บรรดาผู้คนในแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยคงคาดไม่ถึงว่าจะถูกรัฐบาลปฏิเสธคำร้องขอความช่วยเหลืออย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดขนาดนี้ เพราะอุตส่าห์รวมพลประสานเสียงกันเซ็งแซ่ ทั้งปลอบ ทั้งขู่มานานเป็นเดือน
หลังจากรัฐบาลยืนยันไม่เอาด้วยแน่แล้ว ก็มีตัวเลขน่าตกใจโผล่สวนออกมาทันทีว่า ช่วงสองเดือนแรกของปีนี้ ยอดขายรถในประเทศตกฮวบถึง 49 % เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ยอดส่งออกเบาบางลงไป 24 %
ถ้าตัวเลขนี้ไม่ใช่การ ปล่อยของ เข้าท้องคุณกรณ์ ฯ โทษฐานที่ รู้ทัน แล้วล่ะก็ นับว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ของเรา งานเข้า เต็มๆ
แต่อย่าเพิ่งตีโพยตีพาย หรือวิตกทุกข์ร้อนจนเกินไป เพราะผมเชื่อว่า การหยุดซื้อรถในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้น เหตุไม่ได้มาจากกำลังซื้อของผู้บริโภคถดถอย หากมาจาก ข่าวดี ที่บริษัทรถยนต์กระพือโหมขึ้นมาในช่วงก่อนหน้านี้นั่นแหละ
ผมเข้าใจว่า บริษัทรถยนต์ต้องการดึงผู้บริโภคเข้าไปเป็นแนวร่วมของตนเอง จึงได้ยื่นข้อเสนอที่ได้ใจคนซื้อ ทั้งขอลดภาษีสรรพสามิต ลดภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมถึงขอนำค่างวดซื้อรถไปหักลดหย่อนภาษี ซึ่งถ้ารัฐบาลอนุมัติ จะทำให้รถยนต์มีราคาถูกลงรวม 3-50,000 บาท
เมื่อ ข่าวดี ถูกปล่อยออกมาแบบนี้ รวมกับท่าทีแข็งขันของกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ว่า ต้องได้ ทำให้ผู้ที่คิดจะซื้อรถเงื้อง่ารอราคาใหม่กันทั้งตลาด
โชคร้ายที่รัฐบาลดันตัดสินใจช้า คงกลัว ตูดขาด แถมหวาดข้อหาช่วยบริษัทต่างชาติ ตลาดก็เลย หยุดยาว คล้ายๆ กับช่วงที่รัฐบาลกำลังพิจารณาลดภาษีให้รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน อี 20 เมื่อปลายปี 2550 นั่นแหละครับ
ตอนนั้น โทษรัฐบาลได้เต็มๆ แต่งวดนี้ต้องถือว่าบริษัทรถยนต์ทำร้ายตัวเอง เพราะมั่นใจใน เพาเวอร์ มากเกินไปหน่อย จนลืมบริหาร ข่าวดี