มาเลเซีย กรองด์ปรีซ์ 2012

การแข่งขันรถสูตรหนึ่ง หรือ ฟอร์มูลา 1 (FORMULA 1) มีประวัติยาวนานมากว่า 100 ปีแล้ว แต่ละปีจะจัดแข่งขันเวียนไปตามประเทศต่างๆ ทั่วโลก ที่ มาเลเซีย ก็จัดมากว่า 10 ปีแล้ว ล่าสุดทีมงานของเราได้ร่วมเป็นหนึ่งในกลุ่มสื่อมวลชนที่เข้าชมการแข่งขัน มาเลเซีย กรองด์ปรีซ์ 2012 ก่อนหน้าการแข่งขันจะเริ่มขึ้น เราได้มีโอกาสร่วมงาน “MEGA FAMILIARISATION PROGRAMME” โดยมีสื่อมวลชนจำนวน 146 คน จาก 22 ประเทศ เพื่อให้เห็นภาพรวมด้านการท่องเที่ยวของประเทศมาเลเซีย นอกจากจะมีการแข่งขัน ฟอร์มูลา 1 เป็นหนึ่งในจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวแล้ว มาเลเซีย ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่หลากหลาย รวมไปถึงวัฒนธรรมที่ผสมผสานทางเชื้อชาติมาช้านาน การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ฟอร์มูลา 1 ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะประเทศผู้จัดจะต้องมีความพร้อมทั้งด้านเงินทุน บุคลากร รวมไปถึงสาธารณูปโภคต่างๆ เพื่อรองรับทั้งนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลมาเป็นจำนวนมาก วันควอลิฟายด์ (QUALIFIED DAY) : วันเสาร์ ที่ 24 มีนาคม เราเดินทางมาถึงสนามแข่งรถเซปัง (SEPANG INTERNATIONAL CIRCIUT) ซึ่งจัดการแข่งขันมากมายมาแล้ว รวมถึงมอเตอร์ไซค์ชิงแชมพ์โลกอย่าง โมโท จีพี (MOTO GP) หรือรถแข่งล้อเปิดรายการ รองลงมาอย่าง จีพี 2 (GP2) แสดงให้เห็นคุณภาพของสนามแข่งที่อยู่ระดับแถวหน้า จุดเด่น คือ ทางตรงยาวผ่านอัฒจันทร์ทั้ง 2 ด้าน กับเส้นทางในสนามที่มีความยาวต่อรอบที่ 5.5 กิโลเมตร เมื่อถึงเวลา รถแข่งแต่ละคันเริ่มทยอยออกจากพิท เพื่อเริ่มต้นการจับเวลาหาตำแหน่งออกสตาร์ทในวันแข่งขันจริง โดยแบ่งการจับเวลาเป็น 3 ส่วน (QUARTER) โดยในควอร์เตอร์แรกจะคัดนักแข่งที่ทำเวลาได้ดีที่สุด 17 อันดับแรก (จากทั้งหมด 24 คน) ถัดมาในควอร์เตอร์ที่ 2 จะคัดเหลือเพียง 10 อันดับแรก สำหรับการจับเวลาในควอร์เตอร์สุดท้าย หลังจากเสร็จสิ้นการจับเวลาแล้ว ผู้ที่ทำเวลาได้ดี 5 อันดับแรกคือ [table] 1.,เลวิส แฮมินตัน, จากทีม แมคลาเรน-เมร์เซเดส ,เวลา 1:36.219 นาที 2.,เจนสัน บัททัน, จากทีม แมคลาเรน-เมร์เซเดส ,เวลา 1:36.368 นาที 3.,มิคาเอล ชูมาเคร์, จากทีม เมร์เซเดส ,เวลา 1:36.391 นาที 4.,มาร์ค เวบเบอร์, จากทีม เรด บลูล์ เรซิง-เรอโนลต์ ,เวลา 1:36.461 นาที 5.,คีมี ไรค์โคเนน, จากทีม โลทัส-เรอโนลต์ ,เวลา 1:36.461 นาที [/table] วันแข่งขัน (RACE DAY) : วันอาทิตย์ ที่ 25 มีนาคม เข้าสู่ช่วงการแข่งขันจริง ท่ามกลางบรรยากาศมืดครึ้มบนท้องฟ้า กระนั้นยังคงมีผู้เข้ามาชมการแข่งอย่างหนาแน่น พร้อมกับบรรยากาศกองเชียร์ของเหล่าแฟนๆ แต่ละทีมแข่ง รวมทั้งผู้ที่เดินจับจ่ายใช้สอยสินค้าลิขสิทธิ์กันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง แม้ราคาจะค่อนข้างแพงก็ตามที เสร็จพิธีเปิดการแข่งอย่างเป็นทางการ รถแข่ง ฟอร์มูลา 1 ทั้ง 24 คัน ก็ประจำตำแหน่งเตรียมพร้อมการปล่อยตัว หลังจากสัญญาณไฟแดงทั้ง 5 ดวงดับลง การแข่งขัน ฟอร์มูลา 1 มาเลเซีย กรองด์ปรีซ์ ก็เริ่มขึ้น พร้อมเสียงเครื่องยนต์ที่ดังกระหึ่ม และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ไม่ทันจะพ้นรอบแรก ฝนก็กระหน่ำลงมาอย่างหนัก ทำให้หลังจากดำเนินการแข่งไปแค่ 8 รอบ กรรมการผู้จัดการแข่งขันจึงสั่งให้ยุติการแข่งชั่วคราว หลังเวลาผ่านไปเกือบ 1 ชั่วโมง การแข่งขันจึงเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ในสถานการณ์ที่พลิกผันเช่นนี้ แต่ละทีมแข่งต้องอาศัยกลยุทธ์อย่างเท่าทัน ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการทีม นักแข่ง ตลอดจนบรรดาเจ้าหน้าที่ในพิท ล้วนมีความสำคัญต่อชัยชนะทั้งนั้น เมื่อ 56 รอบการแข่งขันผ่านพ้นไป เหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นระหว่างแข่งมากมาย มีการสลับเปลี่ยนอันดับอย่างยากจะคาดเดาผลการแข่ง สุดท้ายแล้วผู้ทีได้รับชัยชนะ 5 อันดับแรกได้แก่ [table] 1.,แฟร์นันโด อาลนโซ ,จากทีม แฟร์รารี 2.,แซร์โจ เปเรซ ,จากทีม เซาเบร์-แฟร์รารี 3.,เลวิส แฮมิลตัน ,จากทีม แมคลาเรน-เมร์เซเดส 4.,มาร์ค เวบเบอร์ ,จากทีม เรด บลูล์ เรซิง-เรอโนลต์ 5.,คีมี ไรค์โคเนน ,จากทีม โลทัส-เรอโนลต์ [/table] แม้การแข่งขัน มาเลเซีย กรองด์ปรีซ์ 2012 จะจบลง พร้อมกับการหมุนเวียนไปยังสนามแข่งอื่นๆทั่วโลก เราได้เห็นแล้วว่า ภายใต้อุปสรรคที่เกิดขึ้น การร่วมแรงร่วมใจจากทั้งทีมงาน และนักแข่งของแต่ละค่ายเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก บุคลากรเหล่านี้ล้วนมีความแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นที่มา และเชื้อชาติ ดูราวกับเป็นภาพสะท้อนของประเทศมาเลเซียแห่งนี้ กับความหลากหลายที่หล่อหลอมสู่จุดหมายเพียงหนึ่งเดียวนั่นคือ “ชัยชนะ” การแข่งขันครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความสามาถ ตลอดจนความพร้อมของทีมงานแต่ละค่ายได้เป็นอย่างดี เหตุการณ์ที่พลิกผันตลอดเวลาจากปัจจัยรอบด้านต่างๆ ทำให้ชัยชนะที่หลายทีมต้องการ ไม่เคยเป็นเรื่องง่ายดาย นั่นยังรวมไปถึงผู้จัดการแข่งขันจะต้องมีความถึงพร้อมในด้านต่างๆ อย่างที่สุด จึงจะคู่ควรกับการเป็นหนึ่งในสนามแข่งที่บรรจุในปฏิทินการแข่งขันของสุดยอดการแข่งรถของโลกอย่าง ฟอร์มูลา 1