แนะนำเพลง
CRAZY, STUPID, LOVE. "ได้เจ็บได้ร้องกับความโง่ เซ่อ บ้า"
CRAZY, STUPID, LOVE.
"ได้เจ็บได้ร้องกับความโง่ เซ่อ บ้า"
ยอดชายนายคาล คือมนุษย์สุดแสนสามัญ ทำงานบริษัท เชย เฉิ่ม และไม่เข้าใจผู้หญิงเหมือนที่ตนกำลังงงกับชีวิต มีอยู่บ้างที่ไม่ธรรมดาก็คือ คาล พบรักครั้งแรกเมื่ออายุ 15
และเขาก็แต่งงานกับสาวคนนั้น มีลูกด้วยกัน 3 คน ที่ว่าไม่ธรรมดาก็เพราะน้อยคนบนโลก ที่จะพบรักครั้งแรก แล้วก็ชอบพอกันจนถึงขั้นมีครอบครัวใหญ่โตอยู่กินกันมาราบรื่นกว่า 25 ปี
เป็นสมัยนี้แค่ 7 ปีก็ชวนกันไปหย่าแล้ว
เช่นเดียวกับ คาล ที่เขากำลังถูกเมียขอหย่า คาล งง สับสน เขาคงถามตัวเองว่า ทำผิดอะไร ในขณะที่เมียเอาแต่พูดๆ และยิ่ง คาล เงียบเมียก็ยิ่งบอกว่า
รู้ใช่ไหมว่าถ้าเงียบฉันก็จะยิ่งพูด เมียพูดมากไม่ยอมหยุด หลังจากชวนหย่า คาล เลยเปิดประตูรถทิ้งตัวลงบนถนนดื้อๆ
เรื่องนี้มันเกี่ยวกับความรักและการไม่ยอมแพ้ คือ คาล เขาก็อยากก้าวต่อไปให้ได้ ก็ไปเมาตามประสาคนเมียทิ้ง นั่งบ่นบ้าหน้าบาร์อยู่ 2 วัน เรื่องเมียกับชู้ พอดีว่าเสือผู้หญิงคนหนึ่งเห็น เลยคิดจะช่วย คาล
นายคนนี้ชื่อ เจคอบ เป็นพวกนักล่ารัตติกาล หล่อ รวย และประณีตแม้กระทั่งยามหมดคำพูด หลักๆ แล้วเขาแค่เข้าไปคุยกับสาวๆ เลี้ยงดื่มพวกเธอ ชวนพวกเธอคุย แล้วก็ชวนพวกเธอไปนอน
แค่ตอนจะถามอะไร ก็ให้ถามเพื่อที่เธอจะได้ 'ตอบ' อย่างที่ต้องการก็แค่นั้น เคล็ดลับ จะว่าไงดีล่ะ คือคำถามที่ เจคอบ ใช้ถาม มันเป็นประเภทตอบเพื่อคำถามใหม่ไปเรื่อยๆ จวบจนถึงจุดหนึ่ง
คุณทอยลูกเต๋าออกมาหน้า 4 เดินไปไม่กี่ตาก็ขึ้นบันไดงูไปสู่ห้องนอนของเขาซะอย่างนั้น
เรื่องทำท่าจะดี ชีวิต คาล เปลี่ยนแปลง จากที่เคยเป็นร่างทรง สตีฟ จอบส์ ใส่รองเท้าผ้าใบไปทุกที่ ก็แต่งตัวดีขึ้น มีลีลาการชวนคุยดีขึ้น ไม่นานก็ลากสาวไปนอนด้วยมากหน้า
กลายเป็นว่าเลิกกับเมียดีกว่าเป็นไหนๆ (ตอนแรกเพื่อนร่วมงานเห็นเขาร้องไห้ เข้าใจผิดคิดว่า คาล เป็นมะเร็ง ทุกคนปรบมือก้องเมื่อรู้ว่า คาล แค่เลิกกับเมีย) นอกจาก คาล กับ เจคอบ แล้ว
ความรักโง่ๆ ก็ยังมีอยู่ที่ลูกชายของ คาล ซึ่งแอบรักพี่เลี้ยงที่พ่อจ้างมา แล้วเชื่อหัวปักหัวปำว่าเธอคือเนื้อคู่ ทั้งๆ ที่เขาอายุ 13 และเธออายุ 17 ที่น่าสนุกกว่านั้นก็คือ พี่เลี้ยงคนนี้ดันมาหลงรัก คาล พ่อของเขา
ความรักมันอิรุงตุงนังแต่สนุกมาก มีลามกบ้างตามประสาของคนที่เข้าใจเรื่องเพศอย่างถ่องแท้ (ในที่นี้หนังชี้ผ่านตัวละครอย่าง เจคอบ ซึ่งสุดท้ายมีบทบาทสมบูรณ์แบบ)
และเป็นหนังที่มีมุมมองของรสรักค่อนข้างบริสุทธิ์ ทั้งยังมีวุฒิภาวะ (ชี้ผ่านตัวละครเด็ก แต่คมคายคำพูดอย่างลูกของ คาล)
หนังสนุกและฮาขื่นขัน ดูเพลินดี มีแง่คิดในความทุกข์ โดยเฉพาะเมื่อคนเป็นเมียเป็นแม่กำลังพยายามหาเหตุผลของการเบื่อสามี เธออาจหาทางออกเปะปะ
เปิดประตูมั่วซั่ว บางครั้งเปิดผิด บิดแทนดึง หมุนซ้ายทั้งๆ ที่ต้องผลัก บางประตูเปิดสวนหน้าเข้ามา ได้เจ็บได้ร้องกับความโง่ เซ่อ บ้า ก็เพราะความรักล้วนๆ
CAPTAIN AMERICA : FIRST AVENGER
"พลังของคนตัวเล็ก"
ทีแรกที่ยัดแผ่นหนังเรื่องนี้เข้าเครื่องเล่น ก็ตั้งใจอยู่ว่าจะดูไปงั้นๆ คิดว่าดูกล่อมๆ หลับๆ ไป ที่ไหนได้ กลับเป็นหนังฮีโรเข้าที มีดรามา มีแรงจูงใจ ไม่ใช่พลังหล่นใส่มือแล้วเก่งโลด สตีฟ โรเจอร์
คือหนุ่มหยองกรอด หนังหุ้มกระดูกดูแล้วไร้วี่แววว่าจะเดินไหว ตรงกันข้ามกับจิตใจของเขา สตีฟ คือคนที่วิ่งหนีไม่เป็น เพราะถ้าวิ่งมันก็ไล่ไม่เลิก แต่ถ้าฮึดสู้
วันหนึ่งพวกมันก็หยุด ร่างแคระแกรนแบนเป็นข้าวเกรียบ จึงทานทนทุกกำปั้นที่ประเคนใส่
สตีฟ อยากเป็นทหารในยุคที่นาซีรุกราน เขาสมัครทหาร 5 ครั้ง หรือเกือบทุกครั้งที่เจอโพสเตอร์ WE WANT YOU ชี้ใส่หน้า แต่ไม่เคยผ่านเลยซักครั้งเพราะหืดหอบ
และสารพัดโรค ในที่สุดหัวใจที่ใหญ่เกินตัว ก็เข้าตาหัวหน้าหน่วยพัฒนาวิทยาการทหาร
ให้เข้าฝึกใครเขาก็หัวเราะ แต่ในที่สุดขนาดของหัวใจมันก็แสดงความคู่ควร สตีฟ เป็นหนึ่งเดียวที่ผ่านการคัดเลือกเข้ารับการทดลองขนานใหญ่ ท่ามกลางสายตาของผู้นำ จนเขากลายเป็น CAPTAIN AMERICA ร่างกายขยายใหญ่ขึ้น สูงขึ้น ไวขึ้น แกร่งขึ้น และมีขีดความสามารถเกินจะคาดเดา
สตีฟ รับงานแรกของกองทัพโดยการเล่นโชว์ปลุกขวัญกำลังใจ มีแดนเซอร์ มีเสียงโห่ร้อง แต่พอเล่นต่อหน้าทหารจริงๆ สตีฟ กลับกลายเป็นเพียงตัวตลก...ทำไมชีวิตพระเอกของเราถึงตกต่ำได้ถึงเพียงนั้น ?
ทั้งๆ ที่เขาเพิ่งแสดงศักยภาพอันเหลือเชื่อ ไล่ตามไส้ศึกสำคัญไปยังเรือดำน้ำ และจับได้โดยมือเปล่า...ทำไม ?
"ไม่กลายเป็นหนูในแลบ ก็กลายเป็นลิงในละครสัตว์"
นั่นคือเสียงจากผู้หญิงคนเดียวที่เห็นไปถึงข้างในของ สตีฟ และปลุกให้ สตีฟ ตื่นจากทางที่คนอื่นเลือกให้ เพราะหลังจากแสดงความทรงพลัง
สตีฟ กลับถูกคำสั่งให้อยู่แต่ในแลบจนกว่า "ผลการทดลอง" อีกครั้งจะผ่าน
แต่ สว. ผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้ชมพลังของ สตีฟ กับตา ขอตัวเขาไว้ให้ไปเล่นโชว์ปลุกกำลังใจแทน ประมาณว่า นี่ไง กัปตัน อเมริกา ที่จะมากวาดล้างนาซี เป็นอย่างนี้ไปเรื่อย
จนกลายเป็นดาราหน้ากล้อง ก็พอดีเจอสาวคนนี้พูดเข้า กัปตัน อเมริกา ก็เลยตื่น แล้วเรื่องก็นำพาให้เขาบุกเข้าไปช่วยเพื่อนทหารในแนวข้าศึก เพียงคนเดียว !
หนังมันสนุกก็ตรงนี้ คือทีแรกก็นึกอยู่ว่า หน้าตาของ กัปตัน อเมริกา ออกจะเชย จะไปไหวเหรอ แต่พอหนังเขาทำให้ย้อนไปยุคโน้น สมัยนั้นได้แค่นี้ก็ต้องถือว่าแจ๋ว
ทั้งๆ ที่จริงแล้ววิทยาการประหัตถ์ประหารในหนังเขาก้าวไกลกว่าที่คิดมาก บางทีก้าวไกลกว่าตอนนี้ มันเป็นเรื่องของหน่วยลับกองทัพนาซีสู้กับกองทัพพวกพระเอก
ซึ่งเป็นพระเอกจ๋าๆ บุกน้ำลุยไฟไปซึ่งๆ หน้า กล้าบ้าบิ่น ไม่มีการปลอมตัว แต่มีพวก ! แน่นอนว่าถ้าเป็น กัปตัน ก็ต้องมีทีม และทีมก็เป็นอะไรที่เข้าท่าสำหรับหนังฮีโรธรรมดาๆ
อย่าง กัปตัน อเมริกา...บินไม่ได้ ไม่ได้เป็นเทพ ไม่มีงบสนับสนุนการพัฒนาขีดความสามารถจำกัด แต่สุดท้ายก็ชนะใจคน
ศิลปิน : LOUISE ARMSTRONG
อัลบัม : ALL TIME GREATEST HITS
แนวดนตรี : JAZZ & SWING
"ฟังหลุยส์ลุยน้ำตา"
หยิบอัลบัมอมตะมาแนะนำ บรรจุด้วย 18 บทเพลงจากตำนานที่ยังหายใจ (ในความคำนึง) หรือซื้อดาวน์โหลด MP3 ได้ในราคา $9.49 ที่เวบอเมซอนดอทคอม
ถือเป็นความคุ้มยิ่งกว่าคุ้มค่า ราวกับได้กล่อมเกลาอารมณ์และขัดเกลาความคิดให้แหลมคม ในช่วงเวลาเกือบ 1 ชั่วโมง
เมโลดีง่ายๆ แต่มีชั้นเชิง เพลงเดียวซ้ำๆ ก็ฟังได้เรื่อยๆ ดั่งกำลังฟังเขาพรรณนาสัจจะวาจา ไร้ข้อกังขาความน่าเชื่อถือ จริงๆ ในใจส่วนลึกรู้สึกอย่างไร
เขาพ่นใส่ปลายปากเป่าแล้วเราก็ได้ยินในสิ่งนั้น คนที่เล่นดนตรีเคียงข้างหลุยส์จะรู้ว่า เขาคือความจริงแท้หนึ่งเดียวที่มีอยู่ของวง เสียงจากเครื่องดนตรีชนิดอื่นจึงเป็นเพียงส่วนเสริมเนื้อหา
WHAT A WONDERFUL WORLD ที่คอเพลงน้อยคนไม่รู้จักคือคำยืนยัน เนื้อเพลงง่ายๆ เมโลดีง่ายๆ แต่กินใจทุกท่อนความ จนเป็นตำนานของเพลงแนวโลกสวย หรือถ้ามันจะไม่สวยเจอเพลงนี้เข้าไปก็หงายเงิบ
บางเพลงของหลุยส์เป็น 3-4 นาทีของชีวิต ที่เราจะได้อยู่ในช่วงขณะที่กำลังตัดสินใจเลือกทางไป ในทุกๆ เรื่องราวปัญหาจะเป็นตัววัดศักยภาพใจ
คนที่แกร่งกว่าจะผ่านมันไปได้ด้วยดี (ไม่ว่าจะแพ้หรือขนะ) ทั้งๆ ที่มีต้นทุนความรู้เท่าๆ กัน เหมือนกับการวัดไอคิวและอีคิว
เวลาปัญหามาเราจะเห็นเส้นทางหลายสายพาดผ่านกันไปมา บางคนยอม บางคนอยู่ บางคนสู้ บางคนหนี ชีวิตก็เป็นแบบนี้ มีไม่ดีบ้าง แต่ก็ใช่ว่าจะยอมให้ไม่ดีไปตลอด
คือถ้ายอมมันก็ผิดวิสัยมนุษย์ เราถูกธรรมชาติปลูกฝังมาให้ต่อสู้กับความเจ็บปวด ในวันที่เราเกิดนั่นคือวันที่เรากำลังเดินทางสู่วันตาย มนุษย์จึงเรียนรู้ที่จะอยู่อย่างต่อต้านความเจ็บปวด
ว่าง่ายๆ ยิ่งแก่ก็ยิ่งเข้าใจโลก ทำแบบไหนแล้วจะเจ็บน้อยสุด นั่นคือเครื่องมือที่เราใช้ต่อสู้ไปพร้อมๆ กับสังขารที่กำลังร่วงโรย
ทว่าเครื่องมือของหลุยส์ เป็นเครื่องมือทรงเสน่ห์ นอกจาก หลุยส์ จะลุยน้ำตาด้วยหน้าตาที่ระรื่นแล้ว เพลงของเขายังช่วยกล่อมเกลาจิตใจคนฟัง ดั่งคำคมที่หยิบยกมา
SITTIN' IN THE SUN เพลงที่ 3 ของอัลบัมยอดนิยม คืออีกเพลงที่ผู้คนยกย่องให้เป็นนิรันดร์ เปิดคลอชีวิตยามบ่าย ในรถ นอกบ้าน ตะวันออก ตะวันตก ไล่ยาวมาถึงเพลงที่ 5 A KISS TO BUILD A DREAM ON ก็ไม่รู้จะคิดอะไรต่อไปแล้ว
เสียงเครื่องเป่า จูงเราเข้าสู้ห้วงคำนึง เดี๋ยวผ่อนคลายเดี๋ยวเร่งเร้า เหมือนชวนเราตั้งสติแล้วก็ไล่ให้ลงมือทำ จะรออะไรอีกเล่า หลุยส์ คงถามอย่างนั้นในช่วงโซโลท่อนกลาง เมโลดีง่ายๆ กระทุ้งความคิด ฟังมาถึงท่อนนี้ก็จะรู้แล้วว่าเราต้องทำอะไรบ้าง และเราจะทำมันด้วยรอยยิ้มหรือน้ำตา..
ศิลปิน : THE UKULELE ORCHESTRA OF GREAT BRITAIN
อัลบัม : ANARCHY IN THE UKULELE
แนวดนตรี : UKULELE BAND
"FUNNY FEATURING FREAK"
THE UKULELE ORCHESTRA OF GREAT BRITAIN คือกลุ่มหนุ่มสาว 6-7-8 คนที่ร้องและเล่นดนตรีด้วยเสียงอูคูเลเล และเบสส์โปร่งอีกหนึ่งตัว เพลงมันเลยงุ้งงิ้งงุ้งงิ้ง แต่ก็ฟังเพลินดี มีทั้งช่วงเพลงช้าและเพลงเร็ว ส่วนใหญ่จะให้อารมณ์ขบขัน โดยเฉพาะถ้าได้ชมการแสดงระหว่างฟังไปด้วย จะรู้สึกสนุกมาก
เพราะนอกจากพวกเขาจะเล่นกีตาร์บอนไซในมือ พวกเขายังคอรัสกันได้อย่างน่าสนใจ ถ้าได้เห็นจะรู้ว่าเสียงมาจากปากของทุกคน แต่ละคนก็เฝ้าเติมเต็มเสน่ห์ให้กับเพลง
เป็นคอรัสแบบสนุกสนานเหมือนนั่งฟังเพื่อนมาโชว์เล็กๆ คนดูจึงรู้สึกมีอารมณ์ร่วมอยากจะร้องด้วยช่วยกันส่งเสียง
ANACHE IN THE UKULELE เป็นการแสดงสดในปี 2005 หลังจากที่วงก่อตั้งขึ้นมาในปี 1985 สภาพสังขารแต่ละคนจึงร่วงโรยเป็นธรรมดา บางคนหัวล้าน บางคนเหี่ยว มีบ้างที่ยังใส แต่ไม่น้อยที่ซ่อนรอยย่นไม่ได้ กระนั้นความสนุกก็ยังไม่ลดละ
LE FREAK เพลงดิสโกคุ้นหู จึงได้รับการคัพเวอร์ให้น่ารักขึ้น ฟังแล้วกรุบกริบกรุ๊งกริ๊ง เล่นไปก็โยกไป ใช้เสียงของนักร้องสาวในวงนำ ตามประกบด้วยบอดีการ์ดชายสายตาทะเล้นอีกหนึ่งฝูงย่อมๆ
บางคนเคาะ บางคนดีด บางคนรีดเสียงจากอูคตัวน้อย แต่บางคนก็แค่เกา และบางคราวแอบจับได้ด้วยว่าบางคนอู้
WUTHERING HIEGHTS คือเพลงที่โชว์ความตลก จนคนเล่นเองก็กลั้นไม่อยู่ พอช่วงเริ่มก็ทำท่าจะฮา ต่อมาคนดูก็ร้องด้วย แล้วพอช่วงกลางมาถึงเท่านั้นล่ะ
เสียงหัวเราะก็เริ่มหยุดไม่อยู่ ถึงโซโลยิ่งกระตุ้นต่อมฮา เพราะสมาชิกวงแต่ละคนต่างประสานเสียงกันอย่างอลหม่าน มีบ้างที่จุ๊ปากคล้ายว่าจะบอกคนดูให้เงียบๆ อย่าเพิ่งฮา เดี๋ยวเล่นไม่จบ นั่นล่ะคือความน่ารักของวงนี้
อีกเพลงที่ได้อารมณ์โลดๆ SMELL LIKE TEEN SPIRIT (NIRVANA) เพลงของ กรันจ์รอค ตัวพ่อถูกนำมายำจนฮากลิ้ง ก็มันแปลกประหลาดดีดูคนใส่สูทตัวโตๆ มีอายุอานาม
จริงจังกับการเค้นเสียงจาก อูคูเลเล ตัวเท่าฝ่ามือ พอจะร้องก็กดเสียงต่ำไล่ลมจากช่องท้องมาถึงปล่องคอ (ไม่งั้นพอถึงช่วงสูงจะขึ้นไปไม่ไหว)
พอบทเสียงจะโหน พวกเขาต่างกระหน่ำกีตาร์ 4 สายตัวกระเปี๊ยก คนที่มีหน้าที่รับลูกลีดก็รับด้วยอูคน้อยจนถึงกับปาดเหงื่อ เพราะมันทำท่าจะเอาไม่อยู่ เสียงเพลงยิ่งมายิ่งหนักหนา
เพราะมันมีกันตั้ง 5-6 ตัว ไหนจะเบสส์ อคูสติกที่คอยเดินเรื่องให้ชวนหัวอีก ผมเผ้ารวบมาดีๆ มันก็เริ่มเสียสง่า แต่ทว่าคนดูปรบมือกันเกรียว
ทั้งหมดของโชว์ใช้เวลาไปประมาณชั่วโมงกว่า คุ้มค่าทุกนาทีที่เปิดชม ก็คิดดูว่าเพลงคาวบอยโบราณอย่าง THE GOOD, THE BAD AND THE UGLY พวกเขายังเล่นได้ชวนขำ
ทั้งๆ ที่กำลังทำท่าจริงจังสุดชีวิต ต่างคนต่างป้องปากทำเสียงอู้อ้า ! ยิ่งพอท่อนผิวปากมาถึง ยิ่งรู้เลยว่า (ระหว่างที่เขียนอยู่นี่) แนะนำดนตรีคราวนี้มีทีเด็ดที่ฮามานำเสนอจริงๆ !
เรื่องโดย : ปัญญ์
นิตยสาร 409 ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2554
คอลัมน์ Online : แนะนำเพลง
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/84462