปยังเมืองโพนสะหวัน จังหวัดเชียงขวาง อย่างปลอดภัยถึงแม้ว่าจะต้องเสียเวลาพักขบวนระหว่างทางเกือบ 3 ชั่วโมง เช้าวันแรกที่เมืองโพนสะหวัน จังหวัดเชียงขวาง อากาศเย็นสบาย ทิวทัศน์แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนนา พร้อมเก็บสัมภาระ ชบวนเริ่มทางต่อไปชมความมหัศจรรย์ของ ทุ่งไหหิน พื้นที่บริเวณนั้นประกอบด้วยไหหิน ที่มีขนาดต่างๆ กว่า 380 ใบ มีน้ำหนักมากที่สุดถึง 15 ตัน ซึ่งสันนิษฐานกันว่า เป็นไหหินโบราณที่สกัดมาจากหินทรายท้องถิ่นเพื่อไว้ใช้บรรจุศพในอดีต หรือไหหมักเหล้าของเจ้าเมืองสมัยก่อน นอกจากนี้ช่วงสงครามอินโดจีน ไหหินโดนระเบิดของสหรัฐอเมริกาเสียหายไปทั่วบริเวณ เป็นหลุมขนาดใหญ่ อีกทั้งบางส่วนยังไม่ได้เก็บกู้ระเบิด จึงไม่ควรเดินออกนอกเส้นทางที่กำหนด หลังจากปล่อยให้ขบวนคาราวานชื่นชมความงามของทุ่งไหหินเป็นที่จุใจแล้ว จึงเริ่มต้นเดินทางเพื่อตะลุยขุนเขากว่า 3,800 โค้ง สู่จุดหมายเมืองหลวงพระบาง เมืองมรดกโลกที่มีชื่อเสียง และยังเป็นสถานที่ที่ยังคงสถาปัตยกรรมดั้งเดิมอันงดงาม โดยมีไฮไลท์สำคัญด้านการท่องเที่ยว คือ พิธีตักบาตรข้าวเหนียว ตอนเช้า ประเพณีทางพุทธศาสนาของชาวหลวงพระบางที่ได้กลายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยว ที่จะมีพระภิกษุออกมาบิณฑบาตกว่า 300 รูป เป็นการปั้นข้าวเหนียวก้อนเล็ก ใส่ในบาตรพระสงฆ์ ส่วนอาหารคาวชาวบ้านจะนำไปถวายพระสงฆ์กันที่วัด ตักบาตรเสร็จ เปลี่ยนไปชม ตลาดเช้าหลวงพระบาง เพื่อชมวิถีชีวิตของชาวพื้นเมือง และเพื่อแวะชิมกาแฟโบราณประชานิยม แต่ไปถึงร้านก็ต้องผิดหวัง เพราะภายในร้านเนืองแน่นไปด้วยคนจำนวนมาก เลยต้องขอเปลี่ยนชื่อร้านเป็นไทยนิยมเลย เพราะภายในร้านมีแต่คนไทย รวมถึงจำนวนคนที่ยืนรอกันอีก หลังจากอิ่มท้อง ชบวนคาราวานเที่ยวชมตัวเมืองหลวงพระบาง อดีตราชธานีของอาณาจักรล้านช้างเกือบ 200 ปี เดืมชื่อ ศรีสัตนาคนหุตมะราชธานี ชมวัดเชียงทอง เป็นวัดคู่เมืองหลวงพระบาง ที่มีความงดงามจนได้รับการยกย่องจากนักโบราณคดีว่าเป็นดั่งอัญมณีแห่งสถาปัตยกรรมลาว สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช สมาชิกได้ขอพรจาก พระม่าน ซึ่งประดิษฐานอยู่ในโบสถ์ แต่ไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม มีเพียงช่องเล็กๆ ให้มองผ่านชมความงดงาม และขอพรอยู่ด้านนอกเท่านั้น ต่อด้วยเข้าชม พระราชวังหลวง หรือหอพิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง สถาปัตยกรรมผสมระหว่างฝรั่งเศสและลาว ซึ่งแต่เดิมเป็นพระราชวังหลวง ที่พำนักของเจ้ามหาชิวิต ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเครื่องใช้ของเจ้ามหาชีวิต และพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งเปิดให้ชมเพียงอย่างเดียว ห้ามถ่ายภาพ ชบวนคาราวานแวะรับประทานอาหารกลางวันท่ามกลางทะเลหมอกที่เย็นสบาย ก่อนเดินทางเข้าสู่เขตเมือง วังเวียง ที่มีผาตั้ง และแม่น้ำซอง เป็นสัญลักษณ์สลับกับผาหินปูนรูปร่างแปลกตา ไร่นาแบบขั้นบันได และป่าไม้นานาพันธุ์ตลอดเส้นทาง ก่อนจะเข้าที่พักในบรรยากาศริมแม่น้ำซอง พักผ่อนและเพลิดเพลินกับความงดงามของธรรมชาติที่มีหมอกปกคลุมตลอดทั้งปี จนได้รับการขนานนามว่า กุ้ยหลินแห่งเมืองลาว ก่อนอำลา สปป.ลาว ขบวนคาราวานเดินทางต่อไปยังเวียงจันทน์ แวะท่องเที่ยวชมประตูชัย อนุสรณ์สถานเพื่อระลึกถึงประชาชนลาวผู้เสียสละชีวิตในสงครามก่อนหน้าการปฏิวัติของพรรคคอมมิวนิตส์ และพระธาตุหลวง สัญลักษณ์ประจำชาติและยังแทนความเป็นเอกราชและอำนาจอธิปไตยของประเทศลาว ก่อนเดินทางกลับสู่ประเทศไทย