รู้ทันเทคนิค
สมรรถนะเหนือระดับในอนุกรม เอม
เอ็ม เพาเวอร์ (M POWER) ชื่อนี้การันตีได้ถึงสมรรถนะที่เหนือกว่าธรรมดา เวอร์ชันพิเศษของ บีเอมดับเบิลยู ที่ถูกเพิ่มสมรรถนะในด้านต่างๆ ให้เหนือกว่าทั่วไป โดยเฉพาะเครื่องยนต์ตระกูล เอม (M) ที่บ่งบอกถึงสมรรถนะแบบสุดขั้ว บนพื้นฐานเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร เป็นแบบ 6 สูบแถวเรียง จุดเด่นอยู่ที่เสื้อสูบและฝาสูบเป็นอลูมินัมอัลลอย ความจุกระบอกสูบ 2,993 ซีซี บลอคนี้ใช้เทอร์โบเดี่ยวแบบแปรผัน VGT ระบบจ่ายน้ำมันเป็นแบบคอมมอนเรล แรงดันในการจ่ายน้ำมันเข้ากระบอกสูบอยู่ที่ 1,800 บาร์ ผลิตกำลังได้ถึง 245 แรงม้า แม้จะไม่เยอะนัก แต่มาพร้อมแรงบิดมหาศาลถึง 55.1 กก.-ม. (540 นิวตัน-เมตร) คงที่ตั้งแต่ 1,750-3,000 รตน. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 7.6 วินาที ก็ถือว่าไม่น้อยหน้าเครื่องยนต์เบนซิน แต่ที่น่าประทับใจกว่า คือ อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 13.51 กม./ลิตร
เครื่องดีเซลแบบ TWIN-TURBO
จากพื้นฐานดังกล่าว ได้เพิ่มไฮไลท์ของเครื่องยนต์ดีเซลตัวนี้ โดยเปลี่ยนระบบอัดอากาศมาเป็นแบบ TWIN-TURBO แต่ระบบนี้แตกต่างจากเครื่องยนต์เบนซิน ที่ใช้เทอร์โบขนาดเดียวกัน 2 ตัว ในเครื่องดีเซลใช้เทอร์โบต่างขนาดกัน แต่เป็นแบบ VGT ทั้งคู่ เทอร์โบลูกเล็กออกแบบให้มีการทำงานในย่านความเร็วต่ำ ตั้งแต่ออกตัวไปจนถึงรอบกลางๆ ที่เทอร์โบตัวใหญ่เริ่มทำงาน ทำให้รอบปานกลางถึงรอบสูงมีอากาศป้อนเข้าห้องเผาไหม้อย่างเพียงพอ และคงสงสัยว่าทำไมเมื่อเป็นเทอร์โบแปรผันแล้ว ถึงยังใช้เทอร์โบต่างขนาดแบบเครื่องยนต์ TWIN-TURBO ยุคเก่า นั่นเพราะว่า ถ้าใช้เทอร์โบตัวใหญ่ แม้จะเป็นเทอร์โบแปรผันในรอบต่ำมากๆ การทำงานก็ยังช้าอยู่ และมีผลต่อพื้นที่ภายในห้องเครื่องยนต์ด้วย การใช้เทอร์โบเล็กลงแต่มี 2 ตัว จึงเป็นคำตอบ เครื่องยนต์ตัวนี้มีแรงม้าถึง 306 ตัว กับแรงบิดถึง 61.2 กก.-ม. (600 นิวตัน-เมตร) ตั้งแต่ 1,500-2,500 รตน. สมรรถนะก็ไม่ธรรมดา 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 6.6 วินาที แต่ยังคงความประหยัดอยู่ที่ 13.33 กม./ลิตร
เสริมความเทพ ด้วยเทอร์โบ 3 ลูก
ก่อนติดตัว เอม เข้าไปที่บั้นท้าย เครื่องยนต์ตัวนี้ถูกนำมาปรับปรุงใหม่ โดยเฉพาะระบบอัดอากาศ ซึ่งค่ายนี้ใช้เทอร์โบชาร์จแบบ TRI-TURBO นั่นหมายความว่า เครื่องยนต์ตัวนี้มีเทอร์โบชาร์จถึง 3 ลูกเลยทีเดียว แล้วแบบ TWIN-TURBO มันไม่พอหรือ หลายคนคงสงสัยแต่อย่าลืมนะครับว่ารถเวอร์ชัน เอม เพาเวอร์ นั้นคือ รถแต่งพิเศษ ดังนั้นสมรรถนะจึงต้องไม่ธรรมดา เครื่องยนต์พื้นฐานเดียวกัน คือ 3.0 ลิตร สามารถพัฒนาจนแรงม้าขึ้นมาถึงระดับ 375 แรงม้า และมีแรงบิดสูงถึง 75.5 กก.-ม. (740 นิวตัน-เมตร) ทำให้เห็นว่าเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร ถ้าได้รับการปรับแต่งระดับเทพแล้วไม่ธรรมดาจริงๆ การใช้เทอร์โบชาร์จในยุคนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะสามารถพาไปสู่จุดหมายที่ต้องการได้ไม่ยาก นอกจากการพัฒนาเครื่องยนต์อย่างต่อเนื่องแล้ว ระบบส่งกำลังก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ได้รับการพัฒนาไปในทิศทางเดียวกัน เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ เสริมจุดเด่นของเครื่องยนต์ได้ชัดเจนขึ้น สามารถรักษาความต่อเนื่องในการส่งถ่ายกำลังได้อย่างดีในทุกลักษณะการขับขี่ เป็นส่วนสำคัญในเรื่องของการลดการใช้เชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เทอร์โบแบบ TRI-TURBO คือคำตอบ
แม้ว่าเทอร์โบแปรผัน VNT (VARIABLE NOZZLE TURBO) สามารถรวมข้อดีของเทอร์โบลูกเล็กและลูกใหญ่เข้าด้วยกัน แต่การทำงานของเทอร์โบนี้ ใช้วิธีการบีบใบไอเสียให้เล็กลง เพื่อที่ไอเสียจะได้เข้าไปชนเทอร์ไบน์ที่ปลายสุดของใบ ทำให้หมุนได้แม้ไอเสียมีความเร็วไม่มาก เกิดการบูสต์ตั้งแต่ช่วงรอบเครื่องต่ำๆเหมือนกับการเลือกใช้เทอร์โบขนาดเล็ก เมื่อรอบเครื่องยนต์สูงขึ้น กลไกที่ควบคุมการเปิด/ปิดบานประตู จะเปิดให้ครีบดักไอเสียดังกล่าวเปิดสุด ไอเสียจะไหลผ่านได้อย่างเต็มที่ เครื่องยนต์จะได้รับปริมาณอากาศที่เพียงพอ ทั้งในรอบต่ำและสูง โดยไม่มีปัญหาเรื่องแรงเฉื่อย หรือ TURBO LAG ช่วยให้เครื่องยนต์มีแรงบิดดีตั้งแต่รอบต่ำ และมีช่วงแรงบิดสูงสุดที่ต่อเนื่อง ทำให้มีการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ต่ำลง
จากเทอร์โบแปรผัน กลายมาเป็น TWIN-TURBO และก้าวข้ามมาถึงแบบ TRI-TURBO จากเดิมที่เครื่องแบบ TWIN-TURBO นั้นใช้เทอร์โบแปรผัน 2 ตัวร่วมกันทำงาน แต่เครื่องตัวนี้ได้เพิ่มเทอร์โบแบบธรรมดาเข้าไปอีก 1 ลูก เทอร์โบที่ถูกติดตั้งเข้าไปใหม่นั้นถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มและรักษาแรงบิดช่วงกลางให้มากขึ้น เทอร์โบแปรผันลูกแรกจะทำงานรอบต่ำถึงรอบกลาง ส่วนลูกที่ 2 จะทำงานรอบกลางถึงรอบสูง ซึ่งในช่วงรอยต่อของเทอร์โบลูกที่ 2 จังหวะครีบไอเสียที่กำลังขยับตัวยังมีจุดอ่อนอยู่บ้าง จึงเพิ่มเทอร์โบลูกที่ 3 เข้าไป จะทำงานคู่ขนานกับเทอร์โบลูกแรก ช่วยเพิ่มแรงบิดและรักษารอบของแรงบิดให้คงที่ การเสริมเทอร์โบลูกที่ 3 เข้าไป ทำให้เครื่องยนต์มีอัตราเร่งดีขึ้น สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 4.7 วินาที กำลังระดับ 375 แรงม้า และแรงบิด 75.5 กก.-ม. เลยทีเดียว
จะเห็นว่าเครื่องยนต์ที่กล่าวมาทั้ง 3 ตัวนี้ พื้นฐาน คือ เครื่องตัวเดียวกัน ที่มีแรงม้าแตกต่างกันถึง 3 ระดับ ซึ่งแตกต่างกันตามจุดมุ่งหมายในการใช้งาน และสามารถเค้นสมรรถนะออกมาได้สุดๆ ทางลัดที่เห็นได้ชัด คือ เรื่องของการพัฒนาระบบอัดอากาศ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะเครื่องดีเซลนั้น การเพิ่มปริมาณน้ำมันทำได้ไม่ยาก แต่การเพิ่มอากาศเป็นเรื่องยากยิ่ง
เรื่องโดย : พหลฯ 30
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2555
คอลัมน์ Online : รู้ทันเทคนิค
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/86387