โค้งอันตราย
ทุบสถิติ
วงการยานยนต์ เตรียมทุบสถิติยอดขายในปีนี้ ด้วยตัวเลขกว่า 1,200,000 คัน หลังจากเพียงครึ่งปีแรก ขายกันทั้งตลาด 600,537 คัน เพิ่มขึ้น 39.0 % หากว่าครึ่งปีหลัง ไม่มีอุปสรรคต่างๆ นานา เข้ามาขวาง เราจะได้เห็นสถิติการขายรถยนต์ที่มากที่สุด นับแต่มีรถยนต์วิ่งในประเทศไทย กว่า 50 ปี เป็นต้นมาความต้องการของตลาดรถยนต์ในประเทศที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลจากนโยบายสนับสนุนของภาครัฐ ประกอบกับกำลังการผลิตของโรงงานผลิตรถยนต์ต่างๆ เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติและเริ่มเพิ่มขึ้น ทั้งจากการขายในประเทศ และการส่งออก โดยเฉพาะการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เดือนที่ผ่านมา ส่งออกได้ 94,727 คัน สูงสุดในรอบ 25 ปี นับตั้งแต่มีการส่งออกเมื่อปี 2531 มูลค่าการส่งออก 46,356.92 ล้านคัน ถ้านับรวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนมกราคม-มิถุนายน 2555 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 323,273.23 ล้านบาท ที่ค่ายรถยนต์สามารถนำเงินตราเข้าประเทศมา นั่นเป็นส่วนดี เป็นข่าวที่ใครๆ ก็ชอบ ใครๆ ก็อยากได้ยิน แต่ข่าวที่ไม่ค่อยอยากได้ยิน ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการผลิต การขายของบ้านเรา แต่เป็นข่าวที่ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ร่วมกับตัวแทนผู้บริโภค ที่ถูกฟ้องทางคดีเมื่อใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย ออกมาแถลงข่าว "เมื่อผู้บริโภคใช้สิทธิตามกฎหมายแล้วถูกฟ้องคดี เพื่อเผยแพร่ข้อเท็จจริง ปัญหาและความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับผู้บริโภค เมื่อใช้สิทธิร้องเรียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผลที่เกิดจากการใช้สิทธิโดยสุจริตแล้วถูกฟ้องร้องทางคดี ก็เป็นเรื่องของค่ายรถที่นำรถตู้จากเมืองจีน เข้ามาขายเมืองไทย คนที่ซื้อไปใช้แล้ว ประสบปัญหาเรื่องความชำรุดบกพร่องของรถมากมาย จนต้องเข้าร้องเรียนกับ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กลับถูกฟ้องร้อง ในข้อหา หมิ่นประมาทจากการโฆษณา รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของผู้บริโภค ก็โดนข้อหาแจ้งความเท็จเข้าด้วย คดีนี้ยังไม่สิ้นสุด แต่ผู้เสียหาย ก็ออกมาแถลงข่าว เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมเรียกร้องอยู่หลายข้อ ก็ต้องว่ากันไป ที่นี่คงให้ความเห็นอะไรไม่ได้ แต่ก็ยังอยากเตือนผู้ที่จะเลือกซื้อรถยนต์ไปใช้งาน ต้องเลือกให้ตรงกับความประสงค์ของตนเอง และหาข้อมูล ปรึกษาผู้รู้ หรือลองติดตามฟังรายการทางวิทยุ ที่มีผู้จัดกันมากมายหลายคลื่น อย่ารีบร้อนในการซื้อรถ เลือกกันให้ดี ถามให้หายข้องใจในทุกประเด็น ในชุมชนของโลกไซเบอร์ อินเตอร์เนท ก็มีข้อมูลมากมาย ลองค้นหาดูให้ดีเสียก่อน จะได้ไม่ต้องมาช้ำใจในภายหลัง หรือเป็นเรื่องเป็นราว ออกข่าวกันมากมายอย่างนี้ ลองโทร. เข้ามาคุยกับกอง บก. ที่นี่ดูก็ได้ หากต้องการได้ความรู้อย่างแท้จริง เรายินดีรับใช้ ไปคุยเรื่องอื่นกันบ้าง เรื่องเด็ด วาระเด็ด หนนี้ หนีไม่พ้นเรื่องที่ ได้แก่ กระทรวงการคลัง เตรียมเสนอ ครม. ให้พิจารณาปรับเงื่อนไขการซื้อรถยนต์คันแรก โดยได้รับคืนภาษีสรรพสามิตรถยนต์สูงสุด 1 แสนบาท ให้ยืดเวลาซื้อรถยนต์คันแรกได้จนถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2555 และยืดระยะเวลาการรับรถออกไปไม่มีกำหนด เนื่องจากผู้ประกอบการผลิตรถส่งให้ลูกค้าไม่ทัน แต่ล่าสุด ถูกดึงเรื่องออกไป ไม่ได้เข้าพิจารณา ทั้งๆ ที่ผ่านมา ก็มีความชัดเจนแล้วว่า การขยายเวลาโครงการรถยนต์คันแรก จะขยายเวลาในการส่งมอบเท่านั้น ส่วนเงื่อนไขอื่นยังเหมือนเดิม คือ ต้องซื้อรถภายในปีนี้ และได้คืนเงินไม่เกิน 1 แสนบาท หลังจากซื้อรถไปแล้ว 1 ปี มาตรการรถคันแรก เป็นโครงการประชานิยม ที่เป็นการดึงเงินในอนาคตมาใช้ ซึ่งวันนี้มาตรการนี้มีส่วนเร่งให้ยอดการขายรถพุ่งสูง แต่หลังจากหมดมาตรการ ธุรกิจขายรถยนต์ก็อาจตกอยู่ในสภาพซบเซา เพราะมีการเร่งซื้อรถไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าออกมาคาดการณ์ หรืออธิบายให้ประชาชนได้รับทราบ หรือว่าใครกำลังเล่นกำลังภายในกันอยู่เอ่ย แอบรู้มานะเนี่ย อีกเรื่องหนึ่ง นี่เข้าข่ายหาเสียงหรือเปล่าหว่า กำหนดให้ขยายเวลา การปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกินร้อยละ 0.005 โดยน้ำหนัก ในอัตราภาษี 0.005 บาท/ลิตร และน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซล ประเภทเมธิลเอสเตอร์ของเกรดไขมันผสมอยู่ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 4 ในอัตราภาษี 0.005 บาทต่อลิตร ออกไปอีก 1 เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2555 ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2555 อีกเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องดีใจจาก คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เมื่อท่านบอกว่า เรื่องของ อีโคคาร์ มีผู้ยื่นเรื่องทั้งสิ้น 6 ค่าย มูลค่าการลงทุนเบื้องต้นกว่า 43,440 ล้านบาท ที่ตอนนี้ออกสู่ตลาดแล้ว 4 ยี่ห้อ ยังเหลือ ค่าย โตโยตา ที่กำลังสร้างโรงงานใหม่อยู่ ส่วน ทาทา คาดว่า คงโบกมือลาไปเรียบร้อยแล้ว ล่าสุด มิตซูบิชิ ขอเพิ่มการลงทุนจากการผลิต 100,000 คัน เป็น 200,000 คัน เพิ่มการลงทุนจากเดิม 7,000 ล้านบาทเป็น 15,000 ล้านบาท โดยล่าสุด ส่งกลับไปขายในญี่ปุ่นแล้ว และจะส่งไปยุโรป ออสเตรเลียและอเมริกาเหนือ อีกด้วย แถมยังมีรายงานข่าวจาก เรอโนลต์ ฝรั่งเศสว่า เรอโนลต์ อาจใช้ฐานการผลิตของนิสสัน ในไทย ผลิต เรอโนลต์ กลีโอ 4 เนื่องจาก นิสสัน มีความพร้อมด้านชิ้นส่วน ซึ่งเท่ากับเป็นการกลับมาสู่ตลาดประเทศไทยอีกครั้งของ เรอโนลต์ และ กลีโอ 4 หรือ อีโคคาร์ อีกรุ่นหนึ่ง ก็แสดงว่า ประเทศไทย ยังคงเนื้อหอม มีค่ายรถยนต์คอยเล็งอยู่ไม่เลิก เพราะฐานการผลิตของเรา มีพร้อมทั้งชิ้นส่วนหลากชนิด ก็ต้องคอยดูว่า เมื่อเปิดประชาคมอาเซียน แล้ว ไทย จะเป็นเจ้าด้านรถยนต์ได้หรือไม่ อีกไม่นานเกินรอ แต่ตอนนี้ขอตัวไปฝึกภาษาต่างประเทศก่อนนะครับ เพราะท่านว่า พอเปิดประชาคมอาเซียนแล้ว เราต้องสามารถสื่อสารกับเพื่อนบ้านได้รู้เรื่อง กระผมเองก็พอรู้ภาษาต่างประเทศอยู่เพียงเล็กน้อย แต่ภาษาลาวยังไม่แตกฉานดี รู้จักแค่ น้ำตก ส้มตำ แกงเห็ด ต้องขอตัวไปเรียนภาษาอย่างจริงจังเสียที จะได้ไม่ตกยุคไงครับ
เรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2555
คอลัมน์ Online : โค้งอันตราย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/87235