สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
คมกริช นงค์สวัสดิ์
ตลาดรถยนต์ระดับหรูในเมืองไทย ถูกผู้นำเข้าอิสระแย่งส่วนแบ่งไปไม่น้อย ทำให้ผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ไม่สามารถอยู่นิ่งเฉยได้ แม้แต่ "เมร์เซเดส-เบนซ์" เจ้าตลาดรถหรู ยังต้องพลิกกลยุทธ์เพื่อรักษาฐานลูกค้าของตนเอง "ฟอร์มูลา" สัมภาษณ์ คมกริช นงค์สวัสดิ์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัดฟอร์มูลา : เมร์เซเดส-เบนซ์ วางทิศทางและแผนงานไว้อย่างไร ? คมกริช : สิ่งที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน คือ การแย่งส่วนแบ่งการตลาด ที่ถูกแย่งไปจากผู้นำเข้าอิสระ ซึ่ง เมร์เซเดส-เบนซ์ ในฐานะเจ้าของบแรนด์ จำเป็นที่จะต้องรักษาไว้ให้ดีที่สุด ส่วนใหญ่รู้ว่าภายใต้บแรนด์ เมร์เซเดส-เบนซ์ มีสินค้าที่บ่งบอกถึงเรื่องเทคโนโลยี ความปลอดภัย การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และบริษัท ฯ อยากให้ความชัดเจนแก่ลูกค้า คือ ซื้อจากไหน จุดนี้บริษัทฯ ไม่สามารถที่จะเข้าไปควบคุมได้ แต่สิ่งที่บริษัท ฯ จะบอกแก่ลูกค้า คือ ถ้าซื้อจากตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ที่ได้รับการแต่งตั้งจากบริษัท ฯ ที่มีอยู่ 30 แห่งนั้น จะมีศักยภาพ และความพร้อมในทุกด้าน โดยเฉพาะการบริการหลังการขาย ไม่ว่าจะเป็นช่างที่มีความชำนาญ เครื่องมือ ซอฟท์แวร์ ที่สามารถตรวจสอบรถ มีผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับประเทศไทย มีออพชันที่เหมาะสม เช่น เบาะร้อน ไม่ได้ใช้ เพราะว่าอากาศร้อน ซึ่งพอไม่ได้ใช้ก็เสีย อีกอย่างช่างซ่อมก็ไม่ได้ชำนาญในด้านนี้ การนำเข้าผลิตภัณฑ์ต้องคำนึงถึงประเทศ วัสดุในแต่ละตลาดด้วย ซื้อจากบริษัท ฯ อย่างน้อยเรื่องของราคาขายต่อชัดเจน อ้างอิงได้ ซื้อจากผู้นำเข้าอิสระ การอ้างอิงราคาไม่ได้ ผู้บริโภคต้องระวัง ฟอร์มูลา : ปัญหาการซื้อสินค้าจากผู้นำเข้าอิสระ เกิดขึ้นมานานแล้ว จะแก้ไขอย่างไร ? คมกริช : ถูกต้อง เรื่องเหล่านี้เป็นปัญหามานานแล้ว รวมถึงตลาดของผู้นำเข้าอิสระ มีการขยายตัวอย่างมาก ดังนั้นจึงต้องมาดูว่าที่ผ่านมาได้ทำอะไรไปบ้าง และก็พบว่าการสื่อสารถึงลูกค้านั้น มีค่อนข้างน้อย ทำให้บริษัท ฯ ได้มีการปรับเปลี่ยนสร้างภาพลักษณ์ใหม่ การสื่อสารผ่านสื่อต่างๆ ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยให้ลูกค้าที่ซื้อรถจากตัวแทนจำหน่ายออกมาพูด โฆษณาเรื่องความแตกต่างระหว่างบริษัท ฯ กับผู้นำเข้าอิสระ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง ฟอร์มูลา : เหตุการณ์อุทกภัย ส่งผลกระทบกับยอดขายมากน้อยเพียงใด ? คมกริช : เดือนกันยายน บริษัท ฯ ได้ประกาศกลยุทธ์ใหม่เรื่องราคา ทำให้ราคาห่างจากผู้นำเข้าอิสระประมาณ 1-2 แสนบาทเท่านั้น แข่งขันได้ในตลาด แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา บริษัท ฯ ต้องการทำให้เห็นว่าเราเป็นบริษัทแม่ นอกจากนี้ยังทุ่มงบโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ ทำให้เดือนกันยายน มียอดขายสูงถึง 581 คัน ถือว่าสูงสุดในรอบ 20 เดือน หลังจากนั้นประสบปัญหาอุทกภัย ซึ่งบริษัท ฯ ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากลูกค้าไม่มียกเลิกการจอง เพียงแต่เลื่อนการรับรถออกไป รวมถึงในช่วงเดือนธันวาคม มียอดขายในงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 28" อีก 454 คัน ทำให้ยอดขายโดยรวมของปี 2554 ดีพอสมควร ฟอร์มูลา : ตลาดรถพรีเมียมในปีนี้ จะเป็นอย่างไร ? คมกริช : ตลาดรถยนต์โดยรวมปีนี้ ต้องมองที่หลายปัจจัย ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง และภัยธรรมชาติ แต่ปัจจัยหนึ่งที่จะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 1 คือ รอการฟื้นตัว โดยเฉพาะบริษัทญี่ปุ่น แต่การกลับมาฟื้นตัวเต็มที่น่าจะเสร็จในช่วงเดือนมีนาคม แต่หลังจากนั้น หากไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ตลาดจะกลับมาคึกคักอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายก็ยังมองว่าปีนี้ จะเกิดเหตุการณ์อุทกภัยอีก แต่จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการป้องกัน รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภค ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องการซื้อรถยนต์เพิ่มขึ้น มองว่าเซกเมนท์ของรถจะมีการเปลี่ยน แต่จะมากน้อยเพียงใดต้องดูสถานการณ์ต่างๆ ด้วย เช่น เดิมซื้อรถพิคอัพแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ แต่ปีนี้อาจจะเพิ่มเป็นยกสูง เพื่อเพิ่มความมั่นใจ เป็นการมองเผื่ออนาคต ฟอร์มูลา : ปีนี้จะมีรถรุ่นใหม่เพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ ? คมกริช : ปีนี้คาดว่าจะมีเพิ่มขึ้นอีก 1-2 รุ่น ฟอร์มูลา : รถที่ใช้พลังงานทดแทน เช่น แกสธรรมชาติ จะมีเพิ่มอีกหรือไม่ ? คมกริช : เมร์เซเดส-เบนซ์ เริ่มเปิดตลาดรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยแกส ตั้งแต่ปี 2549 และประสบความสำเร็จอย่างสูง เนื่องจากได้รับการติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงาน ส่งผลให้กำลังเครื่องยนต์ไม่ตก หรือกระตุกระหว่างเปลี่ยนการใช้สลับโหมด เมร์เซเดส-เบนซ์ อี 200 เอนจีที บลูเอฟฟิเชียนซี เอเลแกนศ์ ถือเป็นตลาดหลักของบริษัท ฯ ที่ไม่มีคู่แข่ง และตั้งแต่เปิดจำหน่ายในประเทศไทย มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัท ฯ มีแผนที่จะแนะนำรุ่นใหม่ออกสู่ตลาด เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และเพิ่มทางเลือกให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ฟอร์มูลา : มีนโยบายที่จะขยายไปในรุ่นอื่นอีกหรือไม่ ? คมกริช : ไม่มี เพราะก่อนที่จะนำถังแกสมาติดตั้งในรถแต่ละรุ่นนั้น บริษัท ฯ ได้ทำการศึกษาถึงความเหมาะสมของรถแต่ละรุ่นแล้ว จึงเน้นที่ อี-คลาสส์ เท่านั้น อย่างไรก็ตาม บริษัท ฯ ก็ยังส่งเสริมพลังงานทางเลือกอื่น เนื่องจากผู้บริโภคมีความต้องการที่แตกต่างกัน รวมถึงพลังงานแต่ละชนิด ก็มีข้อจำกัด เช่น อี 85 และ เอนจีที ก็มีข้อจำกัดเรื่องของสถานีบริการ ส่วน ดีเซล เมร์เซเดส-เบนซ์ ก็มี ซีดีไอ และคู่แข่งก็มีเช่นกัน แต่หากมองในอนาคตแล้วแนวโน้มของ เอนจีที จะดีกว่า น้ำมัน อี 85 เพราะสามารถใช้ได้ทั้งน้ำมันและแกส ส่วนไฮบริด ประเทศไทยยังไม่มีแผนที่จะนำเข้ามาจำหน่าย ฟอร์มูลา : กลยุทธ์ที่จะนำมาใช้ในการแข่งขัน ? คมกริช : ที่ผ่านมาส่วนใหญ่ลูกค้าที่ซื้อไม่ได้เป็นผู้ใช้ คือ เป็นรถผู้บริหาร หรือหากซื้อใช้เองในส่วนของเจ้าของธุรกิจ ก็จะเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ดังนั้น บริษัท ฯ จึงจำเป็นที่จะต้องพลิกกลยุทธ์โดยปรับทิศทางรุกขยายสินค้าสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ โดยเน้นไปที่นักธุรกิจรุ่นใหม่ รวมถึงต่อยอดไปยังเจ้าของธุรกิจเจเนอเรชันใหม่ ทั้งนี้จะเห็นว่าในส่วนของสินค้าได้มีการปรับรูปลักษณ์ และดีไซจ์นไปบ้างแล้ว ปัจจุบัน บริษัท ฯ ได้เริ่มทำข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าใหม่ เน้นการเข้าไปคุยกับผู้ใช้รถจริง โดยการสื่อสาร การจัดกิจกรรมผ่านเนทเวิร์ค และเครือข่ายโซเชียลต่างๆ หลังจากนี้จะเห็นได้ถึงจุดเปลี่ยนหลายด้านของ เมร์เซเดส-เบนซ์
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : จินดา ลัยนันท์
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2555
คอลัมน์ Online : สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/85554