X
Driven
Driving Impression
Test Drive
Test Drive Data
New Cars
รถใหม่ในประเทศ
รถใหม่ต่างประเทศ
News
ข่าวรอบโลก
ข่าวสารยานยนต์
All Around
เครื่องเสียง/Gadgets
แต่งรถ
ดูแลรักษารถยนต์
สาระสะใจ
วาไรตี้ยานยนต์
สถิติยอดจำหน่ายรถยนต์
TV Programs
รายการ โลกรถยนต์
รายการ Carnatomy
รายการ พี่น้องลองรถ
รายการ เรื่องรถ…เรื่องง่าย
รายการ คุณลุงใจดี
About Autoinfo
About Us
Advertise With Us
Privacy Policy
Terms of use
Car Buyer's Guide
ติดตามเราได้ทาง
X
Popular search in Autoinfo
50,000+ contents and images from writers
#1
Deepal S07
Hilux Champ
BYD Seal
BYD
NETA
TATA
หัวชาร์จรถ EV
รถกระบะ
ยอดขายรถยนต์
ราคารถยนต์
รถ EV
เปิดตัวรถใหม่
วิธีไหว้แม่ย่านาง
ฤกษ์ออกรถใหม่
พ่วงแบทเตอรี
วิธีดูแลรักษารถยนต์
ต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์
รู้ไว้ใช่ว่า
1 Jul 2007
"ป้ายหยุดทำเหตุ"
เรื่องราวมักจะเกิดขึ้นตามสี่แยก นี่ก็เช่นกัน รถ 6 ล้อซึ่งเจ้าของคือ
"นายเดินหน้า"
แกขับเดินหน้าเหมือนชื่อ ถึงสี่แยกแกเห็นว่าเป็นรถใหญ่กว่ารถของ
"นางเงินเหลือ"
ซึ่งเป็นรถอเนกประสงค์ราคาหลายบาทขับมาในทางเอก จึงไม่สนใจป้าย ไม่ชะลอความเร็ว พุ่งเข้าสี่แยกไปโลด นางเงินเหลือซึ่งอยู่บนทางเอกก็มั่นใจว่ารถอื่นที่อยู่ในทางโทจะต้องติดเบรค ยอมให้รถของนางเงินเหลือผ่านไปก่อน จึงเหยียบแป้นคันเร่งนำรถเข้าสี่แยกตามปกติ รถบรรทุก 6 ล้อของนายเดินหน้าจึงอยู่ในสภาพที่เขาเรียกว่า
"ตัดหน้า"
รถของนางเงินเหลือ จึงเกิดการเฉี่ยวชนกันแรงพอสมควร ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่รถที่เล็กกว่า คือ รถของนางเงินเหลือ เสียหายเยอะพอสมควร เกิดเรื่องขึ้นแล้วสำหรับในประเทศไทย ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันว่าฝ่ายที่ผิดจะยอมรับผิดยอมจ่ายค่าเสียหาย ลงเอยคือศาลต้องออกเหงื่อหลายจอกตัดสินคดีนี้เกือบทั้งหมด นางเงินเหลือนั้นแกเงินคงเหลือเหมือนชื่อ จึงซื้อประกันชั้นหนึ่งเอาไว้ บริษัทประกันต้องยักแย่ยักยันเอารถไปซ่อม แล้วตามเชคบิลล์เอากับรถบรรทุก จึงไปลงเอยที่ศาลเมื่อนายเดินหน้าสั่นหัว อั๊วไม่ผิดอั๊วไม่จ่าย บริษัทประกันต้องฟ้อง บังคับให้จ่ายเงินค่าซ่อมรถ 7.5 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ย จำเลยคือ นายเดินหน้าสู้คดีซิครับ เมื่อฟ้องเรียกเงินขนาดนั้น ให้การว่านางเงินเหลือประมาทฝ่ายเดียวบริษัทประกันหมดสิทธิ์ฟ้องเรียกเงิน ไอ้ที่จ่ายไปต้องรับหน้าเสื่อเอาเอง ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า นายเดินหน้าประมาทชัวร์ จึงตัดสินให้จ่ายเงินค่าเสียหายให้บริษัทประกัน 4.75 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ย บริษัทประกันนับนิ้วดูแล้วยังขาดทุน เพราะควักเงินจ่ายค่าซ่อมให้นางเงินเหลือไป 7 แสนกว่าบาท จึงอยู่ไม่ได้ ยื่นอุทธรณ์ขึ้นไปเพื่ให้ได้เยอะกว่านั้น ทางฝ่ายจำเลยคือ นายเดินหน้าก็ไม่ยอมแพ้ ยื่นอุทธรณ์อ้างอย่างเดิมว่า นางเงินเหลือประมาท ขอให้ยก ฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิจารณาอย่างเงียบๆ แล้วเห็นว่า นายเดินหน้าประมาทฝ่ายเดียวดังที่ศาลชั้นต้นว่าไว้ แต่เห็นว่าค่าเสียหายที่บริษัทประกันควรจะได้มากกว่านั้น จึงพิพากษาแก้ ให้นายเดินหน้ารับผิดจ่ายเงิน 6 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ย บริษัทประกันโอเคพอใจตามที่ศาลอุทธรณ์ตัดสิน ส่วนนายเดินหน้าดิ้นต่อไป ยื่นฎีกาอ้างว่าไม่ผิดและอ้างโน่นอ้างนี่ขอให้ยกฟ้อง ศาลฎีกาเพ่งดูคดีนี้จนได้ที่แล้ว จึงชี้ขาดออกมาน่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องป้าย "หยุด" ดังต่อไปนี้ ได้ความว่าทางที่นายเดินหน้าขับรถมาก่อนจะถึงสี่แยก มีเครื่องหมายจราจรว่า "หยุด" ปักอยู่ข้างถนนเครื่องหมายนี้ตามข้อกำหนดของกรมตำรวจเรื่องสัญญาณจราจร เครื่องหมายจราจร และความหมายของสัญญาณจราจร และเครื่องหมายจราจร ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 21 พรบ. จราจรทางบก พศ. 2522 ในส่วนที่ว่าด้วยเครื่องหมายจราจรประเภทบังคับ ข้อ 8 ให้ผู้ขับรถปฏิบัติตามความหมายแห่งเครื่องหมายนั้นๆ ดังต่อไปนี้ (1) เครื่องหมาย "หยุด" หมายความว่า รถทุกชนิดต้องหยุดให้รถและคนเดินเท้าในทางขวางหน้าผ่านไปก่อน เมื่อเห็นว่าปลอดภัยและไม่เป็นการกีดขวางการจราจรที่บริเวณทางแยกนั้นแล้ว จึงให้เคลื่อนรถต่อไปด้วยความระมัดระวัง พยานโจทก์รายหนึ่งขับรถมาถึงสี่แยกเดียวกันได้หยุดรถตามป้ายบอก แล้วเห็นรถของนายเดินหน้าที่อยู่คนละด้านไม่ยอมหยุด ขับพรวดเข้าสี่แยก จึงตัดหน้ารถของนางเงินเหลือที่ขับเข้าสี่แยกเช่นกัน เลยเฉี่ยวชนกัน เมื่อได้ความต่อไปว่า ในทางเดินรถของนางเงินเหลือไม่มีป้ายหยุดปักไว้ แสดงว่าเป็นทางเอก ฝ่ายจราจรต้องการให้รถที่มาทางโทอย่างรถของนายเดินหน้าต้องเป็นฝ่ายหยุดรอจนกว่าจะปลอดภัย จึงจะไปได้ เมื่อนายเดินหน้าทะลึ่งเดินหน้าลูกเดียวจนเกิดเรื่อง นายเดินหน้าจึงประมาทฝ่ายเดียว ตอนนี้นายเดินหน้าโดนอัยการฟ้องก็ยังรับสารภาพว่าขับรถประมาท คดีนี้จึงดิ้นไม่หลุด ต้องจ่ายค่าเสียหายให้เขา ศาลฎีกาจึงพิพากษายืน ตามที่ศาลอุทธรณ์ว่าไว้ สำหรับป้ายหยุด หรือป้ายอะไรก็แล้วแต่ในบ้านเมืองเรา มักไม่ค่อยศักดิ์สิทธิ์ มีการฝ่าฝืนกันจนเป็นเรื่องปกติ ถ้าไปรอดไม่เกิดเรื่องก็แล้วไป ถ้ามีเหตุเกิดขึ้น แล้วคู่กรณีมานั่งเถียงกันว่าใครผิดใครถูก ป้ายที่มีอยู่จึงจะออกฤทธิ์ ทำให้คนที่ฝ่าฝืนเป็นฝ่ายผิด ต้องควักเงินจ่ายดังเช่นคดีนี้
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 181/2548
อ่านต่อ
เรื่องโดย : ณรงค์ นิติจันทร์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2550
คอลัมน์ Online : รู้ไว้ใช่ว่า
ลิงค์สำหรับแชร์ :
https://autoinfo.co.th/article/57929
แชร์บทความ
Follow autoinfo.co.th
บทความแนะนำ คอลัมน์
รู้ไว้ใช่ว่า
รู้ไว้ใช่ว่า
18 Aug 2015
โทษเบาไปนะ !!!
รู้ไว้ใช่ว่า
17 Jul 2015
เบรคแตก
รู้ไว้ใช่ว่า
24 Jun 2015
ลืมไม่เข้าคุก !
รู้ไว้ใช่ว่า
19 May 2015
"ไฟไหม้รถ/ค้ายา !"
รู้ไว้ใช่ว่า
20 Apr 2015
"ลูกหลานใช้รถ !"
ดูต่อในคอลัมน์ รู้ไว้ใช่ว่า