สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
พิทักษ์ พฤทธิสาริกร
มหาอุทกภัยเมื่อปีที่ผ่านมา ฮอนดา ถือว่าเป็นบริษัทรถยนต์ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด แต่ด้วยความตั้งใจและยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ทำให้วันนี้ ฮอนดา สามารถกลับมายืนที่จุดเดิมได้ และพร้อมสร้างสรรค์เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำหน้าต่อไป "ฟอร์มูลา" สัมภาษณ์ พิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัดฟอร์มูลา : คุณมองภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ปีนี้จะเป็นอย่างไร ? พิทักษ์ : อุตสาหกรรมยานยนต์ปีนี้ นับว่าเติบโตมาก ซึ่งหากมองตลาดรวมปีที่แล้วไม่ถึง 8 แสน แต่สำหรับปีนี้ตลาดน่าจะเกิน 1 ล้านคัน โดยหากมองที่ตลาดช่วง 5 เดือนแรก ต้นปีไม่ถึงแสน เนื่องจากมีเรื่องของอะไหล่ แต่เมื่อตลาดเริ่มปกติก็จะทำให้เติบโตอย่างแน่นอน ซึ่งมาจากหลายเหตุผล คือ การอั้นจากดีมานต์เมื่อปลายปีที่แล้ว มีออร์เดอร์ค้างอยู่ นโยบายรถคันแรกช่วยกระตุ้นตลาดเป็นอย่างดี ทำให้ตลาดเติบโต แต่จะเกินมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับซัพพลายของผู้ผลิตแต่ละราย ตลาดส่งออกก็ไม่ได้แย่มากนัก เพียงแต่ว่าหลายผู้ผลิต จะต้องนำการผลิตมาส่งเสริมตลาดในประเทศก่อน ฟอร์มูลา : ฮอนดา วางแผนป้องกันเหตุการณ์น้ำท่วมหนักอย่างไรบ้าง ? พิทักษ์ : ช่วงน้ำท่วม บริษัท ฯ ป้องกันอย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากปริมาณน้ำที่มานั้นมีปริมาณมากเกินกว่าที่จะรับมือได้ ไม่สามารถป้องกันโรงงานไว้ได้ และน้ำท่วมเป็นระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งหลังจากน้ำท่วมแล้วต้องเปลี่ยนเป็นแผนฟื้นฟู โดยเริ่มต้นการวางแผนเรื่องเครื่องจักร พอน้ำลงก็ระดมกำลังทั้งหมด ช่วยกันทำงานอย่างเต็มที่ 24 ชม. สุดท้ายก็กลับมาผลิตได้ตามปกติ ความสำเร็จครั้งนี้ ได้รับความร่วมือเป็นอย่างดีจากเครือข่าย ซัพพลายเออร์ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ภาครัฐได้ให้การช่วยเหลืออย่างมากในเรื่องการนำเข้าเครื่องจักร ที่กระบวนการขั้นตอนต่างๆ ดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้งานดำเนินได้อย่างรวดเร็วตามไปด้วย จากการร่วมแรงร่วมใจครั้งนี้ ทำให้เกิดความเห็นใจ ส่งผลให้งานสำเร็จ สร้างความแข็งแกร่งและความเหนียวแน่นมากยิ่งขึ้น ฟอร์มูลา : ใช้งบประมาณในการฟื้นฟูมากน้อยเพียงไร ? พิทักษ์ : การลงทุนในการฟื้นฟูครั้งนี้ ใช้งบประมาณจำนวนมาก เพราะเครื่องจักรต้องเปลี่ยนเกือบทั้งหมด ทั้ง 2 โรงงาน ซึ่งมองย้อนไปหากสร้างโรงงานขึ้นแห่งหนึ่ง ต้องใช้เงินลงทุนสูงมาก โดยสูงกว่าราคาที่ดินด้วยซ้ำ แต่เงินส่วนใหญ่ได้จากการประกัน จะมีบ้างก็ตรงที่ต้องการความรวดเร็ว ทำให้ไม่สามารถรอได้ เพราะมีบางส่วนที่สามารถซ่อมแซมได้ แต่ไม่อาจรอได้เพราะต้องใช้เวลา จึงตัดสินใจเปลี่ยน เพราะสิ่งสำคัญต้องรีบทำให้โรงงานกลับมาผลิตให้ได้เร็วที่สุด เพื่อผลิตรถส่งมอบให้แก่ลูกค้าอย่างเร็วที่สุดด้วย ฟอร์มูลา : คุณวางแผนไว้อย่างไร หากมีเหตุการณ์อุทกภัยเกิดขึ้นอีก ? พิทักษ์ : การวางแผนป้องกันขณะนี้ ในส่วนของนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ รัฐบาลได้สนับสนุนการทำเขื่อนรอบนิคม ฯ ที่ระดับสูงกว่าน้ำทะเล 6 เมตร ซึ่งถ้าระดับน้ำมากเท่ากับปีที่แล้ว ยังสามารถรับได้อย่างสบาย ส่วนการสร้างกำแพงรอบนิคม ฯ ครั้งนี้แข็งแรงพอสมควร เนื่องจากได้มีการสร้างเชื่อนโดยฝังกำแพงลงไปในพื้นดิน 2 เมตร เพื่อกันน้ำจากใต้ดิน เมื่อดำเนินการสร้างเสริจจะมีกำแพงสูงขึ้นเป็นรั้วประมาณ 1 เมตร ซึ่งหากมีน้ำท่วมอีกครั้งหนึ่งก็ไม่สามารถมุดดินขึ้นมาได้ ซึ่งมั่นใจหากระดับน้ำเท่ากับปีที่แล้ว เขื่อนก็สามารถรับได้ อีกอย่างหนึ่ง ผมเชื่อว่าในระยะสั้น ระดับน้ำในปริมาณที่เท่ากับปีที่แล้ว หรือสูงกว่าไม่ควรที่จะเกิดขึ้นอีก ซึ่งหากเกิด ต้องมีปัจจัยหลายด้านจริงๆ จึงจะเกิดขึ้นเหมือนปีที่แล้ว และปัจจุบันภาครัฐได้เข้าใจ และตระหนักถึงจุดนี้อย่างดีว่า การดำเนินการแก้ไขเรื่องต่างๆ รัฐบาลจะมีการตัดสินใจแบบเป็นศูนย์รวมมาจากที่เดียว เพื่อให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชน และคนที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ อีกทั้งยังได้เตรียมแผนการป้องกันเรื่องของการขุดลอกคูคลอง ทำถนนให้สูงขึ้น สร้างเชื่อนดิน สิ่งเหล่านี้จะช่วยรับมือกับน้ำได้อย่างแน่นอน และปริมาณน้ำก็จะไม่มากเหมือนปีที่แล้ว เพราะนั่นคือ การเดิมพันความเชื่อมั่นของประเทศ สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ ถือว่าเป็นครั้งแรก ทำให้เกิดความเห็นใจจากนักลงทุนต่างประเทศ ที่ยังคงให้ความเชื่อมั่นในการลงทุนต่อ ตัวอย่างเช่น นักลงทุนญี่ปุ่นให้โอกาสประเทศไทยในการไม่ย้ายฐานการลงทุน ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องตระหนักว่า เหตุการณ์ดังกล่าวจะต้องไม่เกิดขึ้น เพื่อเรียกคืนความเชื่อมั่นกลับมาได้ ทำให้การบริหารน้ำปัจจุบันขาด เพราะแล้งยังดีกว่าน้ำท่วม ทำให้ไม่มีความกังวล ฟอร์มูลา : ฮอนดา ยืนยันหรือไม่ เรื่องการย้ายฐานการผลิตจากประเทศไทย ? พิทักษ์ : ฮอนดา ยังยืนยันว่าจะไม่ย้ายฐานการผลิตจากประเทศไทย ไปยังประเทศอื่น เพราะอย่างไรก็ตาม ฮอนดา เติบโตมาจนถึงปัจจุบัน แสดงให้เห็นว่าลูกค้าให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นลูกค้ารถจักรยานยนต์ เครื่องยนต์อเนกประสงค์ และรถยนต์ ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีพื้นฐานปัจจัยอุตสาหกรรมยานยนต์ที่แข็งแรง รวมถึงรัฐบาลตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ให้การสนับสนุนเรื่องอุตสาหกรรมยานยนต์ ทำให้มีความแข็งแรงในเรื่องของผู้ผลิตชิ้นส่วน ปัจจุบันผู้ผลิตรถยนต์เกือบทุกยี่ห้อ ใช้ไทยเป็นฐานการผลิต และส่งออก สำหรับ ฮอนดา อยู่มานานกว่า 48 ปี ไม่คิดที่จะย้ายฐานการผลิตไปจากประเทศไทย และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แต่สำหรับตลาดในกลุ่มอาเซียนเห็นได้ชัดเจนว่า มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการลงทุนและการขยายการผลิตจากประเทศอื่นๆ จำเป็นต้องมีเพื่อรองรับตลาดที่เติบโตขึ้น ตัวอย่างเช่น ฮอนดา ประกาศเพิ่มกำลังการผลิตที่ประเทศอินโดนีเซีย จนทำให้เกิดกระแสการย้ายฐานการผลิตจากประเทศไทยไปอินโดนีเซีย ซึ่งความเป็นจริงแล้ว การเพิ่มกำลังการผลิตที่อินโดนีเซีย เป็นการขยายการเติบโตของตลาด ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยแต่อย่างใด ส่วนประเทศไทย แผนการขยายกำลังการผลิตก็ยังคงมีอยู่เหมือนเดิม เพราะที่ผ่านมา ได้มีการลงทุนตลอดเวลา เนื่องจากการลงทุนเป็นการขยายที่เหมาะสมกับตลาด ฟอร์มูลา : แผนการลงทุนเพิ่มของ ฮอนดา เป็นอย่างไร ? พิทักษ์ : การลงทุนเพิ่มของ ฮอนดา มีอย่างแน่นอน แต่ปัจจุบันหลังจากฟื้นฟู ฮอนดา เน้นที่การเริ่มต้นกลับมาทำให้โรงงานผลิตเต็มศักยภาพ ซึ่งปีนี้ก็ถือว่าผลิตเต็มที่แล้ว หากตลาดมีการขยายเติบโต นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่งของอนาคตที่จะดำเนินการ แต่ขณะนี้ยังไม่มีแผนชัดเจน แต่ทิศทางและนโยบายมีแผนการขยายการลงทุนเพิ่มขึ้นในประเทศอย่างแน่นอน ฟอร์มูลา : หลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมหนัก และฮอนดา ได้รับผลกระทบมากที่สุด แต่กลับพลิกฟื้นสถานการณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณคิดว่าปีนี้ ผลการดำเนินงานของบริษัท ฯ จะเป็นอย่างไร ? พิทักษ์ : ฮอนดา ได้เริ่มเดินหน้าการผลิต เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2555 ภายหลังจากต้องหยุดการผลิตไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2554 ซึ่งเป็นการฟื้นฟูที่เร็วมาก ใช้เวลาเพียงแค่ 3 เดือนกว่า สามารถกลับมาผลิตได้อย่างดี เริ่มต้นด้วยการผลิต 1,000 คัน/วัน โดยจะสามารถผลิตได้ถึง 240,000 คัน/ปี ซึ่งได้เร่งการผลิตอย่างเต็มที่ ทั้งในการเพิ่มกะ และการทำโอที น่าจะเพิ่มได้อีกประมาณ 20,000-30,000 คัน แต่บริษัท ฯ ได้เริ่มผลิตเต็มที่ปีนี้เพียง 9 เดือน ดังนั้นคาดว่ายอดขายน่าจะไม่ต่ำกว่า 150,000 คัน ซึ่งมากกว่ายอดขายทั้งปีของปีที่แล้วเกือบเท่าตัว ทั้งนี้เนื่องจากมียอดค้างส่งของลูกค้าจากปีที่แล้ว และยังได้รับผลกระทบจากอุทกภัยอีก ส่วนยอดส่งออกปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 9,000 คัน ปีที่แล้วส่งออก 7,000 คัน ฟอร์มูลา : ฮอนดา มียอดค้างส่งรถลูกค้ามากน้อยเพียงใด ? พิทักษ์ : ก่อนที่จะมีเหตุการณ์น้ำท่วม รัฐบาลได้ประกาศนโยบายรถยนต์คันแรก เพื่อกระตุ้นตลาด แต่หลังจากนั้นเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม ซึ่งรวมเวลาของน้ำท่วมและการฟื้นฟูแล้ว ฮอนดา มียอดค้างส่งลูกค้าในช่วงแรกอยู่ประมาณ 5-6 เดือน หลังการฟื้นฟู ฮอนดา จึงเร่งผลิตเพื่อส่งมอบรถยนต์ให้ทันต่อความต้องการของลูกค้า ส่วนเรื่องของรถยนต์คันแรก ฮอนดา มองว่ารัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องขยายเวลาในการส่งมอบจากเดิม ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 นี้ออกไป เนื่องจากจะเป็นทิศทางที่ดีในการแก้ปัญหาเรื่องการส่งมอบรถให้เบาบางลง ไม่เกิดการขัดแย้ง และทำให้โครงการนี้ ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย และจะไม่มีการขัดแย้งในตอนปลาย ซึ่งการชดเชยขยายเวลาเป็นการสอดคล้องทั้งเหตุและผล ที่รัฐบาลต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่สุดท้ายผู้บริโภคจะเป็นผู้ตัดสิน สำหรับ ฮอนดา ทำการผลิตอย่างเต็มที่ แต่ถึงอย่างไรกำลังการผลิตก็มีจำกัด ผลิตเต็มกำลังทั้งหมดก็ไม่เพียงพอต้องใช้โควตาต่างประเทศมาผลิตให้แก่ลูกค้าคนไทย ซึ่งปีนี้ทุกยี่ห้อประสบปัญหาในการส่งมอบรถไม่ทัน แต่ต้องลงทุนเพื่อปีนี้ แล้วปีหน้าว่างเป็นการใช้โรงงานอย่างไม่มีประสิทธิภาพ สำหรับ ฮอนดา รถแต่ละรุ่น การรอใช้เวลาแตกต่างกัน รุ่นที่รอนานมากที่สุดคือ ซิที เพราะเป็นรถยอดนิยมที่มีสัดส่วนการขายจากยอดขายรวมอยู่เกือบ 40 % ส่วน ซีวิค ใหม่ เป็นรถที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ ประหยัดพลังงาน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่ใช้น้ำมัน อี 85 ทำให้มีราคาจำหน่ายที่ถูกลงจากผลประโยชน์ทางภาษี และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าเช่นกัน ด้านรถยนต์นำเข้าโครงการพิเศษทางภาษี ที่บริษัท ฯ นำเข้ามาจำหน่ายนั้น มีจำนวนไม่มาก เนื่องจากบริษัท ฯ เน้นรถที่ผลิตในประเทศ ซึ่งการนำเข้ามาจำหน่ายเป็นการแก้ไขสถานการณ์ให้ผู้แทนจำหน่ายกว่า 150 แห่ง มีรายได้ ช่วงที่ไม่มีสินค้าจำหน่าย ซึ่งก็นำเข้ามาเป็นจำนวนน้อยมาก ไม่ถึง 6,000 คัน ฟอร์มูลา : แผนการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ มีการเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงไร ? พิทักษ์ : แผนการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่นั้น ไม่ได้ล่าช้าไปมากนัก ยกตัวอย่าง ซีวิค ใหม่ ที่แผนงานเดิมจะแนะนำช่วงปีที่แล้ว แต่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วม จึงได้เลื่อนมาเปิดตัวเมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่สำหรับรถรุ่นอื่น ที่จะแนะนำใหม่ต่อจากนี้ไม่มีการเลื่อนจากแผนเดิมมากนัก ซึ่งหลังจากนี้ไป จะมีรถยนต์รุ่นใหม่แนะนำออกสู่ตลาดอีกหลายรุ่น ตามแผนเดิมของ ฮอนดา ฟอร์มูลา : ปัจจุบัน ฮอนดา มีโชว์รูมและศูนย์บริการกี่แห่ง และมีลูกค้าได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมมากน้อยเพียงไร ? พิทักษ์ : ปัจจจุบันมีโชว์รูม พร้อมศูนย์บริการ 159 แห่ง ตั้งเป้าในปี 2556 จะเพิ่มเป็น 200 แห่ง โดยโชว์รูมและศูนย์บริการของ ฮอนดา ไม่ได้รับผลประทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมเท่าไร ฟอร์มูลา : คุณมองว่า ฮอนดา จากอดีตถึงปัจจุบัน มีการเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใด ? พิทักษ์ : นโยบายหลักของ ฮอนดา ไม่เปลี่ยนแปลง คือ เน้นการสร้างความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลัก นโยบายต่อสังคมต้องการเป็นบริษัทที่สังคมต้องการ หมายความว่า เป็นบริษัทที่ดี คืนกำไรให้สังคม จริงใจต่อลูกค้า และสังคม หลักการไม่เปลี่ยน ส่วนด้านองค์กร มีการปรับปรุงอยู่เสมอ เวลาเกิดปัญหา ก็ใช้ประโยชน์ของปัญหามาเรียนรู้เพื่อปรับปรุงให้ดีขึ้น เมื่อเกิดปัญหาเราแก้ไข และไม่ได้แก้ให้ผ่านไป ระหว่างแก้ไขก็คำนึงอยู่เสมอ ว่าจะแข็งแกร่งขึ้นกับปัญหานั้นอย่างไร ตัวอย่างปัญหาเรื่องของน้ำท่วม บริษัท ฯ ได้ชี้แจงแก่พนักงานว่ายิ่งใหญ่ แต่จะฟันฝ่าไปให้ได้ และเมื่อเวลาผ่านไปปัญหาถูกคลี่คลาย จากปัญหาทำให้แต่ละคนได้ประสบการณ์ใหม่ แนวคิดใหม่ เป็นช่วงเวลาของการเรียนรู้ หากไม่เรียนรู้ อยู่เฉยๆ ก็จะเสียเปรียบ ซึ่งจุดนี้ผมสัมผัสได้ด้วยตัวเอง ว่าการแก้ไขปัญหา ทำให้ตัวผมและองค์กรแข็งแกร่งขึ้น ใช้วิกฤตเป็นโอกาสได้อย่างเต็มที่ และเมื่อองค์กรแข็งแรง ความมั่นใจในสิ่งต่างๆ ก็จะเกิดขึ้น ฟอร์มูลา : ผู้บริโภคให้ความมั่นใจมากน้อยเพียงไร ? พิทักษ์ : ช่วงน้ำท่วมมีลูกค้าจองรถอยู่ตลอด ฮอนดา ให้ความสำคัญเรื่องการสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภคว่าจะอยู่ในเมืองไทยต่อไป ถึงแม้ว่าจะได้รับผลกระทบ และบริษัท ฯ มีแนวทางการดำเนินงานด้วยการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประเทศไทย ด้วยการยึดมั่นโดยการประกาศว่าจะอยู่ในเมืองไทยต่อไป เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ในขณะที่หวั่นไหว หรือกังวลใจเรื่องคุณภาพของรถที่จมน้ำ ฮอนดา ก็สร้างความมั่นใจด้วยการทำลายรถให้เห็น ซึ่งความสนใจของสื่อเป็นตัวสะท้อนอย่างดีว่า เป็นความสนใจของสังคม การทำอย่างไรให้เกิดความมั่นใจ และทำให้เห็นว่าทำลายอย่างไร มีมาตรฐานตามหลักสากล นอกจากนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าได้เห็นชัดยิ่งขึ้น บริษัท ฯ ได้บริจาคเงิน 100 ล้านบาทแก่สภากาชาดไทย และจัดตั้งกองทุน ฮอนดา เคียงข้างไทย ภายใต้การดำเนินงานของ มูลนิธิฮอนด้า ประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมในการมอบความช่วยเหลือฉุกเฉิน ยามที่ประเทศไทยอาจเกิดเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยมอบเงินสมทบ 1,000 บาท ต่อการขายรถยนต์ 1 คัน 100 บาท ต่อการขายรถจักรยานยนต์ 1 คัน และ 10 บาทต่อการขายเครื่องยนต์อเนกประสงค์ 1 เครื่อง ซึ่งคาดว่าปีแรกจะมีเงินสมทบเข้ากองทุนประมาณ 300 ล้านบาท และภายหลังจากการช่วยเหลือสังคมอย่างต่อเนื่อง จะมียอดสะสมสูงสุดที่ 1,000 ล้านบาท สิ่งที่ ฮอนดา บริหารและตัดสินใจดำเนินการครั้งนี้ ถือว่าเป็นการมองปัญหาและเสียงสะท้อน นำมาวิเคราะห์ตอบสนองการคลี่คลายปัญหาต่างๆ จนสำเร็จ ฟอร์มูลา : คุณมองว่าทิศทางของอุตสาหกรรมรถยนต์ในปีหน้า จะเป็นอย่างไร ? พิทักษ์ : ยอดขายปีหน้าคงจะเติบโตกว่าปีนี้ยาก เนื่องจากปีนี้การเติบโตของตลาดรวมเป็นการนำความต้องการของอนาคตมาสร้างให้ตลาดเติบโตอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามการเติบโตพื้นฐานของเศรษฐกิจ จะชดเชยความต้องการที่ใช้ไปก่อนล่วงหน้า โดยพยายามไม่ให้ตกไปกว่าปีนี้ แต่คงไม่เติบโตเหมือนกับปีนี้
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2555
คอลัมน์ Online : สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/87220