แนะนำเพลง
THE CHANGE-UP "เปลี่ยน-ไม่เปลี่ยน"
THE CHANGE-UP
"เปลี่ยน-ไม่เปลี่ยน"
เห็นใบปิดหรือหน้าหนังปุ๊บ ก็น่าจะเดาได้ในทันทีว่าหนังเรื่องนี้จะออกมาแนวไหน ภาษาอังกฤษเขาเรียกหนังแบบนี้ว่า BODY-SWAP COMEDY สลับร่างสร้างรักประมาณนั้น บ้านเราก็เคยมีเรื่อง หวานมันฉันคือเธอ หญิงชายสลับร่างสร้างความอลเวงไปตามเรื่อง
ส่วนหนังฝรั่งเขาก็มีบ้าง ทั้งเปลี่ยนร่างต่างเพศ เปลี่ยนร่างต่างวัย แม่กลายเป็นลูก ลูกกลายเป็นพ่อ พูดถึงเรื่องความต่างระหว่างหญิงและชาย หรือไม่ก็เรื่องวุฒิภาวะช่องว่างระหว่างวัย แต่ใน THE CHANGE-UP เขาหยิบเอาประเด็นเรื่องการมองเห็นคุณค่าของตนเองมาจับต้องบอกเล่า
กระทาชายนาย มิช คือ บุคคลที่ไร้สาระที่สุดในหนังเรื่องนี้ เขาไม่เพียงแต่ไม่ทำงานเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ยังทำตัวสำมะเลเทเมา และเหมือนจะคอยป่วนคอยถ่วงเพื่อนไปในตัวด้วย และเพื่อนคนนั้นก็คือ ลอควูด ทนายหนุ่ม ลูก 3 เมีย 1 ผู้มีอนาคตไกลเป็นที่หมายมั่นของบรรดาผู้บริหารในบริษัท
ทั้ง 2 คนมีทุกอย่างที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง มิช นอนในห้องรกๆ เหม็นๆ แต่ ลอควูด อยู่บ้านหลังใหญ่โต ซึ่งเขาสร้างมันขึ้นมาด้วยตนเอง อบอุ่นด้วยเมียและลูกตัวน้อยๆ แต่ทั้ง มิช และลอควูด ก็เป็นเพื่อนรักกัน มีประสบการณ์วัยรุ่นด้วยกัน แม้ มิช จะออกแนวดื่มเหล้าเคล้านารีไปเรื่อย และลอควูด จะออกแนวตั้งหน้าตั้งตาเรียนและเป็นคนดีก็ตาม
แต่แล้วจู่ๆ พออยู่ๆ ไป ทั้งสองกลับรู้สึกอิดหนาระอาใจในชีวิตตนเอง และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการสลับร่าง คนไม่เอาถ่านเปลี่ยนร่างไปเข้าประชุมบริษัททนายมูลค่าหลายร้อยล้าน ก็ทำท่าว่าจะพัง ส่วนคนดีๆ ไปเป็นนักแสดงจับฉ่ายถ่ายหนังโป๊เกรดบี ทีนี้เรื่องมันก็เข้าเค้าจะวายป่วง
แต่เอาล่ะ เมื่อชีวิตต้องดำเนินต่อไป ยังไงก็ต้องเล่นต่อไปให้สมบทบาท
แล้วพอทุกอย่างเริ่มลงตัว คนไม่ดีก็เริ่มคุ้นกับการทำตัวดี ส่วนคนดีก็เริ่มคุ้นกับการทำตัวไม่เอาอ่าว จากที่เคยต้องตื่นตี 3 มาเปลี่ยนผ้าอ้อมลูกแฝด พอ 7 โมงเช้าก็ตื่นเข้าออฟฟิศ กลับกลายเป็นว่าสายโด่งแล้วก็ไม่รู้จะตื่นไปทำไม สุดท้ายก็ตื่นมาทำอะไรที่อยากทำ ไปดูหนัง ไปเล่นสเกท ไปดูปลา ทำบ้าทำบอเรื่อยเปื่อย
ส่วนคนไม่เอาอ่าวก็เริ่มค้นพบความสามารถของตนเอง คือ ไม่ได้แย่อย่างที่คนอื่นสบประมาทว่า เป็นพวกเก่งแค่ 5 นาที หลังจากนั้นไม่ล้มเหลว ก็ล้มเลิก !
หนังมันก็มีประเด็นน่าดูอยู่ตรงนี้ คนดีๆ ตั้งหน้าตั้งตาทำงานหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว แล้วก็ลืมไปว่าชีวิตต้องการอะไร เมียและลูกต้องการอะไร หาเงินมาเลี้ยงเขาได้แต่ไม่สนใจเขา สุดท้ายก็กลายเป็นประเด็นให้คนหย่ากัน...คนเป็นเมียนั่งบ่นแบบนี้ ตอนที่สามีทำงานจนผิดนัดครอบครัว
ข้อดีของหนังสลับร่าง ก็คือ การได้ดูคนเปลี่ยนชีวิตตนเองไปเป็นชีวิตคนอื่น คนที่เราอาจเผลอคิดบ่อยๆ ว่า ชีวิตของเขาคงจะดีกว่าชีวิตของเรา โดยลืมนึกไปว่า เรื่องจริง ชีวิตจริง มันเปลี่ยนกับใครไม่ได้ ถ้าอยากจะเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยนที่ตนเองนี่แหละ !
FRIENDS WITH BENEFITS
"เพื่อนกัน...มันจะตาย !"
ไม่ใช่หนังที่วางพลอทไว้ให้ใครต่อใครเข้าใจได้ง่ายๆ อย่างที่หนังรักเรื่องอื่นๆ เคยทำมา ทั้งยังค่อนข้างวางตัวออกห่างจากหนังรักสูตรสำเร็จทั่วไป ที่ค่อยๆ ลำดับเนื้อหาความใกล้ชิดระหว่างหญิงกับชาย จากคนไม่รู้จักมาทักทายกัน ใกล้ชิดสนิทกัน แล้วสุดท้ายก็เผลอใจรักกัน...หนังเรื่องนี้ไม่ใช่อะไรแบบนั้นเด็ดขาด !
มันเริ่มมาจากคนที่ผลประโยขน์ขีดเขี่ยให้มาเจอกัน จากนั้นก็พยายามเกลี้ยกล่อมซึ่งกันและกัน แล้วก็ไปจบลงบนเตียง ด้วยสมมติฐานที่ว่า ถ้าเป็นเพื่อนกันแล้วสามารถเล่นเทนนิสกันได้อย่างสนุกสนาน เราชายหญิงก็ควรจะหันมาเล่นเซกซ์กันบ้าง น่าจะสนุกกว่า แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ในเงื่อนไขความเป็นเพื่อนอยู่วันยังค่ำ ห้ามคิดเกินเลยโดยเด็ดขาด
จริงๆ แล้วพักหลังๆ หนังประเภทนี้ก็โผล่มาค่อนข้างเยอะ ไอ้ประเภทเจอกัน แล้วค่อยๆ รักกันจริงๆ 5 ปีหลังมานี้มีไม่น้อย เพราะพลอทเรื่องมันเริ่มตีบตัน จะเริ่มนับ 1 2 3 4 มันก็ซ้ำๆ เดิมๆ ก่อนนี้จึงมีคนลองนับ 2 3 1 4 บ้าง 1.1-4.2/2.8-3 บ้าง พอเริ่มหมดมุกก็เลยนับ 4 3 2 1 ดูบ้างก็แปลกดี
ในหนังเขาจึงโยนคำถามใส่ปากนางเอกของเรื่องว่า มันจะมีบ้างไหม หนังที่สร้างเรื่องราวต่อจากจูบสุดท้ายในหนังเรื่องอื่นๆ คือ หนังเรื่องเดิมๆ ที่เคยทำๆ มาเนี่ย กว่าพระเอกจะจูบนางเอกได้ก็ล่อไปชั่วโมงกว่าใช่ไหม แล้วสุดท้ายพอจูบแล้วก็จบ นางเอกเขาก็สงสัยอยากให้มีต่อ พระเอกก็เลยตอบไปว่า มีสิ ก็หนังเอกซ์ไง
ในเรื่องมันจะมีคำพูดคำจาประมาณนี้บ่อย สมมติฐานดีๆ ถูกโยนเข้ามาในหนัง แล้วก็ถูกตอบโดยใครคนหนึ่งซึ่งค่อนข้างจะคมคาย และแม้ว่าบางทีจะไม่คมคาย แต่มันก็เข้าเป้าเอาเรื่องเลยทีเดียว
อย่างเรื่องของการเสียดสีหูของผู้นำโลก ว่าใหญ่อย่างกับหูช้าง ซึ่งคงไม่มีใครต้องการความใหญ่ในส่วนนี้ของช้างหรอก มันก็หมายความง่ายๆ ว่าถ้าอยากจะมีอะไรๆ ใหญ่เหมือนช้าง เขาก็คงเล็งไปที่ส่วนอื่นมากกว่าใบหูนั่นล่ะ
ฮาไหม ? หนังเขาจะพูดจากันประมาณนี้ ถ้าชอบก็ต้องเกทไวๆ หน่อย
ส่วนประเด็นอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ก็ไม่มี เพราะเปิดมาร้อยทั้งร้อยก็ย่อมจะรู้อยู่แล้วว่า ยังไงคู่นี้ก็จะมารักกันอยู่ดี แต่อย่างที่บอกว่าหนังค่อนข้างจะวางตัวออกห่างจากสูตรสำเร็จทั่วไป คือ ดูๆ ไปก็งง ตกลงมันจะสื่อถึงอะไร หรือแค่ให้ตามติดชีวิตคนที่เคย "มีอะไรกันแล้ว แต่ไม่รักกัน" ว่ามันจะเป็นอย่างไร ?
ไอ้ครั้นจะหักคอทำร้ายใจคนดู ปล่อยให้พระเอกนางเอกอกหักทั้งปีทั้งชาติยันตอนจบ หนังก็ไม่ใช่แนวนั้น มันไม่อินดีพอ เป็นแค่ส่วนผสมระหว่างทฤษฎีที่น่าจะเข้าท่า กับอัตราความคาดหวังของคนดู ซึ่งล้วนต้องการเห็นคู่รักจบลงอย่างดูดดื่ม เอาเป็นว่าใครที่คิดว่า "เพื่อนกัน...มันจะตาย" ลองชวนเพื่อนไปดูหนังเรื่องนี้ ถ้าเขาเห็นด้วยว่าน่าจะมัน ก็ชักชวนกันไปตามสบายได้เลย
ศิลปิน : GREEN DAY
อัลบัม : AWESOME AS FXXK
แนวดนตรี : ALTERNATIVE ROCK
"SO WHAT ?"
อัลบัมรวม 17 บทเพลง จาก 16 คอนเสิร์ทตามเมืองสำคัญของโลกกับ "21st CENTURY BREAKDOWN TOUR" โดยคณะดนตรีแนวพังค์ รอค-อัลเทอร์เนทีฟ รอค ตัวพ่อของวงการเพลงแนวนี้
GREEN DAY คือ วงดนตรี 3 ชิ้นที่สั่นสะเทือนวงการเพลงทั่วโลก ด้วยลีลาดนตรีที่เล่นแบบน้อยแต่มาก พวกเขาโขยกกีตาร์ เบสส์ และกลอง ด้วยภาษาและทำนองสุดง่าย ใช้ทางคอร์ดสั้นๆ พื้นฐาน 3-4 คอร์ดสลับไปมา แต่ทว่าพอถึงท่อนฮุค พวกเขากลับปล่อยหมัดเด็ดเข้าจุกอกคนฟังทั่วโลก จนกลายเป็นหนึ่งในวงตำนานที่ยังหายใจ และยังคงสร้างสรรค์งานในแนวทาง และมาตรฐานของตนเองออกมาอย่างต่อเนื่อง
ผิดกับหลายวงในรุ่นราวคราวเดียวกัน ที่ไม่วงแตกก็แยกย้ายไปติดยา บ้าเหล้า อีโกจัด จนไม่สามารถทำเพลงให้คนธรรมดาฟังได้อีกต่อไป
ในปี 2011 ที่ผ่านมา GREEN DAY ได้รับการจัดให้อยู่ในลำดับที่ 9 ในการจัดอันดับ "TOP 10 MOST POPULAR MUSIC FACEBOOK PAGES IN 2011" มีคนกด LIKE กว่า 20 ล้านคน เป็นรองศิลปินรอครุ่นพี่เพียงรายเดียวนั่นก็คือ METALLICA นอกนั้นก็เป็นศิลปินพอพวัยรุ่นที่มีเหล่าสาวๆ หนุ่มๆ วัยทีนเอจตามมากด LIKE ให้
ย้อนกลับไปเมื่อต้นปี 2010 ถือเป็นปีที่เมืองไทยและคนไทยได้ฤกษ์กระโดดต้อนรับพวกเขาในคอนเสิร์ท GREEN DAY LIVE IN BANGKOK ซึ่งก่อนหน้านั้น ทางนิตยสาร คาร์ สเตริโอ ก็ได้ลงบอกกล่าวให้เหล่าสาวกและแฟนๆ ในเมืองไทยได้ล้างคอรอโดดกันตั้งแต่วีคแรกของปี เพราะหลายคนใน 13 ปีก่อนหน้านั้นต้องพลาดแบบไม่น่าพลาดกับคอนเสิร์ทครั้งแรกในเมืองไทย ซึ่งเป็นปีทองที่พวกเขาแจ้งเกิดป่าวประกาศความเป็นอันเทอร์เนทีฟ รอคให้แก่โลก
มาคราวนี้ จากทัวร์คอนเสิร์ท 21st CENTURY BREAKDOWN TOUR พวกเขาคัดสรรและรวบรวมเอา 17 บทเพลง จาก 16 คอนเสิร์ทตามเมืองสำคัญของโลก มารวบรวมไว้ในอัลบัมบันทึกการแสดงสด ชื่อสุดห่ามว่า AWESOME AS FXXK มาให้แฟนๆ ชาวไทยได้ฟัง และได้มันไปกับพวกเขา และแฟนเพลงทั่วโลก
นอกจากนี้ ยังมีโบนัสดีวีดีบันทึกการแสดงสดจาก SAITAMA SUPER ARENA ณ เมืองไซตามะ ประเทศญี่ปุ่น มาให้แฟนๆ ชาวไทยได้ระลึกถึงความสนุกสนานแบบอัลเทอร์เนทีฟตัวพ่อ ที่พวกเขาเคยมอบให้กับชาวไทยมาแล้วเมื่อปีก่อน
เปิดอัลบัมด้วยเพลงชื่อเดียวกันกับทัวร์ นั่นก็คือ 21st CENTURY BREAKDOWN แล้วตามด้วย KNOW YOUR ENEMY ให้บรรยากาศของการแสดงสดด้วยเสียงปรบมือเกรียวกราว และการสำรอกเสียงร้องตามสไตล์ของ BILLIE JOE ARMSTRONG มือกีตาร์ และร้องนำ
ส่วนเพลงสร้างชื่อให้พวกเขาอย่าง WHEN I COME AROUND, BOULEVARD OF BROKEN DREAMS, SHE, AMERICAN IDIOT และ 21 GUNS ก็ยังคงแน่นอนในเรื่องของความมัน และการถ่ายทอดด้วยอารมณ์ดิบดั้งเดิม แม้จะย้ายไปเล่นตามที่ต่างๆ อย่างเช่น เมืองเบร์ลิน ประเทศเยอรมนี มอนทรีอัล ประเทศแคนาดา หรือเมืองดับลิน ประเทศไอร์แลนด์
ฟังแล้วก็พูดได้คำเดียวว่า แก่นแท้ของความห่ามและดิบยังคงอยู่ครบถ้วนในวงนี้ อัลบัมนี้ และแม้ว่าพวกเขาจะย้ายตนเองไปแสดงที่ไหนในโลกก็ตาม บทเพลงแห่งสัจธรรมที่พังค์รอคร่ำร้องก็จะยังคงกู่ก้องว่า ROCK NEVER DIE BUT PUNK NEVER DIE TOO...SO WHAT ?
ศิลปิน : JESSY J
อัลบัม : WHO YOU ARE
แนวดนตรี : POP DANCE
"แซบเวอร์ !"
อัลบัมแรกจากสาวอังกฤษอายุ 24 ปี ปล่อยของออกมาแน่นเอี๊ยด 16 เพลง หลังจากที่ค่อยๆ ทยอยปล่อยซิงเกิลออกมาทีละเพลง 2 เพลงเมื่อปีที่ผ่านมา แล้วก็เก็บเล็กผสมน้อยเอาหัวใจคนชอบฟังเพลงพอพแดนศ์เข้าไปเก็บไว้ทีละดวง 2 ดวง จนสุดท้ายก็มาถึงคราวปูพรมบนเวทีใหญ่ ในฐานะศิลปินหน้าใหม่ที่น่าจับตามอง
WHO YOU ARE คือ อัลบัมดังกล่าวซึ่งได้รับการปล่อยออกมาเมื่อราวๆ ต้นปี 2011 แค่เพียงสัปดาห์แรกก็ทำยอดขายได้มากถึงแสนกว่าแผ่น มีตำแหน่งเป็นอันดับ 2 ของ UK ALBUMS CHART SELLING พอไปถึงฝั่งสหรัฐอเมริกาก็สร้างยอดไต่เต้าไปถึงอันดับที่ 11 ในการวางจำหน่ายสัปดาห์แรกบน BILLBOARD 200 ALBUM CHART
ซิงเกิลแรกชื่อ DO IT LIKE A DUDE ปล่อยออกมาก็สร้างกระแสให้กับเหล่าคอเพลงทั่วโลก จนถึงปัจจุบัน มิวสิควิดีโอเพลงนี้ (OFFICIAL VIDEO) ได้รับการชมผ่าน youtube.com มากกว่า 50 ล้านครั้ง
ส่วนเพลงที่ 2 ยิ่งแล้วใหญ่ สาวน้อยคนนี้...เรียกได้ว่าแจ้งเกิดเปรี้ยงปร้างกับเพลงสนุกๆ เนื้อหาดี ที่ชื่อ PRICE TAG เนื้อเพลงว่าด้วยการปลดปล่อยตนเองให้พ้นจากราคาค่างวดต่างๆ เลิกใส่ใจเรื่องเงิน เรื่องของ เรื่องโน่นเรื่องนี่ที่ชวนให้ซีเรียส แล้วออกมาเต้นรำมีความสุขกันจะดีกว่า เพลงนี้มีผู้ชมผ่านเวบไซท์ YOUTUBE เฉียดๆ 200 ล้านคน ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตกใจมากสำหรับเพลงที่มีอายุเพียง 1 ปี
นั่นเท่ากับว่า 365 วันที่ผ่านมา มีคนกด LIKE ในเวบไซท์ YOUTUBE ให้กับ PRICE TAG (OFFICIAL VIDEO) เฉลี่ยแล้วประมาณวันละ 5 แสนคน หารด้วยชั่วโมงก็จะเท่ากับชั่วโมงละ 2 หมื่นกว่าคน และถ้าคิดเป็นนาทีก็จะประมาณนาทีละ 350 คน หรือวินาทีละ 5 คน !
พอเพลงที่ 3 NOBODY'S PERFECT โผล่ออกมา เธอก็ไล่ทุบสถิติอื่นๆ อีกเป็นว่าเล่น โดยเฉพาะการสร้างยอดผู้ชมทาง YOUTUBE ด้วยการแสดงสดอันสุดยอด บางคนถึงกับยกย่องให้โชว์ของเธอคงความขลังและน่าสนใจกว่าฟังจากสตูดิโออัลบัมเสียด้วยซ้ำ
สวนทางกับนักร้องแนวพอพแดนศ์อีกหลายๆ คน ที่ร้องในห้องอัดได้เยี่ยมยอด แต่พอขึ้นเวทีแล้วหมดเสน่ห์ ผิดกับ JESSY J ที่กำลังยึดพื้นที่ในหัวใจคนชอบของจริง ยิ่งได้เห็นเธอปล่อยพลังการแสดงทุกหยดหยาด ทั้งท่าทางและการร้อง ยิ่งอยากเทใจให้เยอะๆ
ปีนี้เธอกำลังได้เข้าชิงรางวัลใหญ่ในเวที BRIT AWARD สาขา BRITISH BREAKTHROUGH ACT หรือรางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม (ขณะที่เขียนผลยังไม่ประกาศ) ทั้งๆ ที่บางคนบอกว่าเธอมีพร้อมหมดทุกอย่าง แต่ขาดอยู่อย่างเดียวก็คือ สไตล์ที่แปลกใหม่ ไม่มีใครซ้ำ
คู่แข่งของเธอมีทั้งคนที่เคยแนะนำไปแล้ว และคนที่น่าจับตามองจับหูฟังอยู่เหมือนกัน ทั้ง 5 ราย เป็นชาย 1 หญิง 3 และวงแนวๆ อีก 1 ผู้เขียนหลับตาฟังทุกคนแล้วขอเทใจให้กับสาวคนนี้ ชอบจริงๆ กับลีลาการ "เล่น" บนเวทีแบบดิบๆ ให้อารมณ์เพลงแดนศ์ที่ไม่ปรุงแต่งมากแต่แซบเวอร์ !
เรื่องโดย : กองบรรณาธิการ
นิตยสาร 409 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2555
คอลัมน์ Online : แนะนำเพลง
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/85279