ทราบไหมครับว่า อุตสาหกรรมที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงอย่างอุตสาหกรรมรถยนต์ กับอุตสาหกรรมไอทีนั้น แตกต่างกันตรงไหน ?คำตอบง่ายมาก อุตสาหกรรมรถยนต์ไม่เคย กั๊ก เทคโนโลยีใหม่ๆ วิศวกรคิดค้นนวัตกรรมอะไรได้ ก็จะใส่มาให้เต็มๆ ตรงกันข้ามกับบรรดาสินค้าไอทีทั้งหลาย ที่จะมีรุ่นที่ใหม่กว่า และดีกว่า ออกมาอย่างต่อเนื่อง จนตามเปลี่ยนตามซื้อกันแทบไม่ทัน ซึ่งไม่ได้เป็นเพราะวิศวกรไอทีเก่งกว่าวิศวกรรถยนต์ จนคิดค้นนวัตกรรมเจ๋งๆ ได้ตลอดเวลา แต่เพราะวงจรชีวิตของสินค้าไอทีแต่ละรุ่นมันค่อนข้างสั้น เขาจึงจำเป็นต้องทยอยใส่เทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าไปทีละนิดละหน่อย เพื่อล่อใจลูกค้าให้ควักกระเป๋าได้บ่อยๆ เพราะฉะนั้น สำหรับสินค้าไอที ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ พีซีโนทบุค หรือแทบเลท ทำใจไว้เลยว่าคุณอาจกำลังใช้เทคโนโลยีที่คิดค้นไว้ตั้งแต่เมื่อ 10 ปีก่อน ก็เป็นได้ ส่วนรถยนต์มีวงจรชีวิตยาวกว่ามาก จะมามัวกระมิดกระเมี้ยนเทคโนโลยีเด็ดๆ ไม่ได้ เพราะไม่มีใครรอซื้อรุ่นถัดไปแน่ ฉะนั้น ในโลกของยานยนต์อนาคต จึงไม่ใช่สิ่งที่ต้องรอคอย ต่างจากโลกของไอที ที่ตอนนี้ใครๆ ก็ตั้งตาคอย ไอแพด 3 และไอโฟน 5 ทั้งๆ ที่รุ่นเดิมที่ใช้อยู่ ยังผ่อนค่างวดไม่หมด ! ตัวอย่างของเทคโนโลยียานยนต์อันน่าทึ่งล่าสุด ได้แก่ ระบบเครือข่ายการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่รถ และสภาพแวดล้อม เช่น ระบบนำทางที่ทำงานร่วมกับศูนย์ข้อมูลจราจร ระบบค้นหาที่จอด และสถานที่สำคัญ ระบบแสดงข้อมูลด้านความเร็ว อัตราการประหยัดน้ำมัน ฯลฯ บนกระจกหน้าซึ่งผู้ขับสามารถมองเห็นได้โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน ระบบควบคุมความเคลื่อนไหวของรถ เช่น เพิ่ม หรือลดความเร็ว และเปลี่ยนทิศทาง โดยวิเคราะห์ข้อมูลจากสมอง และดวงตาของผู้ขับ รวมถึงสภาพแวดล้อมรอบตัวรถ ทั้งสัญญาณไฟจราจร รถยนต์คันอื่น และสิ่งกีดขวางต่างๆ นอกจากนี้ ระบบเพื่อความปลอดภัยทั้งเชิงป้องกัน และเชิงแก้ไขก็มีเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมาย อาทิ ระบบป้องกันการชนขณะขับขี่ที่ความเร็วต่ำ ซึ่งจะช่วยเบรคโดยอัตโนมัติเมื่อรถจะพุ่งเข้าชนสิ่งกีดขวางที่ความเร็วไม่เกิน 30 กม./ชม. ระบบควบคุมความเร็ว พร้อมระบบเข้าคิวอัตโนมัติ และระบบแจ้งเตือนระยะห่าง ซึ่งจะปรับความเร็วให้สอดคล้องกับรถคันหน้าโดยอัตโนมัติ และจะเบรคเองเมื่อมีรถมาแทรก ระบบถุงลมนิรภัยกลางห้องโดยสาร ติดตั้งด้านข้างที่นั่งคนขับ เพื่อลดแรงปะทะระหว่างผู้ขับขี่กับผู้โดยสารตอนหน้าจากการชนด้านข้าง ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิต ส่วนด้านพลังงานขับเคลื่อน เทคโนโลยีที่มีอัตราสิ้นเปลืองต่ำ และปราศจากมลพิษอย่างพลังไฟฟ้า และเซลล์เชื้อเพลิงได้รับการพัฒนาจนถึงระดับที่น่าพอใจ และจากการเป็นแหล่งผลิตยานยนต์ใหญ่ของโลก ท้องถนนเมืองไทยย่อมมีโอกาสต้อนรับยานยนต์เทคโนโลยีสูงเหล่านั้นอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้ เมื่อถึงเวลาต้องกำหนดแนวคิดของงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 ผมจึงอยากจุดประกายให้ผู้ผลิตได้นำยานยนต์ที่พรั่งพร้อมด้วยเทคโนโลยี และคุณสมบัติของนวัตกรรมแห่งอนาคตมาแสดงภายใต้คำขวัญ ยานยนต์วันหน้า ที่มาวันนี้ หรือ MEET TOMORROWS CARS TODAY