รู้ไว้ใช่ว่า
อย่าตะบึง อย่าพกพา
ชักยังไงแล้วนะท่านพระครู หนักหนาสาหัส คนบ้านเราตายโหงอยู่บนถนน เยอะเกินไปแล้วนะท่านมหา
เชื่อว่าพระสงฆ์อยู่ตามวัดวา อันเป็นแหล่งสุดท้ายหรือเชิงตะกอน ของบรรดาเหยื่ออุบัติภัยจราจร ท่านคงนั่งปุจฉาด้วยความห่วงใยชาวบ้าน ขณะที่นักการเมืองผู้บริหารประเทศ เขาไม่ว่างที่จะมาสนใจประชาชี ว่าจะตายเป็นเหม็นหอมยังไง ตั้งหน้าตั้งตาเล่นการเมือง เพื่ออะไรสักอย่างกันหน้าดำคร่ำเคร่ง สบายใจกว่าเยอะ
นั่นคือ สภาพบ้านเมืองที่กำลังเกิดขึ้น เกี่ยวกับภัยจราจร ถ้าสนใจดูข่าวจากสื่อที่มีอยู่รอบตัว ได้ทุกเวลาตลอด 24 ชม. แม้จะไม่ใช่ร้านปะยาง ก็จะรู้ว่า น่ากลัว น่าสยดสยอง เมื่อคนบนรถกระบะ หรือรถเก๋ง ตายยกครัว ตายเหมาคัน แทบทุกวัน บาดเจ็บพิกลพิการนับไม่ถ้วน ทรัพย์สินอันได้แก่ รถยนต์ และอื่นๆ เสียหายนับไม่ไหว ชาวบ้านอีกนั่นแหละไม่รู้จะทำยังไง รับสภาพกันไปตามบุญตามกรรม นักการเมือง (อีกที) ไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้แม้แต่นิดเดียว
พฤติการณ์ที่ปรากฏมักเป็นกรณีรถกระบะ มากกว่าเพื่อน เสียหลัก ชนนั่นชนนี่ ลงข้างทาง หรือข้ามเกาะกลางถนนข้ามเลน เกิดเหตุสยอง ตายเกลื่อนอย่างที่บอกเมื่อกี้
รัฐสมควรดูแลแก้ไขโดยด่วน ส่วนประชาชนก็ต้องตระหนักถึงภัยมหันต์ที่เกิดขึ้น อย่าได้ชะล่าใจ เอาง่ายๆ พี่น้องทราบไหมว่า นอกจากความเร็วรถ สภาพถนน สภาพการจราจร ฝีมือคนขับแล้ว สรรพคุณของรถที่ใช้อยู่ก็เป็นเรื่องใหญ่ ด้วยเหตุนี้กระมัง ประเทศที่เขาดูดำดูดีชาวบ้าน จึงควบคุมการใช้รถที่เก่าเกินไป เข้มงวดคุณภาพรถบนท้องถนน
ขณะเดียวกัน รถที่ผลิตออกมาในระยะนี้แม้กระทั่งในบ้านเรา บริษัทต่างๆ ได้ติดตั้งระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน (ACTIVE SAFETY) ซึ่งอาศัยอานิสงส์ของคอมพิวเตอร์ ช่วยในการควบคุมบังคับรถ นอกเหนือจากมนุษย์
ตัวอย่างน่าสนใจ คือ ระบบป้องกันการลื่นไถล หรือทแรคชัน คอนทโรล (TCS: TRACTION CONTROL SYSTEM) กับระบบเบรคเอบีเอส (ABS) ซึ่งทำงานร่วมกัน ระบบทแรคชัน คอนทโรล จะมีเซนเซอร์ตรวจจับความเร็วของล้อจากระบบเบรคเอบีเอส ที่ติดตั้งอยู่ที่ล้อทั้ง 4 ข้าง เมื่อล้อใดล้อหนึ่งหมุนด้วยความเร็วมากกว่าล้ออื่นๆ เพราะสาเหตุใดก็ตาม ซึ่งทำให้รถปัดออกนอกลู่นอกทาง จนเอาไม่อยู่ กระโจนข้ามเลน เกาะต้นไม้ เกาะเสาไฟฟ้า ลงคลอง ลงเขา และถึงตาย กล่องสัญญาณจะรับข้อมูลแล้วประมวลผล สั่งงานไปยังระบบเบรคเอบีเอส ทำให้ล้อนั้นลดความเร็วลง ไม่ว่าล้อหน้าหรือหลัง ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESP: ELECTRONIC STABILITY PROGRAM) เพื่อยั้งความเร็วและความแรงของรถ กรณีที่ระบบทแรคชัน คอนทโรล เอาไม่อยู่
เคยเห็นรถเก๋งขนาดเล็กนี่แหละ เจอน้ำมันเครื่องราดอยู่บนถนน แถมเป็นทางโค้งหักศอก รถอื่นเถลือกไถลจวนตกเขา ดีที่มีขอบกั้นไว้ แต่รถเล็กเอาอยู่ ด้วยระบบดังกล่าว
ขณะที่รถทั่วไป ซึ่งใช้กันมาโดยไม่มีอุปกรณ์ที่ว่า ใช้เป็นล้านคันในตอนนี้ เสร็จโก๋ ไปไม่รอด ไม่ว่าคนขับจะเก๋าแค่ไหน และถ้ายังใช้รถที่ไม่มีอุปกรณ์ที่ว่า ควรจะขับเร็วหรือไม่ หรือระวังให้มากหรือไม่ คิดดูเอาเอง
ข้อมูลที่ว่ามา ประชาชนควรทราบ และสนใจไหม สมมติว่าซื้อรถป้ายแดงใช้ทั้งที จะเอายังไง เอาสวย เอายี่ห้อ หรือขายต่อได้ราคา แต่ตายเสียก่อนงั้นหรือ ?
ตบท้ายด้วยคดีความเพื่อให้ครึกครื้นอย่างเคย
ตำรวจสายตรวจสองนายในคดีนี้ถือว่าโอเค น่าชมเชยในการทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ วันนั้นแกขับรถไปเจอกระทาชาย นายคำราม สะพายปืนคาร์บินอยู่ข้างๆ รถกระบะ ซึ่งติดป้ายอาสาป้องกันภัยซะโก้ พอจะเดินข้ามถนน พี่แกเอาปืนนั้นโยนไว้กระบะท้าย ตำรวจ 2 นายพูดกันว่า โห ไอ้หมอนี่ไม่เบา ครอบครองปืนร้ายแรงกลางวันแสกๆ จึงขับรถเข้าประกบ ขอตรวจค้นจับกุม
ยังดีที่ นายคำราม ไม่ต่อสู้ขัดขืน ทั้งๆ ที่มีปืน 11 มม. พร้อมกระสุนเต็มอัตราพกติดตัว ตำรวจคุมตัวพร้อมปืนและกระสุนของกลางไปโรงพัก สอบสวนเสร็จส่งตัวให้อัยการลำเลียงไปฟ้องที่ศาล เอาผิดฐานมีและพกพาปืนคาร์บิน พร้อมกระสุน 1 นัด ซึ่งเป็นอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ กับพกพาปืนพกขนาด 11 มม. พร้อมกระสุน ซึ่งเป็นปืนมีทะเบียนก็จริง แต่ นายคำราม ไม่มีใบอนุญาตพกพา
จำเลย คือ นายคำราม กลัวติดตะราง จ้างทนายสู้คดี ให้การปฏิเสธ และอ้างด้วยว่า ปืนคาร์บินมีชายคนหนึ่งนำมามอบให้ตน เพื่อส่งโรงพัก มีนายนั้นนายนี้รู้เห็นเป็นพยาน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว ตัดสินเอาผิดเฉพาะข้อหาพกพาปืนพกโดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับ 4,000 บาท ลดให้ 1 ใน 4 เหลือปรับ 3,000 บาท ข้อหาอื่นยกฟ้อง นายคำราม ได้เฮยกใหญ่
อัยการแข็งขัน รีบยื่นอุทธรณ์ขอให้ลงโทษตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เล็งดูสำนวนแล้ว พิพากษาแก้ เอาผิดข้อหามีปืนสงคราม จำคุก 2 ปี กับข้อหาพกพาปืน 2 กระบอกโดยไม่ได้รับอนุญาต รวม 2 กรรม แต่เอาผิดบทหนักฐานพกอาวุธสงคราม จำคุก 6 เดือน รับชั้นจับกุมและให้การเป็นประโยชน์ลดให้ 1 ใน 3 รวมแล้วจำคุก 1 ปี 8 เดือน ไม่มีโทษปรับ ไม่รอลงอาญา
นายคำราม ตาเหลือก หน้าเหลือง ขาสั่น คำรามไม่ออก รีบหาเงินให้ทนายยื่นฎีกา อ้างสารพัดขอให้ยกฟ้องหรือเอาโทษเท่าที่ศาลชั้นต้นว่าไว้ ถ้าจะวางโทษจำคุกก็ขอให้รอลงอาญา เพราะทำคุณความดีมากมาย
ศาลฎีกาคว้าสำนวนที่มาถึงคิวส่องดูด้วยความอ่อนล้า กัดฟันพิจารณาแล้วชี้ขาดออกมาว่า
คำแก้ตัวที่ว่า มีชายคนหนึ่งเอาปืนคาร์บินให้ตนส่งโรงพักนั้นฟังไม่ขึ้น เพราะไม่ได้มีพยานมายันให้ชัดเจนดังที่อ้าง ไม่ซักค้านเรื่องนี้ให้ปรากฏแต่แรก อ้างลอยๆ เพื่อให้พ้นผิดมากกว่า จึงลงโทษข้อหาบังอาจมีอาวุธปืนสงครามได้สบายๆ
ส่วนข้อหาพกพาปืน 2 กระบอก รวมทั้งปืนพกสั้นของ นายคำราม นั้น ศาลฎีกาบอกว่าเอาผิดได้กรรมเดียว เพราะพกในคราวเดียวกัน ไม่ใช่ 2 กรรมดังที่ศาลอุทธรณ์ว่าไว้ ปัญหานี้ไม่มีใครยกขึ้นมา แต่ศาลฎีกาแจกแจงเองได้
การออดอ้อนขอรอลงอาญา ศาลฎีกาสั่นหัว บอกว่าบังอาจพกพาอาวุธปืนร้ายแรงขนาดนั้น รอลงอาญาให้ไม่ได้หรอก
ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้ เอาผิดข้อหาพกปืนเพียงกรรมเดียว แม้จะพกพร้อมกันหลายกระบอก และให้ลงโทษจำคุกตามที่ศาลอุทธรณ์ว่าไว้ รวม 1 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา
บทสรุป คือ ใช้รถซึ่งไม่มีตัวช่วย ดังที่ผมว่ามาข้างต้น ไม่ขวนขวายซื้อรถที่มีตัวช่วยทันสมัย ซึ่งเขามีขายแล้วในขณะนี้หลายยี่ห้อหลายรุ่นมาใช้ ต้องบันยะบันยัง อย่าตะบึงส่งเดช ตายหยังเขียดเอาง่ายๆ ข้อสำคัญลูกเมียตายด้วยนี่สิแย่ ลูกยังเล็ก เกิดมาดูโลกไม่นาน พ่อแม่พาม่องเท่งซะแล้ว ไม่สวย ส่วนการพกพาปืนซึ่งเดี๋ยวนี้หนัก ตำรวจควรเอาใจใส่ยิ่งขึ้น ไม่งั้นตำรวจโดนซะเองเป็นประจำ อย่าว่าแต่ชาวบ้านร้านถิ่นเลย
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2910/2550
เรื่องโดย : ณรงค์ นิติจันทร์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2555
คอลัมน์ Online : รู้ไว้ใช่ว่า
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/86857