ไฟหน้า เปรียบเสมือนดวงตาของรถ ถ้าปล่อยให้ดวงตาคู่สวยนั้นขุ่นมัว ก็อาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายๆ แถมยังดูหมดราศี ไร้ชีวิตชีวา เกาะกระแส ฉบับนี้ ขอเสนอเทคโนโลยีนาโนรูปแบบใหม่ เกี่ยวกับการปกป้องโคมไฟหน้า แบบที่เริ่มได้รับความนิยมในหมู่คนรักรถไฟหน้า "หมอง" เกิดจากอะไร ? โดยทั่วไป โคมไฟหน้ารถ มักเคลือบสารกันความร้อนระดับหนึ่งแล้ว แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไปเกินกว่า 3 ปี สารเคลือบที่ว่านี้ก็จะเสื่อมสภาพไป (ระยะเวลาขึ้นอยู่กับการใช้งานและดูแลรักษา) เมื่อสลายไปแล้ว ช่วงนี้แหละ! ที่เป็นอันตราย สาเหตุที่ทำให้โคมไฟหน้ารถ เกิดคราบเหลืองและขุ่นมัว ส่วนมากมาจาก "ิดคราบเหลืองขุ่นมัว สามเหตุนั้นมาจากความร้อน ทั้งจากแสงอาทิตเวลาเราจอกตากแดดนานๆ เป็นประจำ องมืดมน ไร้ชีวิตชีวาไปเลยความร้อน ทั้งความร้อนจากดวงอาทิตย์ (จากการจอดรถตากแดดเป็นระยะเวลานาน เป็นประจำ) และความร้อนจากหลอดไฟที่สูงเกินไป (หลอดไฟที่ให้ความสว่างมากกว่าปกติ) ใช้น้ำยาเคลือบสีรถ สดใสชั่วคราว การจะทำให้โคมไฟที่หมองไปแล้ว กลับมาเหมือนใหม่อีกครั้ง ไม่ใช่เรื่องยาก แต่การที่ทำให้ใหม่ด้วย ทนด้วยนี่สิยากกว่า ! ช่างตามร้านขัดเคลือบ ส่วนมากมักใช้วิธีขัดคราบเหลืองที่ติดอยู่บริเวณผิวโคมออก ด้วยกระดาษทรายเบอร์หยาบ ตามด้วยเบอร์ละเอียด เมื่อขัดเสร็จ มักเคลือบโคมด้วยน้ำยาเคลือบสีรถทั่วๆ ไป ซึ่งจุดนี้เองที่สำคัญ เพราะถ้าเราขัดคราบออกหมดแล้ว แต่ไม่ได้ใช้น้ำยาเคลือบโคมไฟโดยเฉพาะ ไม่นานน้ำยาที่เคลือบก็จะสลายไป โคมไฟก็จะกลับมาหมองเหมือนเดิม นาโนเทคโนโลยี ช่วยคุณได้ ปัจจุบันได้มีการคิดค้นนาโนเทคโนโลยี และ SOL-GEL มาเป็นสารเคลือบโคมไฟหน้า SOL-GEL คือ การแปรสภาพจากของเหลว (SOL) ให้เป็นของแข็ง (GEL) ที่อุณหภูมิต่ำเป็นพิเศษ จึงได้ CRYSTALITE ที่กลายสภาพเป็นฟีล์มแก้ว ที่ให้ค่าความแข็งประมาณ 3H (ไฟหน้ารถทั่วไป มีค่าความแข็ง 1H-2H) ช่วยป้องกันรอยขูดขีดได้ระดับหนึ่ง และยังปกป้องความร้อนจากแสงอาทิตย์ และไฟหน้ารถยนต์ได้อีกด้วย ปัจจุบันผลิตภัณท์เหล่านี้ มีขายกันตามร้านประดับรถยนต์ หรือร้านคาร์แคร์ทั่วไป บางเจ้าหัวใส ทำ "ชุดคิท" แบบสำเร็จ ที่คุณสามารถซื้อกลับบ้านไปทำด้วยตัวเองได้เลย โดยมีราคาตั้งแต่ 800-2,000 กว่าบาท แล้วแต่ปริมาณ และเกรดของผลิตภัณฑ์ สมัยนี้ อะไรๆ ก็โคมพลาสติค โคมไฟหน้ารถยนต์ มี 2 ชนิด คือ แบบแก้ว และพลาสติค รถเมื่อประมาณ 10 กว่าปีก่อน มักเป็นแบบแก้วเสียส่วนใหญ่ แต่ทุกวันนี้ รถยนต์ส่วนใหญ่กลับเปลี่ยนมาใช้โคมแบบพลาสติค (POLYCARBONATE) กันเกือบหมด เนื่องจากโคมที่ทำจากพลาสติคสามารถออกแบบและขึ้นรูปได้หลากหลายกว่า ทำความสะอาดง่ายกว่า และใสกว่า โดยถ้าลองเทียบความสว่างระหว่างโคมแก้ว กับโคมพลาสติค (ใช้หลอดไฟขนาดกำลังเท่ากัน) จะเห็นได้ชัดว่าโคมพลาสติคจะสว่างกว่าโคมแก้วพอสมควร ในการทำความสะอาดโคมก็เช่นกัน ถ้าเป็นแบบพลาสติค มักมีน้ำยาทำความสะอาดต่างๆ ออกมาล่อใจอย่างมากมาย ส่วนโคมแก้ว ก็มีเหมือนกัน แต่อาจหายากหน่อย ถ้าจะให้ได้ผลดีต้องถอดออกมาขัดล้าง หรือไม่ก็ต้องยอมซื้อใหม่ไปเลย เคล็ดลับประเมินคราบหมอง การทำความสะอาดโคมไฟหน้า ใช่ว่าจะทำได้กับรถทุกคันเสมอไป เพราะรถแต่ละคัน ล้วนมีสาเหตุของการเกิดคราบต่างๆ ที่ต่างกัน ดังนั้นเราต้องรู้วิธีประเมินแบบคร่าวๆ ก่อน ดังนี้ - คราบเหลืองจากแสงแดด ถ้าเป็นคราบลักษณะนี้ สังเกตว่าเมื่อมองเข้าไปภายในตัวโคม จะเห็นว่ายังใสเป็นปกติอยู่ แต่จะขุ่นเหลืองเฉพาะแผ่นพลาสติคด้านนอก ถ้าเป็นแบบนี้ ขัดข้างนอกอย่างเดียวเหมือนกับที่เราแนะนำ ได้เลย - คราบขุ่นเหลืองออกคล้ำๆ ภายในโคม ถ้ามองเข้าไปในโคมแล้วเกิดคราบดำคล้ำๆ บริเวณรอบๆ เบ้าโคม แสดงว่าคราบเหล่านั้นมาจากภายในโคม สาเหตุมาจาก มีน้ำเล็ดลอดเข้าไปภายในโคม ถ้าเป็นแบบนี้ต้องถอดมาแยกส่วนประกอบ แล้วทำความสะอาดเท่านั้น - คราบดำใกล้ๆ หลอดไฟ ถ้าเราเห็นเป็นคราบดำๆ เหมือนรอยไหม้ แสดงว่าเกิดจาก ความร้อนของหลอดไฟสูงเกินไป จนทำให้แผ่นสะท้อนในโคมเกิดไหม้ แบบนี้ทำความสะอาดไม่ได้ครับ ต้องซื้อใหม่อย่างเดียว ขอขอบคุณ จิรัฏฐ์ เกียรติกีรติสกุล www.innoglobalgroup.com เอื้อเพื้อข้อมูล