วิถีตลาดรถยนต์
ไตรมาส 2
ปี 2549 จะเรียกว่า เป็นปีมหาหินมหาโหด สำหรับตลาดรถยนต์ในบ้านเราก็ว่าได้ถึงแม้จะมีรถยนต์รุ่นใหม่หลายรุ่นทยอยออกมายั่วกิเลสคนอยากขับรถป้ายแดง ตั้งแต่ต้นปี แต่ผลกระทบจากปัญหาหลายอย่างทำมุมตกกระทบซัดเข้าใส่มาหลายลูกหลายดอก ตั้งแต่ต้นปีเช่นเดียวกัน ทั้งจากเรื่องของการเมืองที่ยังไม่ยอมหยุดนิ่ง อัตราดอกเบี้ยเริ่มปรับตัวสูงขึ้น ปัญหาความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ปัญหาอุทกภัยในภาคเหนือ และที่สำคัญที่สุด ปัญหาราคาน้ำมันเชื้อเพลิง จนฝ่ายการตลาดของบริษัทรถยนต์หลายค่ายต้องปัดฝุ่นนำแคมเปญเก่า อย่างซื้อรถแถมน้ำมันฟรีออกมาใช้อีกครั้งหนึ่ง แต่ผลที่ได้ ยังไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยเท่าที่ควร จนยอดขายรถยนต์ในไตรมาสที่ 2 ส่อแววว่าจะร่วงมากกว่าจะรุ่ง !
ผลประกอบการของการจำหน่ายรถยนต์ทุกค่ายทุกประเภท ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านพ้นไป มียอดรวมกันอยู่ที่ 55,700 คัน เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม ปีที่แล้วติดลบ 7.3 % ขณะที่เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน ที่ว่าเป็นเดือนที่วันหยุดพักผ่อนต่อเนื่องหลายวันแล้ว กระเตื้องขึ้นมาเพียง 3.8 % เท่านั้น และเมื่อรวมตั้งแต่ต้นปี จนถึงเดือน 5 ตลาดรถยนต์ มียอดขายรวมกันที่ 279,244 คัน น้อยกว่า 5 เดือนแรกของปี '48 อยู่ 1.1 % โดย โตโยตา มีรถยนต์นั่งขนาดเล็กออกมาทำตลาดตั้งแต่ต้นปี และยังคงเป็นผู้นำตลาดรถยนต์เหมือนเดิม แต่ก็ขายรถยนต์ทุกประเภทออกไปได้รวม 111,588 คัน ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา แต่ก็ลดลงถึง 1.8 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่คู่แข่งที่ตามมาเป็นอันดับสอง และอันดับสาม อีซูซุ และฮอนดา ยังไม่มีรถใหม่เอี่ยมแกะกล่องออกมาเหมือน โตโยตากลับมียอดจำหน่ายรวมตั้งแต่ต้นปีเพิ่มสูงขึ้น โดยที่ อีซูซุ ที่ไม่มีรถยนต์นั่งส่วนบุคคลช่วยเสริมยอดขาย มีอัตราการเติบโตสูงกว่าปีที่แล้ว 0.8 % ทำยอดขายได้ 72,985 คัน ส่วน ฮอนดา ก็ไม่มีรถพิคอัพขาย ไม่ว่าจะขับ 4 ล้อ หรือ 2 ล้อ ก็ทำยอดขายได้สูงขึ้นถึง 38.9 % เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว 5 เดือนแรกของปีนี้ ฮอนดา ขายได้ 27,864 คัน นี่ถ้าทั้งสองบแรนด์นี้ มีรถออกขายครบทุกเซกเมนท์ เห็นทียักษ์ใหญ่อย่าง โตโยตา คงต้องออกอาการไม่มากก็น้อย
เฉพาะเดือนพฤษภาคม ยอดขายรวมของตลาดรถยนต์มีความน่าสนใจ ที่ตำแหน่งยอดรถยนต์ขายดิบขายดีในอันดับที่สี่ นิสสัน ซึ่งจัดได้เป็นสิงห์ปืนไว ออกแคมเปญแถมน้ำมันรถฟรีเข้ายุคน้ำมันแพงก่อนใคร ทำให้โดดจากตำแหน่งที่ 6 มาอยู่ในตำแหน่งที่ 4 แทน เชฟโรเลต์ และยังน่าสนใจอย่างต่อเนื่องว่า นิสสัน กำลังจะมี นิสสัน ทีดา ที่ก่อนหน้านี้ทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์แบบเป็นทอล์ค ออฟ เธอะ ทาวน์ ในวงการธุรกิจยานยนต์ ด้วยการนำรถติดสติคเกอร์ อยากขับ ทีดา ลายพร้อยรอบคันออกวิ่งทั่วเมือง เป็นที่โจษจันไปทั่วในเรื่องของความถูกต้องเหมาะสม เนื่องจากไม่ได้ใช้เฉพาะรถ นิสสัน เท่านั้น ยังใช้รถบแรนด์อื่นๆ ที่เป็นคู่แข่งขันด้วย ก็ต้องดูว่าช่วงเปิดตัวปลายเดือนมิถุนายน จะมีกระแสตอบรับมากน้อยเพียงไร ถ้ากระแสตอบรับไม่แรงอย่างที่หวัง เห็นทีจะโดนคู่แข่งถล่มซ้ำอย่างแน่นอน บแรนด์ที่ขายได้มากที่สุดในเดือนพฤษภาคมนี้ ยังคงเป็น โตโยตา ขายได้ 25,585 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 45.9 % ตามด้วย อีซูซุ 11,710 คัน ส่วนแบ่ง 21.0 % และฮอนดา เป็นอันดับสาม 5,888 คัน ได้ส่วนแบ่งตลาด 10.6 %
เซกเมนท์ที่มีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุด ได้แก่ รถพิคอัพ ขับเคลื่อน 2 ล้อ ที่รวมตั้งแต่ต้นปี มีส่วนแบ่งในตลาดรถยนต์ทุกประเภทอยู่ที่ 56.8 % จากยอดขายรวม 158,673 คัน มี อีซูซุ เป็นพิคอัพยอดนิยมอันดับหนึ่ง มีส่วนแบ่งตลาด 40.5 % ขายไปแล้ว 64,285 คัน ตามมาเป็น โตโยตา 52,264 คัน ส่วนแบ่งตลาด 32.9 % อันดับสาม เป็นของ นิสสัน ที่นอกเหนือจากรถเก๋งแล้วปลายปีนี้ก็จะมีพิคอัพรุ่นใหม่ออกมาทำตลาด แต่ ณ เวลานี้ ผ่านมา 5 เดือน มียอดขายอยู่ 11,784 คัน ส่วนแบ่งตลาด 7.4 % ลดลงไปกว่าช่วงนี้ของปีที่แล้ว 8.5 % ส่วนอันดับสี่ก็เบียด มิตซูบิชิ ขึ้นมา เชฟโรเลต์ ขายไปแล้ว 10,445 คัน มีส่วนแบ่งในตลาดนี้ 6.6 % ขณะที่ มิตซูบิชิ เริ่มแรงตก ไม่เหมือนช่วงสองสามเดือนก่อนนี้ ทำยอดขายรวมได้ 10,332 คัน ส่วนแบ่งตลาด 6.5 % ส่วน ฟอร์ด เและมาซดา ที่ออกพิคอัพตัวใหม่ร่วมสองเดือนแล้วยังไม่เวิร์คเท่าที่ควร ต้องใช้เวลาพิสูจน์กันต่อไป
เดือนพฤษภาคม ตลาดมียอดขายรวมกันที่ 30,930 คัน ครองส่วนแบ่งตลาด 55.5 % ของตลาดรวมเป็นเดือนที่ ไฮลักซ์ วีโก ของ โตโยตา ทำยอดขายได้เป็นกอบเป็นกำแซงหน้า อีซูซุ แชมพ์เก่าขึ้นเป็นแชมพ์เฉพาะกาลได้สำเร็จด้วยยอดขาย 12,898 คัน ขณะที่ อีซูซุ ดี-แมกซ์ ขายได้ 10,100 คัน ส่วน นิสสัน ก็กระโดดขึ้นมาอยู่ในอันดับที่สาม จากยอดขาย 2,368 คัน แซง เชฟโรเลต์ ที่ขายได้ 2,001 คัน มิตซูบิชิ ขายได้ 1,307 คัน รับตำแหน่งสุดท้ายในห้าอันดับแรกของพิคอัพขับเคลื่อน 2 ล้อ ที่ขายได้มากที่สุดในเดือนพฤษภาคมนี้ไป
ส่วนตลาดที่ย่อยแยกออกมาจากพิคอัพ ขับเคลื่อน 2 ล้อ ได้แก่ พิคอัพขับเคลื่อน 4 ล้อ จากปัญหาน้ำมันราคาแพงก็ส่งผลกระทบกับรถยนต์ในเซกเมนท์นี้ด้วยเช่นกัน 5 เดือนผ่านมามียอดขาย 13,646 คัน เทียบกับปีที่แล้วติดลบไป 25.2 % มี โตโยตา เป็นหัวแถวขายได้ 8,363 คัน รับส่วนแบ่งตลาดไป 61.3 % อันดับสองเป็นของ มิตซูบิชิ ที่ช่วงเดียวกันนี้ของปีที่แล้ว ยังไม่มี มิตซูบิชิ ทไรทัน ออกมาทำตลาด จึงมีการเติบโตที่เพิ่มขึ้นมาก ขายไปแล้ว 2,435 คัน มีมาร์เกทแชร์ 17.8 % ส่วนอันดับสาม และสี่ ยังไม่เปลี่ยนแปลงเช่นกัน เป็นของ อีซูซุ 1,619 คัน ส่วนแบ่ง 11.9 % และเชฟโรเลต์ 592 คัน ส่วนแบ่ง 4.3 % และฟอร์ด มาเป็นอันดับห้า 509 คัน ส่วนแบ่ง 3.7 % เฉพาะเดือนพฤษภาคมเมื่อเทียบกับเดือนเมษายนกระเตื้องขึ้นมาเล็กน้อยสำหรับตลาดในเซกเมนท์นี้ เดือนนี้ทำยอดขายรวมกันได้ 2,330 คัน ที่ขายได้มากที่สุดแน่นอนว่าเป็น โตโยตา 1,386 คัน ได้ส่วนแบ่งตลาดไปเกินครึ่งของตลาดรวม มิตซูบิชิ ที่ขายได้มากเป็นอันดับสอง ในเดือนที่แล้วมาเดือนพฤษภาคมโดน อีซูซุ เฉือนไปเพียง 7 คัน ขึ้นไปอยู่อันดับสองแทน ด้วยยอดขาย 289 คัน ขณะที่ มิตซูบิชิ ได้ไป 282 คัน ส่วน ฟอร์ด มาเป็นที่สี่ 227 คัน และเชฟโรเลต์ 92 คัน เป็นอันดับห้า
ส่วนตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ดูเหมือนว่ายังไม่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันมากนักความต้องการของรถยนต์ขนาดเล็กยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เมื่อรวม 5 เดือนแรก มียอดจำหน่ายที่ 73,744 คัน เติบโตสูงขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 10.7 % โตโยตา นำโด่งมาที่ 34,071 คัน ส่วนแบ่ง 46.2 % อันดับสองเป็นของ ฮอนดา 27,529 คัน คิดเป็น 37.3 % ทั้งคู่มียอดขายที่เติบโตขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่สำหรับ นิสสัน และเชฟโรเลต์ ที่มียอดขายรถยนต์นั่งรวม 5
เดือนมาเป็นอันดับที่สาม และสี่ กลับมีการเติบโตลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว นิสสัน ลดลงไป 29.6 % จากยอดขาย 2,597 คัน ส่วน เชฟโรเลต์ ลดลง 38.8 % จากยอดขายรวม 1,745 คัน ฟอร์ด มาเป็นที่ห้าอีกครั้งในตลาดรถยนต์นั่ง ยอดขายรวม 1,697 คัน นำหน้าอันดับหกที่เป็นของรถยนต์นั่งระดับหรูหรา เมร์เซเดส-เบนซ์ อยู่เพียงไม่กี่สิบคันเท่านั้น
ว่ากันเฉพาะเดือนพฤษภาคม ทุกบแรนด์ทำยอดขายไปได้ 16,350 คัน เพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้ว 13.9 %โตโยตา ขายได้มากที่สุด 8,079 คัน กินส่วนแบ่งตลาดไป 49.4 % ตามด้วย ฮอนดาเหมือนกับทุกเดือนที่ผ่านมา ฮอนดา ขายไป 5,840 คัน ส่วนแบ่งตลาด 35.7 % นิสสันมาแรงจริงในเดือนนี้พุ่งจากอันดับที่แปดในเดือนเมษายน ขึ้นมาอยู่อันดับที่สาม 548 คัน ขณะที่บแรนด์ดัง ไฮ-คลาสส์ อย่าง เมร์เซเดส-เบนซ์ ยังเกาะอันดับที่สี่ไว้เหนียวแน่น โดยขายไป 515 คัน และมาซดา 3 ถึงแม้เมื่อเทียบกับเดือนเมษายนยอดขายจะหายไปเกือบครึ่ง แต่ก็เพียงพอให้ขึ้นมารับตำแหน่งที่ห้าในเดือนนี้ ด้วยยอดขาย 291 คัน
ส่วนยอดจำหน่ายรถยนต์เซกเมนท์อื่นๆ เมื่อผ่าน 5 เดือนไปแล้ว รถเอสยูวี มียอดรวมที่ 13,617 คัน ลดลง 24.2 % ส่วนรถเอมพีวี ขายได้ 4,824 คัน ลดลง 39.4 %
ตลอดเดือนมิถุนายน เป็นเดือนแห่งการอดหลับอดนอน จากกระแสบอลโลกฟีเวอร์ที่หมุนเวียนมาบรรจบทุกสี่ปี ก็ต้องดูกันไปว่าจะมีปรากฏการณ์เซียนอยู่รู หมูอยู่ตึก กันบ้างหรือเปล่า แต่เชื่อแน่ว่า จะส่งผลต่อธุรกิจการจำหน่ายรถยนต์ในบ้านเราไม่มากก็น้อย เดือนมิถุนายนยอดขายคงไม่หวือหวามากขึ้นกว่านี้แน่ แต่จะลดลงในส่วนของรถใหม่ป้ายแดง และไปเพิ่มปริมาณรถยนต์มือสองในตลาดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับใครจะอ่านเกมของลูกหนังกลมๆ ที่เตะกันไปมาระหว่างผู้เล่นสองทีม ทีมละ 11 คน แต่มีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนจำนวนมหาศาลทั่วโลก
เรื่องโดย : ขุนสัญจร
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2549
คอลัมน์ Online : วิถีตลาดรถยนต์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/57417