รอบรู้เรื่องรถ
แอลพีจี ชอบหรือไม่ก็ต้องใช้
ชีวิตคนไทยขึ้นอยู่กับ แอลพีจี เพียงใด พวกเราคงได้เห็นกับตามาแล้ว เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา จากสภาวะขาดแคลน แอลพีจี แบบเทียม ที่ผมเรียกว่าเทียม เพราะน่าเชื่อว่าเกิดจากการกักตุน โดยหวังว่ารัฐบาลจะอนุญาตให้ขึ้นราคา
ปัญหาเชื้อเพลิงสำหรับพวกเรา ผู้ใช้รถชาวไทยจะยังคงอยู่อีกนาน ถ้ามันเป็นผลกระทบของปัญหาระดับโลก พวกเราคงจะเข้าใจและทำใจได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้ามันเกิดขึ้นเพราะความเจ้าเล่ห์ ฉ้อฉล ของกลุ่มนักการเมืองที่กำลังมีอำนาจ มันทำให้พวกเราทุกข์ใจและเจ็บใจเป็นสองเท่า คุณจะคาดหวังอะไรกับนักการเมืองพวกนี้ ที่มัวเมาแต่ผลประโยชน์ของพวกพ้อง แต่ไม่เคยศึกษาเลยว่า เชื้อเพลิงเหล่านี้ถูกขายด้วยวิธีใด ชั่งน้ำหนัก หรือว่า ตวงวัดปริมาตร ผมได้ยินและได้อ่านคำให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ของทั้งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน ฯ รวมทั้งลิ่วล้อระดับอธิบดี หรือผู้อำนวยการด้านเชื้อเพลิงและพลังงาน มั่วกันเละเทะไปหมด คนหนึ่งบอกว่า แอลพีจี ที่ปั๊มแกส ถูกขายให้แทกซีและผู้ใช้รถบ้านกิโลกรัมละ 11 บาทกว่า อีกคนบอกว่า CNG ลิตรละ 9 บาทกว่า
LPG นั้น ถูกขายให้กับผู้บริโภคในสถานะของเหลว ด้วยค่าความหนาแน่นที่ค่อนข้างตายตัว เราจึงเลือกหน่วยที่ขายได้สองอย่าง คือ เลือกขายด้วย มวล/ราคา โดยใช้การชั่งน้ำหนัก หรือเลือกขายด้วยปริมาตร/ราคาก็ได้ โดยการวัดเป็นลิตร หรือจะเป็นหน่วยอื่น เช่น แกลลอนในบางประเทศก็แล้วแต่ความนิยม ถ้าขายให้ผู้ใช้รถในวิธี มวล/ราคา คงจะยุ่งยากมากในการชั่งน้ำหนัก เราก็เลยใช้วิธีวัดปริมาตรเป็นลิตรและในทางตรงกันข้าม ถ้าจะขายให้ผู้บริโภคใช้ในครัวเรือน โดยวิธี ปริมาตร/ราคา ก็คงจะยุ่งยากมาก เราก็เลยขายในแบบ มวล/ราคา ทั้งผู้ขายและผู้ซื้อสามารถตรวจสอบมวลของแกสได้ โดยการชั่งน้ำหนักแกสรวมกับถัง แล้วหักลบออกด้วยน้ำหนักถังเปล่า
ในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ราคา แอลพีจี ตามปั๊ม ประมาณ 11 บาทกว่า/ลิตร และราคา แอลพีจี บรรจุถังสำหรับครัวเรือน ประมาณ 18 ถึง 20 บาท/กิโลกรัม (มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการฉวยโอกาสเอาเปรียบของผู้ขาย) เมื่อเทียบกันแล้ว แอลพีจี ที่ปั๊มสำหรับยานพาหนะ แพงกว่าเล็กน้อยไม่มากพอที่จะจูงใจให้ผู้ใช้รถหันมาถ่ายเท แอลพีจี จากถังสำหรับครัวเรือน ไปสู่ถังแกสในรถ ทุกครั้งที่ผมไปต่างจังหวัด จะเห็นลูกค้านำถัง แอลพีจี สำหรับครัวเรือน มาซื้อที่ปั๊มสำหรับรถยนต์ ด้วยความเชื่อว่าราคาถูกกว่ามาก เมื่อเห็นราคาเป็นบาท/ลิตร กับการเทียบราคาเป็นกิโลกรัม/ลิตร ที่ร้านขาย แอลพีจี สำหรับครัวเรือน เกือบทุกปั๊มลักลอบขายให้ ทั้งๆ ที่กฎหมายห้ามไว้อย่างเคร่งครัด
ใน กทม. มักจะแอบขายกันช่วงดึกถึงเช้า เพราะไม่เสี่ยงต่อการถูกจับ ผู้ขายได้เงินสบายไป ส่วนผู้ซื้อได้แต่ความดีใจ ว่าได้ซื้อของถูก แต่ความจริงแล้วเสียเงินค่า แอลพีจี เพิ่มขึ้น เสียแรงงาน เสียเวลา และเสียค่าเชื้อเพลิงสำหรับรถที่บรรทุกถังเปล่ามาด้วย แอลพีจี 1 ลิตร มีมวลเกินครึ่งกิโลกรัมเล็กน้อย หรือ แอลพีจี 1 กิโลกรัม มีปริมาตรเกือบ 2 ลิตร ถ้าร้านขาย แอลพีจี สำหรับครัวเรือนกิโลกรัมละ 19 บาท ถ้าเทียบเป็นปริมาตรก็จะมีราคาประมาณเกือบ 10 บาท/1 ลิตร ในขณะที่ปั๊ม แอลพีจี ขายลิตรละ 11.25 บาท ไม่คุ้มกับการดัดแปลง ถ่ายเท แอลพีจี สำหรับครัวเรือนมาใช้กับรถ
แต่เมื่อใดก็ตาม ที่รัฐบาลซื่อบื้อ ใช้วิธีบีบผู้ใช้รถ ให้หันไปใช้ ซีเอนจี หรือ เอนจีวี แทน แอลพีจี โดยการขึ้นราคาเฉพาะ แอลพีจี สำหรับยานพาหนะ ผมรับรองว่าหายนะระดับชาติจะต้องตามมา น้ำย่อมไหลลงสู่ที่ต่ำกว่าเสมอ เพราะฉะนั้นผู้ใช้รถจะหาทางซื้อ แอลพีจี สำหรับครัวเรือน มาเติมกันเองในโรงรถ
ผมจะวาดภาพให้ดูคร่าวๆ ได้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น จะมีพ่อค้าทั้งตัวจริงและสมัครเล่น ผลิตชุดอำนวยความสะดวกในการถ่าย แอลพีจี สำหรับครัวเรือน ไปสู่ถังของรถยนต์ ในรูปแบบของแท่นยึดแบบกระดกถังเอาหัวลงได้ มีท่ออ่อนเชื่อมระหว่างถังแกส กับหัวรับแกสของรถ ขายรวมกับแท่นยึดถังแกส เป็นชุดสำเร็จรูป บางรายอาจจะมีออพชัน ให้ลูกค้าเพิ่มเงิน สำหรับให้ความร้อนแก่เปลือกถังแกส เพื่อให้ แอลพีจี ไหลเข้าถังของรถได้มากที่สุดด้วย
จะมีการทุจริตกันที่โรงบรรจุ แอลพีจี เพราะใครก็อยากลักลอบซื้อ แอลพีจี ราคาถูกสำหรับครัวเรือนบรรจุรถบรรทุกแกสมาขายให้กับปั๊ม แอลพีจี สำหรับยานพาหนะ และเชื่อได้เลยว่า การฉ้อโกงระดับนี้ ต้องมีนักการเมืองชั่วร่วมรับผลประโยชน์อยู่เบื้องหลังเสมอ
ส่วนเรื่อง ซีเอนจี หรือที่รู้จักกันในชื่อที่ดันทุรังเรียกผิดว่า เอนจีวี แล้วสอนประชาชนให้เรียกตามนั้น ก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรอกครับ หลังจากเวลาผ่านไปอีกหนึ่งปี ผมเคยอ่านพบคำสอนของผู้รู้ชาวต่างชาติคนหนึ่ง ซึ่งผมจำสัญชาติไม่ได้แล้ว บอกไว้อย่างน่าเชื่อถือ ซึ่งใครที่มีเหตุผลแบบตรรกะ ได้อ่าน หรือได้ฟังแล้ว ย่อมเห็นด้วยทันที เขาบอกว่า จงอย่าเชื่อถือใครก็ตาม ที่สอน หรือเล่าถึงคุณสมบัติของใครหรือสิ่งใดแก่คุณ โดยที่เรียกชื่อผู้นั้น หรือสิ่งนั้นอย่างถูกต้องก็ยังไม่เป็นเลย
ผมอ่านคำให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานต่อสื่อมวลชนแล้ว ไม่ว่าจะพยายามทำใจ อยากเชื่อเพียงใด ก็ไม่สามารถทำได้ เรามาดูกันแบบแยกเป็นข้อให้ชัดดีกว่าครับ ผมตัดมาจากหนังสือพิมพ์รายวันแบบไม่ดัดแปลงข้อความดังนี้
1. การเติม ซีเอนจี แก่รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ให้เวลาเพียง 1 ถึง 2 นาที เท่านั้น คุณฝันไปหรือเปล่าครับ ?
2. มีการลงทุนสร้างปั๊ม ซีเอนจี สำหรับผู้ใช้รถแต่ละกลุ่มโดยเฉพาะ 3 กลุ่ม คือ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลรถแทกซี และรถขนส่งขนาดใหญ่
อยู่ที่ไหนบ้างครับ ? ช่วยบอกหน่อย ขนาดแบบรวมกันทุกประเภท ขับหา 1 ชั่วโมงเต็ม ยังไม่เจอแม้แต่ปั๊มเดียว
3. สิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ จะมีปั๊ม ซีเอนจี 245 แห่ง และสิ้นปีนี้จะมีทั้งหมด 355 แห่ง
อยู่ที่ไหนบ้างครับ ช่วยชี้ให้ประชาชนอย่างพวกเราดูหน่อย ทำเป็นจุดบนแผนที่แล้วแจกพวกเราก็ได้ ถ้ามีจริง หรือมีการเพิ่มจำนวนแค่ครึ่งเดียวของที่อ้าง รับรองว่า นักสร้างภาพ พวกนี้จะต้องลนลานไปทำพิธีเปิดให้สื่อมวลชนอย่างพวกเราถ่ายรูปแน่นอน ลองมาคิดเลขง่ายๆ กันดูก็ได้ครับ ถ้ามีการเพิ่มปั๊ม ซีเอนจี จากสิ้นเดือนกรกฎาคม 2008 245 ปั๊ม เป็น 355 ปั๊ม ตอนสิ้นปีนี้ มันคือการเพิ่ม 110 ปั๊ม ในเวลา 5 เดือน นั่นคือ 22 ปั๊ม/เดือน โดยเฉลี่ย ซึ่งหมายถึงจะมีการเปิดปั๊ม ซีเอนจี เฉลี่ยแล้ว ประมาณทุกวันทำการ คือ วันจันทร์ถึงศุกร์ไปตลอด คุณเชื่อไหมครับ การสร้างปั๊มน้ำมันแต่ละแห่งต้องใช้เวลาหลายเดือน ช่วยชี้ให้พวกเราดูหน่อยว่า มีการก่อสร้างปั๊มเกิน 100 แห่ง ที่ไหนบ้าง
4. มีการขนส่ง ซีเอนจี ทั้งหมด 496 คัน ในขณะนี้ และจะเพิ่มจำนวนเป็น 3 เท่า คือ 933 คัน ในปลายปีนี้
ถ้าเพิ่มเป็น 3 เท่า ต้องเป็น 1,488 คันครับ แต่ไม่เป็นไร 933 คัน ก็ถือว่ามากแล้ว กรุณาพาสื่อมวลชนอย่างพวกเราไปเป็นพยานหน่อย ว่าสั่งซื้อจากไหน หรือกำลังประกอบรถเหล่านี้อยู่ที่ไหนบ้าง พวกเราไม่เชื่อว่าจะมีรถจำนวนเท่านี้จริง และไม่มีความจำเป็นด้วย เพราะไม่ได้มีการเพิ่มปั๊มตามจำนวนที่อ้าง
5. เฉพาะรถแทกซีที่ใช้ ซีเอนจี มีอยู่แล้ว ขณะนี้ 20,000 คัน จากรถแทกซีทั้งหมด 50,000 คัน ภายในสิ้นปี จะเพิ่มแทกซี ซีเอนจี เป็น 40,000 คัน
ถ้าเป็นความจริง หมายความว่า พวกเราจะต้องเห็นแทกซีที่ใช้ ซีเอนจี 2 คัน จากทุกๆ 5 คัน ซึ่งไม่ใช่อย่างแน่นอน เท่าที่ผมมองดูแบบไม่ได้บันทึกสถิติ ในแต่ละ 10 คันที่เห็น ยังหาคันที่ใช้ ซีเอนจี ไม่ได้ จะเป็นโชคดีหรือโชคร้ายก็แล้วแต่ ที่ทั้งจำนวนปั๊ม ซีเอนจี และจำนวนแทกซีที่ใช้ ซีเอนจี ตามคำอ้างของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นข้อมูลเท็จ เพราะถ้าจำนวนแทกซีที่อ้างเป็นจริง คงเกิดจลาจล เพราะไม่มีปั๊มเพียงพอให้เติม
สัปดาห์ที่แล้วผมพบเพื่อนเก่าโดยบังเอิญ เป็นผู้บริหารหน่วยงานของรัฐวิสาหกิจ จึงได้รับการติดตั้งฟรีชุดใช้ ซีเอนจี มาเกินหนึ่งปีแล้ว แต่ไม่เคยได้ใช้ เพราะหาปั๊ม ซีเอนจี ไม่ได้ ทั้งย่านใกล้บ้าน และย่านใกล้ที่ทำงาน รวมทั้งเส้นทางที่ผ่านในชีวิตประจำวัน คนขับแทกซีหลายรายเล่าให้ผมฟังว่า ได้ถอดชุดใช้ ซีเอนจี ที่ถูกหน่วยงานของรัฐล่อลวงให้ติดตั้ง แล้วไม่สามารถทำมาหากินได้ ในที่สุดก็ต้องกลับมาใช้ แอลพีจี ตามเดิม ผมเชื่อว่า เหยื่อ ที่น่าเห็นใจเหล่านี้ ต้องมีจำนวนหลายพันรายแน่นอน
เรื่องโดย : เจษฎา ตัณฑเศรษฐี
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2551
คอลัมน์ Online : รอบรู้เรื่องรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/78816