X
Driven
Driving Impression
Test Drive
Test Drive Data
New Cars
รถใหม่ในประเทศ
รถใหม่ต่างประเทศ
News
ข่าวรอบโลก
ข่าวสารยานยนต์
All Around
เครื่องเสียง/Gadgets
แต่งรถ
ดูแลรักษารถยนต์
สาระสะใจ
วาไรตี้ยานยนต์
สถิติยอดจำหน่ายรถยนต์
TV Programs
รายการ โลกรถยนต์
รายการ Carnatomy
รายการ พี่น้องลองรถ
รายการ เรื่องรถ…เรื่องง่าย
รายการ คุณลุงใจดี
About Autoinfo
About Us
Advertise With Us
Privacy Policy
Terms of use
Car Buyer's Guide
ติดตามเราได้ทาง
X
Popular search in Autoinfo
50,000+ contents and images from writers
#1
Deepal S07
Hilux Champ
BYD Seal
BYD
NETA
TATA
หัวชาร์จรถ EV
รถกระบะ
ยอดขายรถยนต์
ราคารถยนต์
รถ EV
เปิดตัวรถใหม่
วิธีไหว้แม่ย่านาง
ฤกษ์ออกรถใหม่
พ่วงแบทเตอรี
วิธีดูแลรักษารถยนต์
ต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์
เทคนิค(car)
1 Sep 2012
การใช้งานครอสส์โอเวอร์
ครอสส์โอเวอร์ เป็นอุปกรณ์สำหรับตัดแบ่งความถี่เสียงแต่ละย่านความถี่ (สูง/กลาง/ต่ำ) ให้กับระบบลำโพง (ทวีเตอร์/มิดเรนจ์/วูเฟอร์) มีอยู่ 2 ประเภท คือ พาสสีฟ ครอสส์โอเวอร์ (ไม่ต้องมีไฟเลี้ยง) และแอคทีฟ ครอสส์โอเวอร์ (ที่ใช้ไฟเลี้ยง) โดยหน้าที่การทำงานนั้นจะเหมือนกัน ภายในวงจรครอสส์โอเวอร์จะมีอุปกรณ์อยู่ 3 ประเภท คือ คาพาซิเตอร์ เป็นอุปกรณ์สำหรับกรองความถี่สูง ส่วนขดลวดจะทำหน้าที่กรองความถี่ต่ำ และรีซิสเตอร์ เป็นอุปกรณ์จำกัดการไหลของกระแส และความถี่ที่ไหลผ่าน สำหรับระบบสเตริโอในรถยนต์จะใช้รีซิสเตอร์อยู่ 2 ประเภท คือ ชนิดที่ทำด้วยเซรามิค และคาร์บอน ซึ่งชนิดที่ทำด้วยเซรามิคจะมีความเที่ยงตรงสูงกว่า (ค่าผิดพลาดประมาณ +/-1 ถึง 2 %) สำหรับคาพาซิเตอร์ที่ใช้ในวงจรครอสส์โอเวอร์มีอยู่ด้วยกัน 3 ชนิด คือ อีเลคทรอไลทิค (ELECTROLYTIC), ไมลาร์ (MYLAR), โพลีพโรไพลีน (POLYPROPYLENE) ซึ่งคาพาซิเตอร์แบบอีเลคทรอไลทิค ส่วนใหญ่จะใช้ในภาคจ่ายไฟ ภาคกรองกระแสไฟ แต่ในระดับออดิโอไฟล์ จะไม่นิยมใช้กัน เพราะทำให้เกิดการสูญเสียความถี่สูง และมีความเพี้ยน แต่ที่ยังเห็นใช้กันอยู่ในครอสส์โอเวอร์บางยี่ห้อ นั่นเป็นเพราะลดต้นทุนในการผลิต ซึ่งคาพาซิเตอร์ที่ใช้ในวงจรความถี่เสียง หรือระดับออดิโอไฟล์ จะเป็นคาพาซิเตอร์ชนิดไมลาร์ และโพลีพโรไพลีน เป็นส่วนใหญ่ ส่วนขดลวดที่ใช้ในวงจรครอสส์โอเวอร์ก็มีอยู่ 2 ชนิด คือ แบบมีแกน และแบบไม่มีแกน (AIR CORE) ส่วนขดลวดแบบมีแกน มักทำจากเฟอร์ไรท์ (FERRITE-แกนที่ทำด้วยผงเหล็กอัดผสมกับคาร์บอน) และทำจากเหล็ก (STEEL CORE) ซึ่งขดลวดทั้ง 2 ชนิด ต่างมีข้อดี และข้อเสีย อาทิเช่น การใช้งาน และต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ขดลวดแกนเฟอร์ไรท์ มีข้อจำกัดในเรื่องของปริมาณพลังงานแม่เหล็ก ซึ่งทำให้เกิดการดูดซับพลังงาน และทำให้ขดลวดเกิดการอิ่มตัว ทำให้เกิดความเพี้ยน เป็นต้น สำหรับขดลวดแบบแกนเหล็ก จะมีข้อดีกว่าขดลวดแกนเฟอร์ไรท์ คือ รับกำลังขับได้สูงกว่า ซึ่งทั้งหมดนี้ คือ อุปกรณ์ในวงจรครอสส์โอเวอร์ ที่สามารถเลือกใช้งานได้อย่างถูกต้อง และเหมาะสมกับงบประมาณด้วย ในด้านของการออกแบบวงจรครอสส์โอเวอร์ มีหลายชนิดที่เรียกกัน เช่น ออร์เดอร์ที่ 1 แบบ 6 ดีบี/ออคเทฟ, ออร์เดอร์ที่ 2 แบบ 12 ดีบี/ออคเทฟ, ออร์เดอร์ที่ 3 แบบ 18 ดีบี/ออคเทฟ และออร์เดอร์ที่ 4 แบบ 24 ดีบี/ออคเทฟ นอกจากนี้ยังมีแยกย่อยไปอีกว่าจะเลือกครอสส์โอเวอร์แบบไหน เป็นแบบ BUTTERWORTH หรือ LINKWITZ-RILAY ข้อสำคัญในการออกแบบครอสส์โอเวอร์ คือ การแมทชิงครอสส์โอเวอร์ให้เข้ากับลำโพง ตำแหน่งติดตั้งลำโพง สภาพอคูสติคภายในรถยนต์ เช่น การสะท้อนจากกระจก หรือการดูดซับโดยเบาะนั่ง รวมถึงการปรับแต่งด้วยการเพิ่ม/ลดความถี่ด้วยอีควอไลเซอร์ โดยใช้เครื่องวัดสเปคทรัมแถบความถี่ หรือเครื่อง RTA และการปรับทูนเสียงอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งจะต้องศึกษากันอย่างละเอียดในการออกแบบครอสส์โอเวอร์จะขึ้นอยู่กับลำโพงทั้งหมดในระบบ ถ้าเป็นลำโพงแยกชิ้นควรจะติดตั้งใกล้ชิดกัน ถ้าติดตั้งห่างกัน 2 หรือ 3 ฟุต จะเกิดความแตกต่างด้านระยะทาง และเวลาของสัญญาณที่เดินทางมาถึงคนฟัง ที่เรียกว่า PEAK และ VALLEYS (ยอด และหลุม) ในย่านความถี่ หรือที่เรียกกันว่า "เสียงโหว่" สำหรับการออกแบบเพื่อเลือกความถี่จุดตัด (CROSSOVER FREQUENCY) ให้กับลำโพงแต่ละตัว ยกตัวอย่างเช่น ลำโพง 3 ทาง ประกอบด้วย ทวีเตอร์ มิดเรนจ์ วูเฟอร์ การเลือกจุดตัดความถี่จะต้องพอดีกับลำโพงแต่ละตัว เช่น ลำโพงทวีเตอร์ยี่ห้อ A มีค่า FS หรือความถี่เรโซแนนศ์ ที่ 1,380 HZ ซึ่งเป็นการสั่นของดอกลำโพงที่เป็นธรรมชาติ และการเลือกจุดตัดความถี่ลำโพงทวีเตอร์ต่ำสุดควรจะเป็น 2 เท่า (2x) ของความถี่เรโซแนนศ์ (FS) หรือเท่ากับ 1,380x2 = 2,760 HZ นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับออร์เดอร์ของครอสส์โอเวอร์ที่ใช้ โดยมีคำแนะนำกันว่าต้องใช้ครอสส์โอเวอร์ที่มีออร์เดอร์สูงกว่า เช่นออร์เดอร์ที่ 3 หรือ 4 เพื่อไม่ให้ลำโพงเกิดความเสียหายจากสัญญาณความถี่ต่ำที่ระดับสูงๆ ถ้าไม่รู้ว่าจะต้องเลือกความถี่จุดตัดอย่างไรกับลำโพงที่มีอยู่ จำเป็นต้องตัดความถี่ข้ามขึ้นไปที่ 4,000 HZ สำหรับซอฟท์โดมทวีเตอร์ 1" และ 6,000 HZ สำหรับซูเพอร์ทวีเตอร์ที่ควรจะทำงานได้ดี โดยไม่เกิดความเสียหาย สำหรับลำโพงมิดเรนจ์จะขึ้นอยู่กับขนาดของดอกลำโพง ตัวอย่างเช่น ลำโพงมิดเรนจ์ 4" แนะนำจุดตัดความถี่ 3,300 HZ และ 5" ที่จุดตัดความถี่ 2,700 HZ และ 6" ที่ 570 HZ ซึ่งค่าที่แนะนำให้นี้ไม่ใช่ค่าตายตัวเสมอไป หรือควรจะใช้จุดตัดครอสส์โอเวอร์ที่สูงกว่าเล็กน้อย นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างที่ประกอบรวมกันด้วย เช่น ค่า T/S พารามิเตอร์ของลำโพง เพื่อเลือกจุดตัดความถี่ และประเภทออร์เดอร์ให้เหมาะสมกับลำโพงแต่ละดอก
อ่านต่อ
เรื่องโดย : กองบรรณาธิการ
ภาพโดย : อินเตอร์เนท
นิตยสาร 409 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2555
คอลัมน์ Online : เทคนิค(car)
ลิงค์สำหรับแชร์ :
https://autoinfo.co.th/article/87363
แชร์บทความ
Follow autoinfo.co.th
บทความแนะนำ คอลัมน์
เทคนิค(car)
เทคนิค(car)
3 Dec 2015
หาค่าความถี่ CABIN GAIN เพื่อความดังเสียงอัตโนมัติ
เทคนิค(car)
2 Nov 2015
ตู้ลำโพงแบบปิด และเปิด เลือกให้โดนหูตัวเอง
เทคนิค(car)
1 Oct 2015
อัพเกรดระบบไฟ ให้รถพลังเสียงประเภท SPL (จบ)
เทคนิค(car)
31 Aug 2015
อัพเกรดระบบไฟ ให้รถพลังเสียงประเภท SPL (ตอน 1)
เทคนิค(car)
3 Aug 2015
เพิ่มเสียงด้านหลังให้ระบบเสียงรถยนต์
เทคนิค(car)
30 Jun 2015
ติดตั้งลำโพงเซนเตอร์ เพิ่มเสียงกลางให้ชุด OEM
เทคนิค(car)
2 Jun 2015
สเปคของแอมพ์
ดูต่อในคอลัมน์ เทคนิค(car)