ชีวิตอิสระ
ปลายทาง "อ่าวกระทิง" สุดเขตแหลมสิงห์ ทะเลจันทบุรี
"น้ำตกลือเลื่อง เมืองผลไม้ พริกไทยพันธุ์ดี อัญมณีมากเหลือ เสื่อจันทบูร สมบูรณ์ธรรมชาติ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รวมญาติกู้ชาติที่จันทบุรี" คำขวัญของจังหวัดจันทบุรี ที่ได้สรุปความสำคัญของพื้นที่เกี่ยวข้องกับการกอบกู้เอกราช สถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงสินค้าขึ้นชื่อ แต่หากจะพรรณนาถึงสิ่งที่น่าสนใจในจันทบุรีให้สมบูรณ์ครบถ้วน คงต้องใช้เวลาอีกมากโข
การเดินทางในครั้งนี้ จึงขอนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวตามแบบที่ถนัด และใช้เวลาในการเดินทางไม่มากนัก ผมยังคงแวะเวียนหาแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดที่มีพื้นที่ติดทะเล เพื่อรับลมริมทะเล ซึ่งถือว่าเป็นการคลายร้อนได้เป็นอย่างดี ซึ่งได้ข้อสรุป คือ การไปเยือนทะเลภาคตะวันออก ที่อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี โดยได้รับความอนุเคราะห์จากบริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ได้นำรถ มาซดา บีที-50 ไฮ-เรเซอร์ ดับเบิลแคบ ขับเคลื่อน 2 ล้อยกสูง เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลเทอร์โบขนาด 2.5 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ เพื่อเป็นพาหนะในการเดินทาง
ผมเลือกใช้ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 (กรุงเทพ ฯ-ชลบุรี หรือมอเตอร์เวย์) ไปจนถึงเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ระยะทาง 90 กม. จากนั้นแยกซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 36 อีกประมาณ 50 กม. จนถึงอำเภอเมือง จังหวัดระยอง แล้วแยกซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 3 (สุขุมวิท) จนถึงจังหวัดจันทบุรี มุ่งหน้าต่อไปอีกประมาณ 30 กม. แล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 3149 ขับต่อไปจนเจอป้ายบอกสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ใน อ. แหลมสิงห์ รวมระยะทางประมาณ 280 กม. ใช้เวลาประมาณ 3 ชม. เศษ ด้วยความเร็วตามที่กฎหมายระบุไว้ ก็จะถึงจุดหมายปลายทาง
เวลากว่า 3 ชม. ที่ได้ขับ มาซดา บีที-50 คันนี้ ผมถือว่าเป็นพาหนะที่ช่วยผ่อนแรงของผู้ขับขี่ได้ดี จากระบบช่วงล่างอัจฉริยะ DE-S (DYNAMIC ENHANCED SUSPENSION SYSTEM) ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม และยังถนอมพลังงานด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 5 จังหวะ ทำให้ทุกโค้งและทุกเนินเขา ตลอดเส้นทางเกือบ 300 กม. เป็นการเดินทางที่ไม่ทำให้ผู้ขับขี่เสียแรง และอ่อนเพลียมากจนเกินไป
ตึกแดง-คุกขี้ไก่
อนุสรณ์สงคราม
เมื่อเข้าสู่เขต อ. แหลมสิงห์ โบราณสถานแห่งแรกที่พบ คือ คุกขี้ไก่ สถานที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2436 หลังจากกองทัพฝรั่งเศสเข้ามายึดครองเมืองจันทบุรี ในกรณีพิพาทด้วยเรื่องดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง เพื่อกักขังคนไทยที่ต่อต้านกองทัพฝรั่งเศส ลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้าง/ยาว ด้านละ 4.40 ม. สูง 7 ม. มีช่องระบายอากาศเป็นรูสี่เหลี่ยมเล็กๆ ด้านบนใช้เลี้ยงไก่เพื่อถ่ายมูลรดศีรษะนักโทษ ที่ถูกคุมขังอยู่ตลอดเวลา ปัจจุบันได้ถูกบรรจุให้เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้แก่นักเดินทาง
ห่างจากคุกขี้ไก่ประมาณ 300 ม. จะเป็นที่ตั้งของ ตึกแดง โบราณสถานที่สร้างขึ้นมาพร้อมกับคุกขี้ไก่ และยังเคยเป็นที่ตั้งของป้อมพิฆาตปัตตามิตร เพื่อป้องกันศัตรูรุกรานจากน่านน้ำเข้ามายังดินแดนไทย ต่อมาเมื่อฝรั่งเศสเข้ามายึดครอง ได้ดัดแปลงให้เป็นที่พักและกองบัญชาการทหารฝรั่งเศส ลักษณะเป็นอาคารชั้นเดียว ทาสีแดง มุงด้วยหลังคากระเบื้อง ห่างจากปากแม่น้ำจันทบุรีประมาณ 100 ม. ปัจจุบันได้ใช้เป็นหอสมุดประชาชนใน อ. แหลมสิงห์ และยังเป็นที่เก็บปืนใหญ่ รวมถึงรูปภาพ และข้อมูลของเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่สำคัญอีกมากมาย
สะพานตากสินมหาราช
เส้นทางเชื่อมสายสัมพันธ์
ใกล้กับตึกแดงจะพบเห็นสะพานขนาดใหญ่ตั้งตระหง่าน มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สะพานตากสินมหาราช หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า สะพานแหลมสิงห์ ตั้งอยู่บริเวณปากน้ำแหลมสิงห์ มีความยาว 1,060 ม. ใช้งบประมาณการก่อสร้างทั้งสิ้น 179,570,000 บาท หลังจากที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2551 สะพานแห่งนี้มีส่วนช่วยในการเสริมศักยภาพทั้งการท่องเที่ยว และย่นระยะทางสำหรับการเดินทางในพื้นที่อำเภอแหลมสิงห์ อำเภอเมือง และอำเภอท่าใหม่ ไม่ต่ำกว่า 60 กม. และยังเป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง บนจุดสูงสุดจะสามารถมองเห็นน้ำจืดจากแม่น้ำจันทบุรีไหลสู่ทะเลอ่าวไทย นักเดินทางยังสามารถมองเห็นวิถีชีวิตชาวประมงที่เลี้ยงปลาในกระชัง อาชีพยอดนิยมของผู้คนที่มีถิ่นอยู่อาศัยริมทะเลอีกด้วย
สิงโตหิน
ต้นกำเนิดของชื่อ "แหลมสิงห์"
หลังจากเดินทางข้ามสะพานแหลมสิงห์จะถึงสามแยก ให้เลี้ยวซ้ายไปทางอุทยานแห่งชาติแหลมสิงห์ และไปต่ออีกประมาณ 1.5 กม. ถึงสามแยกให้เลี้ยวซ้าย ไปทางศาลกรมหลวงชุมพร ปากทางเข้าจะมีร้านอาหารทะเลชื่อ เสม็ดแดง ซึ่งเป็นร้านอาหารริมทะเล มีอาหารทะเลหลากหลายชนิด ราคาย่อมเยา รสชาติจัดจ้าน หากเหนื่อยล้าจากการเดินทาง ผมแนะนำให้แวะพักที่ร้านนี้ก่อน เมื่อเดินทางเข้าเขตพื้นที่ดูแลของกองทัพเรือ ถัดจากทางเข้าประมาณ 100 ม. ก็จะพบศาลกรมหลวงชุมพร ตั้งอยู่ริมทะเล ซึ่งทั้งทหารเรือและชาวประมงในแถบพื้นที่แห่งนี้ จะแวะเวียนมาขอพรและสักการะด้วยความเคารพ ภายในจะมีรูปปั้นกรมหลวงชุมพร เพื่อให้นักเดินทางได้แวะกราบไหว้ ก่อนที่จะเดินเท้าขึ้นเขาอีกประมาณ 500 ม. ด้านบน จะพบกับ "ประภาคารแหลมสิงห์" ที่ชาวเรือใช้เป็นเครื่องหมาย เพื่อช่วยการเดินเรือที่มีความสำคัญมาก โดยใช้แสงไฟแสดงที่หมาย ในการนำเรือเข้าร่องน้ำ อ่าว หรือเขตท่าเรือ ซึ่งห่างจากประภาคารประมาณ 50 ม. ก็จะถึงลานดินบนยอดเขาแหลมสิงห์ที่สามารถมองเห็นหินที่เป็นรูปสิงโต หากในช่วงเวลาน้ำขึ้น จะเห็นเป็นรูปหัวสิงโต และถ้าน้ำลง จะเป็นรูปสิงโตหมอบ ซึ่งเป็นที่มาของ อ. แหลมสิงห์ ในยุคปัจจุบัน บริเวณนี้เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นเกาะต่างๆ ได้อีกมากมาย
อ่าวกระทิง
ชมพระอาทิตย์ตก หลังเกาะนมสาว
พอดื่มด่ำกับธรรมชาติและได้ชมหินรูปสิงโต ซึ่งเป็นที่มาของ อ. แหลมสิงห์ ให้ย้อนกลับทางเดิม และมุ่งหน้าเข้าสู่เขตอุทยานเขาแหลมสิงห์ เพื่อรอชมพระอาทิตย์ตกดินที่อ่าวกระทิง ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งสุดท้ายของทริพนี้ สุดปลายทางจะเป็นลานจอดรถ ที่มีร้านค้าสวัสดิการขายอาหารและเครื่องดื่ม แนะนำให้หาเสบียงตุนไว้ทั้งน้ำ เครื่องดื่ม และขนมขบเคี้ยว แล้วจึงเดินเท้าลงชายหาด ระยะทางประมาณ 200 ม. อ่าวกระทิง เป็นชายหาดที่เงียบสงบ นักเดินทางสามารถนำเทนท์ไปค้างแรมริมชายหาดได้ โดยขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ผู้ดูแล หรือหากไม่ได้นำเทนท์ไป ทางวนอุทยาน ฯ ก็มีสำรองไว้คอยบริการ บริเวณชายหาดแห่งนี้จะมองเห็น เกาะนมสาว ลักษณะของเกาะแห่งนี้เหมาะสมกับชื่อเรียกยิ่งนัก น้ำทะเลที่ซัดเข้าหาฝั่งในเวลาท้องฟ้าสีแดง ซึ่งเป็นเวลาที่พระอาทิตย์กำลังตกดิน สร้างบรรยากาศและช่วยให้จิตใจกระชุ่มกระชวย ซึ่งถือเป็นการชาร์จพลังให้ร่างกายหลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานและอ่อนล้าจากสภาพอากาศที่ร้อนระอุ
สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ ผมถือว่าเป็นการเดินทางที่ใช้เวลาไม่นานนัก แถมร่างกายก็ไม่ได้เหน็ดเหนื่อยจากการขับขี่ และสถานที่ท่องเที่ยวในจ. จันทบุรี ก็ยังมีอีกมากมาย ถ้าพอมีเวลาเหลือ จะเลือกท่องเที่ยวในสถานที่อื่นๆ ก็สามารถทำได้โดยไม่ลำบาก แต่สำหรับผม การเดินทางและสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้นำเสนอไปนั้น เรียกได้ว่าครบรส ทั้งโบราณสถาน หาดทรายสวย ยอดเขาสูง อาหารทะเลอร่อยๆ ในราคาประหยัด หากนักเดินทางจะไปซ้ำรอยทริพเที่ยวทะเลในครั้งนี้ ลองหาวันหยุดสัก 2-3 วัน เพื่อทุ่มเทให้กับการพักผ่อนพร้อมสะสมพลังงานและความสุขจากการเดินทาง ก่อนจะกลับมาสานต่อการงานที่คั่งค้างอย่างสบายอกสบายใจ
ที่พัก
อ. แหลมสิงห์ มีที่พักทั้งแบบบังกะโล รีสอร์ท และโรงแรม ตั้งแต่ระดับ 2-4 ดาว สนนราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 400-2,000 บาท ตามทำเลที่ตั้ง สไตล์การตกแต่ง และรูปแบบการให้บริการ
ที่กิน
มาเที่ยวทะเลทั้งที ก็ต้องหาอาหารทะเลสดๆ รสชาติอร่อยลิ้นทาน การเดินทางในครั้งนี้ ผมได้ฝากท้องกับอาหารทะเลอร่อยๆ จากร้านเสม็ดแดง ร้านอาหารทะเลขึ้นชื่อของอ. แหลมสิงห์ ซึ่งอยู่บริเวณใกล้กับพระตำหนักกรมหลวงชุมพร ทีเด็ดของร้านนี้นอกจากอาหารที่สด และอร่อย ราคาค่าใช้จ่ายก็ยังประหยัด
ขอขอบคุณ
บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ได้นำ มาซดา บีที-50 ไฮ-เรเซอร์ ดับเบิลแคบ ขับเคลื่อน 2 ล้อยกสูง เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ เพื่อเป็นพาหนะในการเดินทาง
ABOUT THE AUTHOR
ณ
ณัฐเทพ เผ่าจินดา
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2554
คอลัมน์ Online : ชีวิตอิสระ(4wheels)