เทคนิค(car)
เทคนิคการต่อสายซับกับแอมพ์ ที่โหลดความต้านทานแบบต่างๆ
ฉบับนี้เป็นเทคนิคเกี่ยวกับการต่อสายลำโพงซับวูเฟอร์กับเพาเวอร์แอมพ์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องความต้านทาน (IMPEDANCE) เพื่อรองรับโหลดในการขับเล่น และการใช้งานระหว่างซับวูเฟอร์กับเพาเวอร์แอมพ์ที่ความต้านทานแบบต่างๆ อาทิเช่น 4, 2 และ 1 โอห์ม มาชมกันครับ
โหลด 8 โอห์ม และ 4 โอห์ม คืออะไร ?
ความต้านทานของลำโพง (IMPEDANCE) มีหน่วยเป็นโอห์ม สามารถดูได้จากเพาเวอร์แอมพ์ เมื่อความต้านทานโหลดลดลงจะทำให้เอาท์พุทของเพาเวอร์แอมพ์เพิ่มขึ้น และลำโพงสามารถถ่ายทอดกำลังขับจากเพาเวอร์แอมพ์ได้เพิ่มขึ้น ถ้าหากกำลังขับนั้นมากกว่าเพาเวอร์แอมพ์ได้ระบุไว้ในสเปค ก็จะเป็นอันตรายต่อแอมพ์เช่นกัน
เพาเวอร์แอมพ์ส่วนใหญ่ถูกออกแบบให้รับโหลดที่ความต้านทานต่ำๆ ได้ ถ้าเป็นแอมพ์บ้านจะเริ่มต้นที่ความต้านทานปกติ 8 โอห์ม สำหรับแอมพ์รถยนต์โดยปกติจะอยู่ที่ 4 โอห์ม แอมพ์ที่มีคุณภาพสูงสามารถรับความต้านทานต่ำๆ ได้ เช่น ที่โหลด 2 โอห์ม และบางยี่ห้อออกแบบให้สามารถต่อเล่นได้ที่โหลด 1/2 โอห์ม
บริดจ์แอมพ์ ด้วยวิธีต่อขนานลำโพง
การต่อสายด้วยวิธีขนานลำโพงกับเพาเวอร์แอมพ์ โดยต่อขั้วบวกของเพาเวอร์แอมพ์ไปที่ขั้วบวกลำโพงแต่ละตัว โดยทำเช่นเดียวกับขั้วลบ ซึ่งมีตัวอย่างให้ดูตามภาพที่ 1 สำหรับลำโพง 4 โอห์ม 2 ตัว เมื่อต่อวิธีขนานจะได้ความต้านทานรวมเป็น 2 โอห์ม
เกิดอะไรขึ้น เมื่อบริดจ์แอมพ์
โดยหลักแล้ว เมื่อใช้เพาเวอร์แอมพ์ 2 แชนแนล กำลังขับควรจะออกมาเป็น 4 เท่าของ 1 ช่องสัญญาณในเพาเวอร์แอมพ์ ตัวอย่างเช่น เพาเวอร์แอมพ์ 50 วัตต์x2 แชนแนล เมื่อบริดจ์ควรจะเป็น 200 วัตต์x1 แชนแนล แต่มันไม่ใช่ เมื่อดูที่ภาพ 3 แต่กำลังขับจริงจะเป็นไปตามสัดส่วน 2/3 หรือ 3/4 เมื่อต่อในโหมดสเตริโอ และโมโน ที่ความต้านทานต่างๆ
วิธีต่อลำโพงแบบอนุกรม
สำหรับการต่อลำโพงแบบอนุกรมโดยใช้ซับวูเฟอร์ 2 ตัว ที่เป็นแบบวอยศ์คอยล์เดี่ยว (SINGLE VOICE COIL) นั้นจะทำให้ความต้านทานเพิ่มขึ้น ซึ่งไม่เป็นที่นิยมเล่นกัน และทำให้เกิดความเพี้ยนจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้าย้อนกลับ (EMF) นอกเสียจากจะเป็นการต่อซับวูเฟอร์แบบวอยศ์คอยล์คู่ หรือ DVC (DUAL VOICE COIL) ในแบบอนุกรม สามารถทำได้ เนื่องจากการเคลื่อนตัวของกรวยสำหรับวอยศ์คอยล์คู่จะเหมือนกัน และจะไม่ทำให้เกิดปัญหาเรื่องของความเพี้ยน
ลำโพงซับวูเฟอร์วอยศ์คอยล์แบบคู่
ซับวูเฟอร์แบบวอยศ์คอยล์คู่จะมีขดลวด 2 ชุด ที่พันอยู่บนแกนวอยศ์คอยล์อันเดียวกันในลักษณะที่ขดลวดชุดแรกพันอยู่บนแกนวอยศ์คอยล์ และขดลวดชุดที่ 2 ะพันทับบนขดลวดชุดแรก โดยที่คอยล์ทั้ง 2 ชุดจะมีความต้านทานที่เท่ากัน และมีขั้วต่อสายที่แยกกัน 2 ชุด สำหรับการต่อขดลวด 2 ชุดจะต้องต่อกับแชนแนลชุดเดียวกันกับเพาเวอร์แอมพ์ตัวนั้น ตัวอย่างเช่น เพาเวอร์แอมพ์ MONO BLOCK แบบ 1 แชนแนล เมื่อต่อกับซับวูเฟอร์วอยศ์คอยล์คู่ 2 ตัว ในกรณีที่ต่อแบบขนาน วิธีต่อให้ใช้ขั้วบวกของวอยศ์คอยล์ทั้งหมดต่อกับขั้วบวกของเพาเวอร์แอมพ์ โดยทำเช่นเดียวกับขั้วลบ (ตัวอย่างภาพที่ 2) สำหรับข้อดีของการใช้งานซับวูเฟอร์แบบวอยศ์คอยล์คู่ คือ ความยืดหยุ่นในการใช้งาน สามารถเลือกการเล่นกับความต้านทานที่โหลดต่างๆ ได้หลากหลาย ด้วยวิธีการต่อทั้งแบบอนุกรม ขนาน และแบบผสม
BI-AMP คืออะไร ?
BI-AMP เป็นการอ้างถึงการใช้เพาเวอร์แอมพ์ สำหรับใช้ขับลำโพงที่ความถี่สูง และความถี่ต่ำในลำโพงอันเดียวกัน และในลำโพง 3 ทาง มักจะใช้มิดเรนจ์ และทวีเตอร์ขับด้วยเพาเวอร์แอมพ์ตัวเดียว ส่วนวูเฟอร์จะขับด้วยเพาเวอร์แอมพ์อีกตัว เพื่อคุณภาพเสียงที่ดี โดยใช้เพาเวอร์แอมพ์กำลังขับไม่สูงมากสำหรับขับเสียงแหลม และเพาเวอร์แอมพ์ที่มีกำลังขับมากกว่าสำหรับเสียงทุ้ม โดยใช้แอคทีฟ ครอสส์โอเวอร์ที่มีอยู่ในตัวเพาเวอร์แอมพ์ เพื่อควบคุม และตัดแบ่งความถี่แต่ละชุด
ขนาดสายลำโพงที่ควรใช้
สายลำโพงเบอร์ 18 GAUGE และ 12 GAUGE จะมีความแตกต่างเรื่องความดังเสียงอยู่ที่ 0.1 ดีบี การเลือกใช้สายลำโพงเบอร์ 18 GAUGE นั้นเพียงพอแล้วกับการใช้งาน ยกเว้นสำหรับการใช้งานกับซับวูเฟอร์ที่มีกำลังขับสูง สายที่แตกต่างกันจะมีความต่างกันที่ CAPACITANCES (ความจุไฟฟ้า) ภายในสาย ซึ่งสายอาจทำให้เกิดทำหน้าที่เป็นตัวกรองผ่านความถี่ต่ำ (LOW PASS FILTER) และนี่ก็ได้เป็นหนึ่งในจุดขายของสายระดับไฮเอนด์
ขนาดสายไฟที่ควรใช้
ตัวอย่างตามตารางข้างล่างนี้ แสดงให้เห็นถึงขนาดของสายไฟที่จะใช้งาน ว่าควรจะมีความยาวของสายไฟเท่าไรจึงจะเหมาะสม (หน่วยเป็นฟุต) สำหรับสายไฟ และสายกราวน์ดควรจะมีเบอร์ GAUGE หรือขนาดของสายที่เหมาะสมกับการทนกำลังกระแสไฟ (AMPERE) ด้วย สำหรับสายกราวน์ดควรจะเป็นเบอร์ (GAUGE) เดียวกันกับสายไฟ และไม่ควรเล็กกว่า สำหรับการลงจุดกราวน์ดที่ตัวรถยนต์ แนะนำให้ใช้ความยาวประมาณ 1.5 ฟุต หรือน้อยกว่านี้ เพื่อไม่ให้เกิดการเหนี่ยวนำเสียงรบกวนเข้าไปในระบบเสียงรถยนต์
[table]ความยาวสายไฟ,4 ฟุต, 7 ฟุต, 10 ฟุต, 13 ฟุต, 16 ฟุต, 19 ฟุต, 22 ฟุต, 28 ฟุต
กระแสไฟ,,,
0-20 แอมพ์,14 ,12,12,10,10,8,8,8
20-35แอมพ์, 2, 10, 8, 8, 6, 6, 6, 4
35-50 แอมพ์,10, 8, 8, 6, 6, 4, 4, 4
50-65 แอมพ์,8, 8, 6 ,4 ,4 ,4, 4, 2
65-85 แอมพ์,6, 6, 4, 4, 2, 2, 2, 0
85-105 แอมพ์,6, 6, 4, 2, 2, 2, 2, 0
105-125 แอมพ์,4, 4, 4, 2, 2, 0, 0, 0
125-150 แอมพ์ ,2, 2, 2, 2, 0, 0, 0, 00[/table]
เรื่องโดย : กองบรรณาธิการ
นิตยสาร 409 ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2554
คอลัมน์ Online : เทคนิค(car)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/82416