ชีวิตอิสระ(4wheels)
ลุยเพชรบูรณ์-พิษณุโลก
หลายครั้งที่ผมเข้าร่วมการเดินทางในรูปแบบคาราวานรถยนต์ กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และนี่ก็เป็นครั้งล่าสุด มีจุดหมายอยู่ที่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง
เส้นทางของทริพถูกเจาะจงไปที่ จ. เพชรบูรณ์ และพิษณุโลก ซึ่งผมอยากกลับไป "ล้างตา" อีกครั้ง เพราะเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา เคยได้ไปเยือน แต่ด้วยเวลาเพียงน้อยนิด จึงยังไม่ถึงใจนักเดินทางอย่างผมสักเท่าไร ครั้งนี้ ททท. จัดเต็มทุกขั้นตอนและทุกรายละเอียดอย่างที่ว่า...คุ้มเกินคุ้ม
เดินทางสบายด้วยรถในฝัน
กับ ฮันเด เอช-1 เอมพีวีระดับพรีเมียม
เริ่มต้นการเดินทางด้วยพาหนะที่จะอยู่คู่กายตลอดทริพ ครั้งนี้ผมได้ขับเอมพีวีระดับพรีเมียมที่หลายคนอยากลอง นั่นคือ ฮันเด เอช-1 รถตู้อเนกประสงค์ เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.5 ลิตร 174 แรงม้า ตกแต่งภายในแบบวีไอพี พร้อมระบบความบันเทิงเต็มสูตร ซึ่งผู้จัดงานได้รับการสนับสนุนมาจาก บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ผมใฝ่ฝันมานานว่าจะได้ลองขับเจ้ายักษ์สมรรถนะสูงคันนี้ ความรู้สึกที่ได้เป็นไปตามคาด ขับสนุกและสมรรถนะเกินตัวจริงๆ
เราใช้เส้นทางกรุงเทพ ฯ-เพชรบูรณ์-พิษณุโลก รวมระยะทางไปกลับกว่า 700 กม. จากจุดสตาร์ทบริเวณ อ. คลองหลวง จ. ปทุมธานี หลังจากขับขี่กันมากว่า 3 ชม. พวกเราได้มาพักที่ ไร่กำนันจุล จุดแวะซื้อของฝากชื่อดังของ จ. เพชรบูรณ์ ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยัง "โฆษิตฮิลล์" โรงแรมใหญ่กลางเมืองเพชรบูรณ์ เพื่อรับประทานอาหารกลางวัน
ขุดแห้วกับแมงกระพรุนน้ำจืด
ที่แก่งบางระจัน บ้านหนองแม่นา
หลังจากเติมพลังให้ร่างกาย คณะของเราเดินทางเพื่อหมายชม "แมงกระพรุนน้ำจืด" ที่มีแห่งเดียวในประเทศ ในสายน้ำของลำน้ำเข็ก และจะชุกชุมบริเวณแก่งบางระจัน แถบบ้านหนองแม่นา ใกล้กับอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ใน จ. เพชรบูรณ์ พอมาถึงจุดนี้ รูปแบบการเดินทางจากรถ ถูกเปลี่ยนเป็นเรือแจว โดยชาวบ้านอาสาเป็นฝีพายพาไปชมยังแหล่งที่อยู่อาศัยของพวกมัน
เรือแจวประมาณ 10 ลำ พาเราไปพบกับแมงกระพรุนตัวน้อยซึ่งหาชมได้ยาก...ขอย้ำว่าหาชมได้ยากจริงๆ เพราะระหว่างการเดินทางได้มีการซักถามจากชาวบ้านที่รับหน้าที่เป็นไกด์ ได้ให้ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับแมงกระพรุนน้ำจืด พร้อมออกตัวว่า "จริงๆ แล้วแมงกระพรุนมีอยู่ทั่วสายน้ำ แต่วันนี้ฝนตก คงไม่มีแมงกระพรุนลอยมาให้เห็นเป็นแน่ มันจะลอยตัวขึ้นผิวน้ำก็ต่อเมื่อน้ำนิ่ง และไม่มีฝน อีกอย่างหนึ่ง คือ จะเห็นพวกมันชุกชุมตอนช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์-ปลายเดือนเมษายน และสภาพอากาศต้องแจ่มใส แต่วันนี้ ครึ้มฟ้าครึ้มฝน คงไม่ได้เห็นตัว"
จริงอย่างที่ไกด์ว่า หัวใจสลายกันไปตามๆ กัน เพราะ "แห้ว" โผล่ขึ้นมาระหว่างทริพซะงั้น แต่ก็ยังดีที่พอมีผีเสื้อป่าสีสันสวยสดนานาชนิด ให้ดูเพื่อคลายความผิดหวัง รวมถึงฝูงปลาธรรมชาติขึ้นเล่นน้ำข้างเรือ ชนิดที่ว่า แตะเนื้อต้องตัวกันได้เลยทีเดียว เราใช้เวลาขุดแห้วกันกว่า 1 ชม. จึงเบนเข็มเข้าไปยังอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ซึ่งอยู่ไม่ห่างกัน และใช้บ้านพักของอุทยาน ฯ เป็นที่พักในค่ำคืนนี้
พักที่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง
ส่องสัตว์และทำโป่ง กลางผืนป่าสะวันนาเมืองไทย
ขบวนของเราเดินทางไปยังอุทยาน ฯ ซึ่งกินพื้นที่ของ จ. เพชรบูรณ์ และพิษณุโลก เกือบ 800,000 ไร่ โด่งดังจากทุ่งหญ้าสะวันนา ที่อุดมไปด้วยพืชพรรณและสัตว์ป่าหลากชนิด ที่นี่ผมเคยมาเยือนเมื่อ 3 ปีก่อน แต่ด้วยเวลาเพียงน้อยนิด จึงทำให้การมาเยือนในครานั้น ไม่ค่อยได้บันทึกจดจำสักเท่าไร แต่ก็ยังจำได้ว่าอากาศดีมาก และสัตว์ป่าเพียบ
เราใช้บ้านพักของอุทยาน ฯ เป็นที่ชาร์จพลัง กิจกรรมอีกรูปแบบหนึ่ง คือ การส่องสัตว์ ที่ลงมาซุ่มกินโป่ง ในขณะที่ขนย้ายสัมภาระเข้าที่พัก ก็ได้เห็นเก้งตัวเป็นๆ มาโชว์ตัวให้ดู ในระยะห่างเพียงไม่ถึง 10 ม. เด็กๆ ที่เข้าร่วมทริพต่างตื่นตา อย่าว่าแต่เด็กเลย ผู้ใหญ่อย่างผมก็ไม่เคยเห็นสัตว์ชนิดนี้ในระยะประชิด ที่เป็นธรรมชาติจริงๆ ไม่ใช่ในสวนสัตว์
เจ้าหน้าที่อุทยาน ฯ บอกกับพวกเราว่า คืนนี้หลังจากรับประทานอาหารค่ำเสร็จ จะพาไปส่องสัตว์ป่า ที่น่าจะมีมากกว่า 1 ชนิด ซึ่งก็เป็นจริงตามที่พูด เพราะนอกจากเก้งที่พบบริเวณที่พัก ในป่ายังได้พบเจอ กวาง และ อีเห็น โดยใช้เวลาส่องสัตว์ไม่ถึง 90 นาที ก่อนจะแยกย้ายเข้าบ้านพัก นอนพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติอันบริสุทธิ์
เช้าวันรุ่งขึ้น ชาวคณะยังเดินหน้าทำความดีกับการสร้างโป่งเทียม แหล่งเกลือแร่ที่สำคัญ ซึ่งพวกสัตว์ป่าไม่สามารถขาดได้ ถึงแม้ว่าต้องขุดดินและผจญกับแดดจ้า แต่ก็ไม่มีใครท้อหรือบ่น ต่างคนต่างอิ่มอกอิ่มใจไปตามๆ กัน
ชิมผลไม้หลงฤดูที่ไร่บีเอ็น
นมัสการพระธาตุ กลางเขาค้อ
ล้อรถหมุนอีกครั้ง เพื่อแวะชมไร่บีเอ็น แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร เต็มไปด้วยพืชผักผลไม้ ทั้งในและนอกฤดูกาล ที่โด่งดังสุดๆ ได้แก่ ลิ้นจี่ 4 สายพันธุ์ ที่ผสมขึ้นมาเองโดยวิธีธรรมชาติ พวกเราได้ลิ้มชิมรสกันถ้วนหน้า รวมถึงสมุนไพรที่แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เสริมความงามหลากชนิด และพันธุ์ไม้หายากอีกหลายสายพันธุ์
จากนั้นเราจึงเดินทางไปเติมบุญที่วัดพระธาตุผาแก้ว ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุ ตั้งตระหง่านบนยอดเขา พระเจดีย์สร้างเลียนแบบดอกบัวที่ซ้อนกันถึง 7 ชั้น ประดับด้วยกระเบื้องหลากสี รวมถึงพลอย สร้อย กำไล และถ้วยชามเบญจรงค์ ที่ได้รับบริจาคมาจากผู้มีจิตศรัทธาในพุทธองค์ รอบๆเจดีย์จะมีแหล่งพำนักของผู้ปฏิบัติธรรมเรียงรายอยู่รอบบริเวณ ดูไปก็ไม่ต่างจากรีสอร์ทหรูสักเท่าไรนัก
พวกเราใช้เวลาสักการะประมาณ 1 ชม. ต่อจากกิจกรรมเติมบุญ ขบวนคาราวานเคลื่อนตัวไปยัง เรนฟอเรสต์ รีสอร์ท สถานที่ค้างแรม และตามด้วยกิจกรรมสนุกๆ ผสมผสานความเป็นอยู่อย่างพอเพียง
อิ่มใจและอิ่มกาย ณ เรนฟอเรสต์ รีสอร์ท
สักการะพระพุทธชินราช ที่เมืองสองแคว
เรนฟอเรสต์ รีสอร์ท ตั้งอยู่บริเวณริมลำน้ำเข็ก ใน จ. พิษณุโลก ใช้เวลาเดินทางจากวัดพระธาตุผาแก้ว ประมาณชั่วโมงเศษๆ ก็จะพบกับสถานที่พักแบบรีสอร์ทริมลำน้ำเข็ก ที่โอบล้อมไปด้วยต้นไม้หลากสายพันธุ์ ห้องพักที่นี่ถูกออกแบบให้กลมกลืนกับธรรมชาติ และปลูกลดหลั่นในรูปแบบขั้นบันได อิงธารน้ำไหลชื่นฉ่ำ
ค่ำคืนนี้มีการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ให้ผู้เข้าร่วมเดินทางได้สนุกสุดเหวี่ยง พร้อมอาหารรสเลิศ กิจกรรมประกวดภาพถ่าย และร้องเพลงตามสไตล์ส่วนบุคคล ก่อนแยกย้ายพักผ่อนตามอัธยาศัย
เช้าของวันถัดมา คือ การปิดท้ายทริพ กิจกรรมส่งท้ายยังพอมีให้กระตุ้นจิตสำนึก รีสอร์ทแห่งนี้ นอกจากเปิดเป็นที่พักอาศัย ยังได้ทำฟาร์มเล็กๆ อยู่ฝั่งตรงกันข้าม ภายในมีการเลี้ยงหมูหลุม เพื่อเอาไว้ทำลายเศษอาหารที่เหลือทิ้งจากรีสอร์ท มีการผลิตน้ำหมักชีวภาพ น้ำมันไบโอดีเซล น้ำยาล้างจาน และน้ำยาทำความสะอาดอเนกประสงค์ รวมทั้งผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอีกมากมาย นอกจากลดค่าใช้จ่ายของรีสอร์ท ยังเป็นการสร้างรายได้ให้ชุมชนด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ และสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น
พอเสร็จกิจกรรมดังกล่าวก็ได้เวลาเดินทางกลับสู่มาตุภูมิ ก่อนกลับคณะของพวกเราแวะไปเคารพสักการะพระพุทธชินราช ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร พระพุทธรูปที่อยู่คู่เมืองสองแคว มาช้านาน เพื่อเป็นการเสริมมงคลให้ชีวิต และถือว่ากิจกรรมส่งท้ายที่อิ่มบุญทั่วทั้งคณะ
ทริพนี้นอกจากจะมีกิจกรรมที่หลากรส ยังมีการทำบุญกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ขึ้นชื่อของทั้ง 2 จังหวัด ถือว่าเป็นการเดินทางที่สมบูรณ์แบบ ครั้งหน้าแว่วๆ มาว่า ททท. จะจัดการเดินทางในรูปแบบคาราวานรถยนต์อีกครั้ง แต่จะไปยังจุดสูงสูดของประเทศ นั่นคือ ยอดดอยอินทนนท์ จ. เชียงใหม่ ส่วนรูปแบบการเดินทาง และกิจกรรมต่างๆ จะเป็นอย่างไร...ติดตามได้ในคอลัมน์ "ชีวิตอิสระ" ฉบับต่อไป
เรื่องโดย : ณัฐเทพ เผ่าจินดา
ภาพโดย : จินดา ลัยนันท์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2555
คอลัมน์ Online : ชีวิตอิสระ(4wheels)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/87028