ผลทดสอบต่างแดน
ดอดจ์ คาลิเบอร์
ดอดจ์ คาลิเบอร์ DODGECALIBER) รถอเนกประสงค์ล่าสุดจากค่าย ดอด์จ ที่เปิดตัวในปีที่แล้วด้วยรูปแบบของรถต้นแบบ หลังออกจากสายพานการผลิตก็ถูกส่งสู่สหราชอาณาจักร ด้วยเวอร์ชันพวงมาลัยขวา พร้อมกับรูปทรงที่ผสมกันอย่างลงตัวของรถแฮทช์แบคขนาดกลาง เอสยูวี และคูเป
ดอด์จ ได้เลือกโรงงานผลิตในอิลลินอยส์ ที่เคยใช้เป็นฐานการผลิต ดอดจ์ นีออน สำหรับการผลิตคาลิเบอร์ ที่มีขนาดใกล้เคียงกัน จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้ คาลิเบอร์ มีความโดดเด่น และแตกต่างด้วยรูปแบบของรถอเนกประสงค์ระดับแนวหน้า มีให้เลือกด้วยกันหลายรุ่น และรุ่นที่มีเครื่องยนต์ดีที่สุด คือ รุ่นทอพกับเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล ความจุ 2.0 ลิตร จากกลุ่ม โฟล์คสวาเกน
แทนที่เครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร ที่มีกำลังน้อยกว่า
การออกแบบรูปทรงภายนอกโดนแบบเต็มๆ ด้วยความโดดเด่นของรูปทรง ในด้านหน้าให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับรถเอสยูวี ด้านข้างโดดเด่นด้วยบังโคลนขนาดที่อวบอ้วนครอบคลุมล้อขนาดใหญ่ แนวเส้นบอดีที่โฉบเฉี่ยวให้ความรู้สึกเคลื่อนไหว ในขณะที่ด้านหลังให้ความรู้สึกที่บึกบึนดุจ เรนจ์ โรเวอร์แต่เมื่อมาดูกันในรายละเอียดยังพบว่าคุณภาพการประกอบยังไม่เป็นที่ยอมรับ โดยเฉพาะแผงข้างที่ยังมีช่องว่างมากเกินไป วัสดุราคาต่ำ และมือเปิดประตูสีดำ
ความคุ้มค่า และราคาก็เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการตัดสินใจซื้อ โดยในรุ่น 1.8 เอส 148 แรงม้า แม้มีราคาต่ำกว่า ฟอร์ด โฟคัส 1.8 แอลเอกซ์ อยู่ไม่น้อย แต่เมื่อหันมาดูรายละเอียดแล้ว พบว่าไม่ได้รับการติดตั้งระบบปรับอากาศ และวงพวงมาลัยขึ้นรูปจากพลาสติคที่ให้ความรู้สึกว่าด้อยคุณค่าไปนิดรุ่น 2.0 ซึ่งใช้ระบบเกียร์ซีวีที และรุ่นทอพที่ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล ซีอาร์ดี 16 วาล์ว 138 แรงม้าซึ่งเป็นรุ่นที่ใช้ในการทดสอบครั้งนี้ โดยมีออพชันเพิ่มเติมด้วยภายในห้องโดยสารหุ้มหนังแท้และใช้ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารดูสดใส การจัดวางอุปกรณ์อยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานสะดวก แต่มีข้อเสียที่ใช้วัสดุผลิตอุปกรณ์ดูราคาถูก และบอบบางเกินไป โดยเฉพาะปุ่มควบคุมการทำงานของระบบกระจกไฟฟ้าและแผงอุปกรณ์ที่ดูแข็งกระด้าง ที่น่าจะทำให้เข่าบาดเจ็บจากการถูกกระแทกได้
การจัดที่นั่งภายในห้องโดยสารอยู่ในตำแหน่งที่ดี การใช้งานอุปกรณ์ภายในตัวรถได้อย่างคล่องตัวที่นั่งสามารถปรับได้ตามความต้องการ แกนพวงมาลัยสามารถปรับได้เล็กน้อย ผู้โดยสารในด้านหลังมีเนื้อที่วางขาได้อย่างเพียงพอ แต่แนวกระจกด้านข้างที่ค่อนข้างสูงอาจบดบังทัศนวิสัยของเด็กเล็กในด้านหลัง ห้องเก็บสัมภาระในด้านหลังกว้างขวางเพียงพอด้วยความจุระดับ 525 ลิตร ภายในห้องโดยสารจัดว่าให้ความสะดวกสบายเพียงพอด้วยช่องเย็นพร้อมช่องวางขวด และกระป๋องในคอนโซลกลางมีช่องต่อ I-POD
สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร จากค่ายโฟล์คสวาเกน ที่ให้กำลังสูงสุด 138 แรงม้าที่ 4,000 รตน. และแรงบิด 31.7 กก.-ม. ที่ 1,750 รตน. ขับเคลื่อนล้อหน้าผ่านระบบเกียร์ธรรมดา6 จังหวะ เครื่องยนต์มีเสียงการทำงานค่อนข้างดัง โดยเฉพาะขณะเครื่องเย็น แต่จะเงียบลงเมื่อเครื่องร้อนขึ้น การตอบสนองของเครื่องยนต์จัดว่าน่าประทับใจ โดยเฉพาะในรอบสูง
ผลการวัดอัตราเร่งของ คาลิเบอร์ จัดว่าน่าพอใจ โดยการวัดอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ทำได้ใน 9.9 วินาทีซึ่งจัดว่าหรูแล้วสำหรับรถระดับนี้ แม้ว่าตัวเลขจากโรงงานผู้ผลิตเคลมว่าทำได้ 8.8 วินาที การเร่งแซงจัดว่ามั่นใจในความปลอดภัย โดยวัดในระดับความเร็ว 80-112 กม./ชม. ทำได้ 5.4 วินาที ในเกียร์ 4และ 7.8 วินาที ในเกียร์ 6
การทำงานของระบบเกียร์ จัดว่ายอมรับได้แม้ไม่คล่องตัวเท่าที่ควร นอกจากนั้นระบบคลัทช์ ยังมีช่วงการทำงานค่อนข้างยาว และเสียเวลา แม้จะมีการทำงานนุ่มนวล ความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ในระดับยอมรับได้ด้วยตัวเลข 18.06 กม./ลิตร ทั้งที่ตัวเลขจากโรงงานเคลมไว้ที่ 19.68 กม./ลิตร
ด้วยรูปทรงที่เน้นความกว้างขวางภายใน และค่อนข้างสูง ทำให้จุดศูนย์ถ่วงอยู่ในตำแหน่งค่อนข้างสูงประกอบกับการเซทระบบรองรับที่เน้นความนุ่มนวลมากกว่าเน้นการยึดเกาะ ทำให้ประสิทธิภาพการทรงตัวในย่านความเร็วสูงจึงไม่ดีนัก ในสภาพทางวิบากยังมีอาการโคลง และโยนค่อนข้างมากระบบพวงมาลัยยังมีการถ่ายทอดความรู้สึกสู่คนขับได้ไม่ดีนัก การควบคุมทิศทางอยู่ในระดับยอมรับได้
ทัศนวิสัยจากที่นั่งคนขับจัดว่าไม่ดีนัก ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้า หรือด้านหลังถ้าต้องการเครื่องทุ่นแรงอย่างเซนเซอร์ถอยหลัง ก็ยังไม่มีในรายชื่อของอุปกรณ์เสริมสำหรับรุ่นนี้
ระบบการเก็บเสียงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ โดยเฉพาะเสียงการทำงานของเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นเพราะระบบเกียร์ 6 จังหวะ ที่ช่วยให้เครื่องยนต์ไม่ต้องใช้รอบการทำงานสูงมากนัก แต่มีเสียงรบกวนจากกระแสลม และเสียงยางเมื่อใช้ความเร็วระดับ 130 กม./ชม. ขึ้นไป
อนาคตของ คาลิเบอร์ แม้ไม่อยู่ในระดับมืดมน แต่การเปิดตัวในตลาดยุโรปที่มีการแข่งขันด้านคุณภาพค่อนข้างรุนแรง คาลิเบอร์คงไม่สามารถเข้าไปเทียบชั้นได้ แต่ถ้ามองจากอีกมุมมองหนึ่งด้านความสวยงาม และราคาที่น่าสนใจ 3 ดาวสำหรับคันนี้ นับว่าสมเหตุสมผลแล้ว
เรื่องโดย : อกนิษฐ์ ทัพภะสุต
ภาพโดย : -
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2549
คอลัมน์ Online : ผลทดสอบต่างแดน
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/57597