มาตรวัดตลาดรถ
สรุปค่าเสียหาย
ผลจากเหตุมหาอุทกภัย ที่น้ำมาเยือนกรุงเทพมหานคร ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ทำเอาตัวเลขการขายเดือนพฤศจิกายน ลดลงไปเหลือเพียง 25,664 คัน ในขณะที่ปกติจะขายกันมากกว่า 5 หมื่นคัน นั่นเป็นเรื่องแรก
เรื่องต่อไป ก็ความเสียหายของโรงงานอุตสาหกรรม โดยภาพรวม โรงงานอุตสาหกรรมได้รับความเสียหาย จำนวน 8,252 ราย จาก 42 จังหวัด ทั่วประเทศ แบ่งเป็น ในนิคม/เขตประกอบการ/สวนอุตสาหกรรม 7 แห่ง โรงงานจำนวน 888 ราย มูลค่าความเสียหาย 171,087 ล้านบาท และภายนอกนิคมอุตสาหกรรม โรงงานจำนวน 7,364 ราย มูลค่าความเสียหาย 157,174 ล้านบาท รวมมูลค่าความเสียหายที่คิดออกมาเป็นตัวเงิน 328,261 ล้านบาท
จังหวัดที่มีโรงงานอุตสาหกรรมได้รับความเสียหาย 5 ลำดับแรก ได้แก่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 1,690 ราย ความเสียหาย 166,408 ล้านบาท จังหวัดปทุมธานี 1,684 ราย ความเสียหาย 143,008 ล้านบาท จังหวัดนนทบุรี 1,415 ราย ความเสียหาย 12,458 ล้านบาท กรุงเทพมหานคร 2,324 ราย ความเสียหาย 2,000 ล้านบาท
นั่นอย่างเป็นทางการ แต่อย่างไม่เป็นทางการ ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โดยเฉพาะกับพนักงานของโรงงานแต่ละแห่ง ที่จะต้องมีสวัสดิการ รถบัส อาหาร มื้อเช้า มื้อกลางวัน มื้อเย็น อย่างที่ไม่ได้รายงานกับราชการอีก แต่ละโรงงาน แต่ละวัน มันมีเงินสดหมุนเวียนกันอีกเท่าไร แล้วคิดรวมเป็นเดือน มันเท่าไรกันแน่ ใครจะเป็นคนไปสำรวจมาเผยแพร่ ก็ไม่มี
ส่วนค่าใช้จ่าย ที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด ไม่ว่าจะเป็นค่ากระสอบทราย ค่าดินทำเขื่อน ค่าน้ำมันรถแบคโฮ อีกสารพัด อันนี้ก็ไม่ปรากฏในรายงานราชการเช่นกัน
นี่ยังไม่นับรวมค่าเสียโอกาส ในการขายเข้ามาอีก
แล้วค่าใช้จ่ายที่จะต้องใช้ ในการซ่อมสร้าง ทำความสะอาด จนกว่าจะสามารถกลับมาทำการผลิตได้อีก อย่างน้อยก็ต้องมี 3 เดือน มันก็ไม่ใช่ 3 แสนล้านบาทแล้วล่ะ มันมหาศาลทีเดียว
จะไปโทษว่า ปีนี้ปริมาณมวลน้ำมากผิดปกติ มันก็ไม่เชิงทีเดียวนัก
ท่านผู้มีบุญ มีอำนาจ มีหน้าที่ในการทำงานของราชการน่ะ พูดอะไรออกมา ชาวบ้านก็ต้องฟังกันทั้งนั้น เพราะให้เกียรติว่า กว่าท่านจะไต่เต้าขึ้นมาเป็นใหญ่ได้ ก็ต้องมีความรู้สึกรับผิดชอบชั่วดีกันมั่งน่ะ
แต่เดี๋ยวนี้ ไม่เห็นมีใครเขาฟังท่านกันเลย หลังจากได้รับฟังวาทะเด็ดแห่งศตวรรษ เอาอยู่ แล้วมันเกิด เอาไม่อยู่ ขึ้นมา
ไปเรื่องอื่นบ้าง เอาเรื่องใกล้ตัวก่อน เรื่องภาษีน้ำมันดีเซล ที่ท่านลดภาษีไปก่อนแล้ว เพื่อรักษาระดับราคาให้อยู่แถวๆ ไม่เกิน 30 บาท ซึ่งจะหมดอายุสิ้นเดือนธันวาคม นี้
ท่านเล็งเห็นว่า เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน และลดค่าใช้จ่ายของประชาชน จึงควรขยายเวลา การปรับลด อัตราภาษีสรรพสามิต น้ำมันดีเซล ออกไปอีก 1 เดือน คือตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2555
ก็คือ ซื้อเวลาไปอีก 1 เดือน จึงเรียนมาเพื่อทราบขอรับ
กลับมาเรื่องมาตรวัดประจำเดือนพฤศจิกายน ยอดการขาย 11 เดือน ทั้งตลาด 25,664 คัน ลดลง 67.5 % ขณะที่ตลาดรวมลดลงเพียง 4.6 % ขายได้ 739,506 คัน
แชมพ์อันดับหนึ่ง ในเดือนที่ีจมน้ำทั้งเดือน โตโยตา ขาย 4,047 คัน ลดลงเยอะมาก 88.0 % ส่วนแบ่งในตลาด 15.8 % อันดับสอง มีรถในสตอคเยอะ มิตซูบิชิ ขาย 3,557 คัน ลดลง 12.7 % ส่วนแบ่ง 13.9 % อันดับสาม นี่ก็ไม่เปียกเหมือนกัน นิสสัน ขาย 3,294 คัน ลดลง 36.9 % อันดับสี่ ได้ใจไปเต็มๆ ฮอนดา ขาย 3,162 คัน ลดลง 68.8 % และอันดับห้า ร่วงมาเยอะ อีซูซุ ขายแค่ 2,592 คัน ลดลง 83.2 % ส่วนแบ่ง 10.1 %
แยกประเภทออกเป็น รถยนต์นั่ง ยอดรวมเดือนเดียวลดลงไป 63.0 % ขายเพียง 11,973 คัน ขณะที่ 11 เดือน ขายได้ 323,058 คัน เพิ่ม 9.4 % โดยที่ตำแหน่งเปลี่ยนเยอะ แชมพ์ ฮอนดา ขาย 2,812 คัน ลดลง 69.6 % ส่วนแบ่ง 23.5 % ที่สอง นิสสัน ขาย 2,686 คัน ลดลง 12.1 % ส่วนแบ่ง 22.4 % ที่สาม มาซดา ขาย 1,643 คัน ลดลง 17.4 % ส่วนแบ่ง 13.7 % ที่สี่ โตโยตา ขาย 1,478 คัน ลดลง 89.4 % ส่วนแบ่ง 12.3 % และที่ห้า เชฟโรเลต์ ขายเพียง 1,279 คัน แต่เพิ่มขึ้น 102.4 % ส่วนแบ่ง 11.8 %
รายงานผู้เสียภาษียอดเยี่ยม ลัมโบร์กินี ขาย 5 คัน โพร์เช ขาย 4 คัน, แจกวาร์ 3 คัน มิตซูโอกะ และ แฟร์รารี เจ้าละ 2 คัน และ เบนท์ลีย์ ขาย 1 คัน
รถเพื่อการพาณิชย์ หรือรถบรรทุก ยอดรวมเดือนเดียว ขาย 1,327 คัน ลดลง 43.2% 11 เดือน ยังเพิ่มอยู่ 6.2 % ขาย 21,607 คัน โดยที่แชมพ์ ได้แก่ ฮีโน ขาย 600 คัน ลดลง 40.4 % ส่วนแบ่ง 45.2 % ที่สอง อีซูซุ ขาย 563 คัน ลดลง 49.1 % ส่วนแบ่ง 42.4 % ที่สาม มิตซูบิชิ ขาย 75 คัน ลดลง 31.2 % ส่วนแบ่ง 5.7 %
รถอเนกประสงค์อื่นๆ หรือรถแวน ขายรวม 1,144 คัน ลดเยอะ 46.2 % รวมก็ยังลดลง 3.6 % ขายได้ 19,642 คัน โดยที่ โตโยต้า ขายได้เพียง 882 คัน ลดลง 49.2 %
อย่าลืมว่า ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นของแต่ละบริษัท แต่ละค่ายรถยนต์ มันก็จะต้องหวนกลับมาอยู่ใน ราคารถยนต์แต่ละคัน ไม่ว่าจะเป็นรถที่ขายในวันนี้ หรือขายในวันไหนๆ ซึ่งมันก็คือ เงินในกระเป๋าของ พวกเรานี่แหละ
แล้วเจ้าค่าใช้จ่ายของภาครัฐ ที่เอามาช่วยในเรื่องการป้องกันมวลน้ำอีกล่ะ มันก็เงินภาษีของข้าพเจ้า อีกนั่นแหละ แล้วเงินที่จะต้องไปกู้เขามา เพื่อให้ปิดหีบเงินรายได้ประจำปีอีกล่ะ มันก็กลับมาหากระเป๋า ข้าพเจ้าด้วยอีกเหมือนกัน
เฮ้อ โดนทั้งขึ้น ทั้งล่อง
เรื่องโดย : มือบ๊วย formula@autoinfo.co.th
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2555
คอลัมน์ Online : มาตรวัดตลาดรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/85297