ประกันภัย
กระดี๊กระด๊ารัฐบาลใหม่
ระฆังยกที่ 1 เริ่ม รัฐบาลยิ่งลักษณ์ 1 ลุยนโยบายเอาใจประชาชนตามที่หาเสียงไว้ จนได้คะแนนถล่มทลาย ธุรกิจประกัน มั่นใจแผนพัฒนาเศรษฐกิจรัฐบาลใหม่อิงประชานิยม เชื่อมั่นพรรคเพื่อไทย หากทำได้ตามนโยบายที่กำหนดไว้ มั่นใจธุรกิจประกันภัยรับอานิสงส์อย่างแน่นอน ยังหวั่นๆ ฝนตกไม่ทั่วฟ้าหวั่นประกันรายเล็ก สายป่านไม่ยาวพอ ถูกค่ายใหญ่เขมือบกินโครงการรัฐเรียบประเดิมด้วยยักษ์ใหญ่อย่างบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เล่นบทเสือปืนไวลงสนามชิงประกัน รถไฟฟ้า ฯ สายสีเขียว-ม่วง มั่นใจไม่ให้หลุดมืออย่างแน่นอน มีแหล่งข่าวจากธุรกิจประกันวินาศภัยเชื่อว่า จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะเร่งด่วนของทางพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะทางด้านโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน หรือที่รู้จักกันภายใต้โครงการเมกะพโรเจคท์นั้น น่าจะเดินหน้าได้ทันที เนื่องจากเป็นโครงการเร่งด่วน และเป็นนโยบายหลักของทางพรรคเพื่อไทย คาดว่าปีนี้โครงการขนาดใหญ่ จะมีเม็ดเงินการลงทุน (หากทำได้จริง) ในระยะที่ 1 น่าจะอยู่ในระดับหลายหมื่นล้านบาทถึงหลายแสนล้านบาท โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสีต่างๆ ที่เพิ่มเติม รวมถึงส่วนเชื่อมต่อขยาย ยิ่งรัฐบาลมีเสียงแข็งแกร่ง น่าจะยิ่งทำให้โครงการได้รับเสียงสนับสนุนฉลุยผ่านไปได้โดยไม่ติดขัด เนื่องจากรัฐบาลถือเสียงข้างมากในสภา ฯ ในส่วนของบริษัทขนาดเล็ก ที่อยากเข้ามาร่วมรับทำประกันให้กับโครงการก่อสร้างนั้น อาจเป็นไปได้ยาก เนื่องจากแต่ละโครงการมีเม็ดเงินก่อสร้างมหาศาล บริษัทประกันเล็กๆ อาจเข้าไม่ถึง หรือหากมีการเปิดโอกาส ก็คงเป็นไปได้ยาก เนื่องจากบริษัทเล็กๆ เหล่านี้ ขาดสายป่านในเรื่องของเงินประกันโดยธรรมชาติการรับทำประกันของประเทศไทย หากเป็นโครงการขนาดยักษ์ บริษัทภายในจะรับทำประกันไว้เองเพียง 10 และ 90 % จะส่งงานประกันภัยต่อ จุดนี้อาจทำให้ความคาดหวังที่บริษัทเล็กจะเข้าถึงโครงการประกันวินาศภัยต่างๆ อาจต้องลดลง แต่อาจมีรูปแบบใหม่ คือ รวมตัวเพื่อเข้าไปประมูลหรือเสนอ เมื่อได้โครงการต่างๆ ก็จะนำมากระจายกันให้แต่ละราย สิ่งที่ต้องเกิดขึ้น คือ การแข่งขันสูง น่าจะยังเกิดขึ้นต่อไปเพื่อให้ได้งาน แต่อาจมีบางกลุ่มที่ประมูลงานได้แล้วจะมากระจายกันในลักษณะของพูล หรือการประกันภัยแบบรวมกลุ่ม ซึ่งจุดนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะออกมาในรูปแบบไหน แต่เชื่อว่าน่าจะแข่งขันสูงแน่นอน ซึ่งมีไม่กี่บริษัทที่สามารถรับประกันโครงการขนาดใหญ่เท่านั้น และบริษัทยังเป็น 1 ในบริษัทประกันวินาศภัยเพียงไม่กี่แห่งที่ได้รับงาน โครงการเมกะพโรเจคท์ ทั้งแบบที่แข่งขันประมูลเข้าไปรับประกันภัยเพียงเจ้าเดียวและการจับมือกับพันธมิตรเข้าไปร่วมรับประกันภัย ข้อมูล ณ เวลานี้ โครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ หรือเมกะพโรเจคท์ โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ 12 เส้นทาง ภายใต้งบประมาณการลงทุนเกือบ 820,000 ล้านบาท จะยังคงเดินหน้าต่อไป เนื่องจากงบประมาณในการก่อสร้างได้อนุมัติไปแล้วและมีผลผูกพัน ดังนั้นการเข้าไปรับประกันภัยโครงการเมกะพโรเจคท์ ของบริษัทประกันภัยจะเดินหน้าต่อได้ทันที เมื่อเริ่มประมูลผู้รับเหมารถไฟฟ้าสายสีเขียว บริษัทประกันภัยก็จะเข้าไปร่วมประมูลเพื่อรับประกันภัยด้วยเช่นกัน ส่วนการก่อสร้างรถไฟฟ้ามหานคร MRT สายสีม่วงที่บริษัทเข้าไปรับประกันภัยภายใต้ 2 สัญญามูลค่าโครงการ 30,000 ล้านบาท และรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินภายใต้ 4 สัญญา มูลค่าโครงการ 52,000 ล้านบาทนั้น ซึ่งการเข้าไปรับประกันภัย จะอยู่ภายใต้กรมธรรม์การก่อสร้างตัวงานที่ให้ความคุ้มครองตัวงานระหว่างการก่อสร้าง คุ้มครองบุคคลที่ 3 และคุ้มครองอุปกรณ์เครื่องจักรก่อสร้าง ซึ่งช่วงที่ผ่านมามีการเคลมสินไหมเกิดขึ้นแล้วจากอุบัติอุโมงค์หลายร้อยล้านบาท สิ่งที่น่าหวั่นใจ คือ รัฐบาลใหม่อาจชะลอโครงการ โดยอ้างเพื่อความเหมาะสม หรือตรวจสอบความโปร่งใส ซึ่งกำลังเป็นข่าวเกมการเมืองอยู่ แต่ก็เชื่อว่าโครงการต่างๆ ไม่น่าจะยกเลิก หรือมีปัจจัยที่ไม่เอื้อต่อการเดินหน้าต่อ แม้จะเป็นคนละรัฐบาลก็ตาม ซึ่งเป็นเพราะได้มีการอนุมัติงบการลงทุนในหลายโครงการไปแล้ว ดังนั้น การเปลี่ยนรัฐบาลชุดใหม่จึงไม่ได้ เป็นปัญหาหรืออุปสรรคใดๆ และไม่ได้เกี่ยวข้องกัน เจาะลึกนโยบายด้านเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย มาจาก 3 ส่วนที่สำคัญ ซึ่งส่วนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันภัย คือ การลงทุนเมกะพโรเจคท์ด้านคมนาคม โดยเฉพาะสร้างอาคารผู้โดยสารเพิ่มเพื่อรองรับผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิ จะต้องใช้เวลาถึง 5 ปี กว่าจะแล้วเสร็จ เน้นที่นโยบายส่งเสริมสนามบินอู่ตะเภาเชื่อมต่อโดยรถไฟแอร์พอร์ทลิงค์เชื่อมต่อระหว่างสนามบินอู่ตะเภา-พัทยา-นิคมอุตสาหกรรมชลบุรี-สนามบินสุวรรณภูมิ-กรุงเทพ ฯ และจะทำแอร์พอร์ทลิงค์ต่อไปที่สนามบินดอนเมืองด้วย 2. การสร้างรถไฟความเร็วสูงวิ่งจากสนามบินอู่ตะเภาถึงกรุงเทพ ฯยังมี โครงการลงทุนเมกะพโรเจคท์ด้านคมนาคม มีแผนจะสร้างรถไฟ 5 ระบบ สร้างความสุขรูปแบบใหม่ ได้แก่ 1. รถไฟวงแหวนวิ่งรอบกรุงเทพ ฯ และปริมณฑล 5 จังหวัด พร้อมสร้างสถานี 25 สถานีรองรับประชากร 20 ล้านคน 2. รถไฟ ความเร็วสูง สำหรับขนส่งสินค้าจากภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคใต้ ปลายทางที่กรุงเทพ ฯ ขนส่งสินค้าขึ้นที่ท่าเรือ 3. รถไฟก้างปลา4. รถไฟใต้ดิน ที่จะสร้างใหม่จำนวน 10 สาย ในกรุงเทพ ฯ และปริมณฑล 5. รถไฟรางเดี่ยว เชื่อมต่อกับ 10 สาย โดยทุกโครงการน่าจะใช้วงเงินงบประมาณก่อสร้างมากกว่า 1 ล้านล้านบาท การประเมินเบื้องต้นแต่ละบริษัทประกันภัยตั้งเป้าขยายเบี้ยประกันโต 15-20 % ปัจจัยหลัก คือ รัฐบาลใหม่เร่งสร้างผลงานเอาใจประชาชน มีโครงการใหญ่ๆ มากมาย นโยบายการเพิ่มรายได้ประชาชนก็เป็นอีกนโยบายที่ทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อเพิ่ม นอกจากนี้ยังมีการเตรียมตัวป้องกันภัยธรรมชาติ น้ำท่วม ลมพายุ แผ่นดินไหว ต้องเตรียมซื้อประกันภัยลดความเสี่ยงภัย ยังมีอีกภัยที่ทุกฝ่ายต้องเตรียมซื้อภัยไว้ คือ ภัยก่อการร้าย ภัยจลาจล จากเหตุประท้วงต่างๆ นับแต่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองขึ้น เมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2553 มีการชุมนุมประท้วงหลายจุดหนักสุด คือ แถวย่านราชประสงค์ สีลม และบริเวณใกล้เคียงที่มีการเผาทำลายทรัพย์สินทั้งของรัฐและเอกชนเสียหายจำนวนมาก ในช่วงแรกๆ นับแต่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรง ประกันภัยก่อการร้ายหาซื้อยาก เนื่องจากบริษัทประกันภัยในประเทศไทยขายลำบาก เพราะมีความเสี่ยงสูง ทางบริษัทที่รับประกันภัยต่อ (รีอินชัวเรอร์) ในต่างประเทศปรับเบี้ยประกันภัยขึ้นมาก ทำให้เบี้ยมีราคาแพง อีกทั้งยังเข้มงวดกับการรับประกันภัยต่อมาก อย่างไรก็ดี เหตุการณ์ในบ้านเราเริ่มสงบ การเลือกตั้งผ่านไปด้วยดี ทางรีอินชัวเรอร์เริ่มสบายใจ ผ่อนคลายความเข้มงวดลง ทำให้บริษัทประกันภัยขายประกันก่อการร้ายได้ง่ายขึ้น เบี้ยประกันถูกลง คนซื้อ ได้ง่ายกว่าตอนเกิดเหตุการณ์ใหม่ๆ ตอนนั้นซื้อยาก บางพื้นที่รีอินชัวเรอร์ ก็ไม่รับอย่างราชประสงค์หรือสีลม แนวโน้มตั้งแต่ครึ่งปีหลังเป็นต้นไป สินค้าตัวนี้จะขายได้มากขึ้นเพราะอัตราเบี้ยดีขึ้น คุยกับรีอินชัวเรอร์ ได้ง่ายขึ้น ขณะนี้มีหลายบริษัทกำลังเร่งขยายตลาดประกันประเภทนี้ เช่น บริษัท ทิพยประกันภัย ฯ เร่งดีไซจ์นสินค้าขายรายย่อยทุนไม่เกิน 10 ล้านบาท เบี้ยราคาเดียวทั่วไทย เช่น ตึกแถว ร้านค้า บ้านอยู่อาศัยเป็นต้น กำหนดทุนประกันไม่เกิน 10 ล้านบาท กำหนดเบี้ยประกันเป็นราคาเดียวเท่ากันทั่วประเทศไม่แยกทำเลที่ตั้งทรัพย์สิน และไม่แยกประเภททรัพย์สินเพื่อให้สะดวกกับลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่าย ต่างจากกรมธรรม์ประกันก่อการร้ายที่ขายลูกค้ารายใหญ่อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งจะพิจารณาเป็นรายๆ ไปเบี้ย ประกันไม่เท่ากัน ยึดตามทำเลที่ตั้ง ประเภททรัพย์สิน และค่าเสียหายส่วนแรกที่ลูกค้าร่วมรับผิดชอบ (DEDUCTIBLE) หลายฝ่ายคาดหวัง อานิสงส์รัฐบาลใหม่ลุยสร้างผลงาน กระตุ้นเศรษฐกิจโต คนเริ่มใช้เงิน ขยับซื้อรถและจะมาส่งผลถึงประกันภัย ทั้งลูกค้าเก่าต่ออายุเยอะ เบี้ยประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ และเบี้ยประกันภัยภาคบังคับ (พรบ.) ยังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง 15-20 % น่าจะเติบโตได้มากกว่าปีก่อนสิ่งต้องภาวนากันตอนนี้ คือ อย่าให้มีอะไรมาขัดจังหวะอย่างเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น การเมือง หรือภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ เหตุการณ์ประเภทนี้ไม่เกิด ทุกอย่างจะไปได้สวย ขอเอาใจช่วยด้วยนะครับ
ABOUT THE AUTHOR
ก
กฤชกมล นิติธรรมโกศล
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2554
คอลัมน์ Online : ประกันภัย